จุดเริ่มต้นแห่งความฝันเส้นทางรถไฟสายทรานไซบีเรีย
และแล้ววันนี้ก็มาถึงการเดินทางที่ชิวใฝ่ฝันมานาน ทริป61วัน เราจะเริ่มต้นจากจีน นั่งรถเข้าชายแดนมองโกเลีย ต่อรถไฟสายทรานไซบีเรียรถไฟที่ยาวที่สุดในโลกยาวไปจนถึงรัสเซีย จากรัสเซียเข้ายุโรปยิ่งยาวไปถึงซานโตรินี่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้ตื่นเต้นเบอร์ไหน! ทริปที่ฝันมาตั้งแต่ห้าปีก่อนวันนี้จะเป็นจริง
เตรียมตัวก่อนการเดินทาง
- ตั๋วเครื่องบินไปปักกิ่ง
เพื่อลดเวลาการเดินทางเราเลยบินไปเริ่มที่ปักกิ่งเลย ตอนนี้มีสายการบินเดียวที่บินตรง ไทย-ปักกิ่ง คือการบินไทย ราคาตั๋วขาเดียวปกติจะอยู่ที่ประมาณ 7-8 พันบาท แต่เราแนะนำให้ใช้วิธีแลกไมล์เอาจ่ายแต่ภาษีเสียไป 800 กว่าบาทเอง โดยเราใช้วิธีสะสมผ่านบัตรเครดิต Citi Royal Orchid Plus Select ซึ่งคนที่เที่ยวบ่อยๆบอกตรงว่าทำเหอะมันคุ้มมากกกกกกก ไม่เสียอะไรเลย(ถ้าจ่ายบิลตรงเวลา)แถมได้ไมล์มาแลกตั๋วฟรีอีก โดยไฮไลท์ของบัตรก็จะประมาณนี้ที่ทำให้เราตัดสินใจใช้งานบัตรใบนี้
- ทุกๆการใช้ 20 บาทจะได้ 1 ไมล์
- ได้สิทธิ์เข้าห้องพักรับรองพิเศษ Royal Silk Lounge ที่สนามบินสุวรรณภูมิ 2 ครั้งต่อปีปฏิทิน เมื่อเดินทางด้วยการบินไทย เส้นทางต่างประเทศ
- ฟรีค่าธรรมเนียมสำหรับปีแรก และในปีถัดๆไปถ้าใช้ถึงยอด 300,000 บาทก็ฟรีค่าธรรมเนียมไปเลย
- ประกันอุบัติเหตุการเดินทางวงเงินสูงสุด 25 ล้านบาท
- รับเงินชดเชยเมื่อกระเป๋าเดินทางหาย หรือ เที่ยวบินล่าช้า วงเงินสูงสุด 50,000 บาท
จริงๆแค่ 5 ข้อด้านบนก็เพียงพอแล้ว จริงๆเค้ายังมีอีกหลายสิทธิ์เลย เช่น บริการความช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (Road Side Assistance) / บริการลิมูซีนเมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินผ่านบัตรฯ / ทำให้ได้เป็น ROP gold status เร็วขึ้น โอ้ยเยอะแยะอ่านเพิ่มในเว็บแล้วกันนะ
*ตอนนี้มีโปรถึง 30 ธค. 2017 สำหรับคนที่สมัครบัตรใหม่แล้วใช้งานยอดครบ 50,000 ติดต่อกัน 3 เดือนรับตั๋วไปกลับไปฮ่องกงฟรีๆ
อ่านรายละเอียดเพิ่มในลิงค์นี้นะ :: https://www.citibank.co.th/th/credit-cards/credit-card-royal-orchid-plus.htm
- วีซ่าจีน
จีนต้องใช้วีซ่าเข้านะ แต่ทำง่ายมาก คือง่ายจนไม่รู้ว่าทำไมต้องทำ ถ้าทำเองเสียค่าธรรมเนียม 1500 บาทต่อคน แต่เราแนะนำให้จ้างพวก agency ทำเค้าจะคิดประมาณ 1900-2000 บาทถ้าให้ agency ทำคือไม่ต้องเตรียมอะไรเลยนอกจากรูปถ่ายและพาสปอร์ตตัวจริง เค้าจะจัดการทุกอย่างให้หมดเอง
- App จำเป็น
- me : เนื่องจากที่จีนใช้ google map ไม่ได้นะครับ ดังนั้นเราแนะนำ App ชื่อ maps.me เป็นแผนที่เหมือนกันสามารถโหลดมาใช้งานแบบ offline ได้นะ
- Beijing subway : เอาไว้ดูข้อมูลรถใต้ดินตรงตัว
- google translate : แน่นอนว่าเอาไว้แปลภาษาจีน อย่าลืมโหลด offline transalte สำหรับภาษาจีนไว้ด้วยนะ
- Yoga VPN : เราโหลดฟรีมาหลายตัว ตัวนี้คือเวิคสุดละสำหรับเรานะ เอาไว้เล่น app social ที่จีน block
- Wechat : แอปแชทเอาไว้คุยกับเพื่อน โหลดใช้เฉพาะกิจเพราะแอปอื่นจีนบล็อกเรียบ!!
- ข้อควรรู้อื่น
- จีนใช้ Timezone +8 แปลว่าเวลาจะเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง
- คนจีนพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมากกกกกก
- จีนใช้เงินสกุลหยวน 1หยวน ประมาณ 5 บาทไทย
- ให้เตรียมข้อมูลการเดินทางอะไรไปให้พร้อม อย่าโลกสวยคิดว่าจะไปถามคนจีนด้วยภาษาอังกฤษแล้วจะคุยรู้เรื่องโอกาสน้อยมากกกกก
- Block ทุกสิ่งอย่าง facebook / google / line / instragram ทุกสิ่งจีนบล็อกหมด ต้องใช้ VPN ทะลวงเอาจะเล่นได้
น่าจะหมดคำแนะนำจากเราแล้วนะ จริงๆจีนเที่ยวง่ายมากคมนาคมดี แต่ปัญหาคือเค้าไม่พูดภาษาอังกฤษกันดังนั้นต้องเตรียมตัวให้พร้อมแล้วจะเที่ยวสบาย ^^
Day1-2 : กรุงเทพ-ปักกิ่ง
ไฟล์ทบินเกือบเที่ยงคืนแต่รีบไปแต่สามทุ่ม กันความผิดพลาดและวันนี้พี่จะไปใช้สิทธิ์ Citi Royal Orchid Plus Select เข้าเลาจ์นั่งสบายกินฟรีรออีกด้วยล่ะ
เมื่อเช็กอินเรียนร้อยก็ผ่านตม.ไทยปกติครับ จากนั้นก็เดินไปยังเลาจ์การบินไทยได้เลย วิธีใช้งานสิทธิ์ก็เพียงแค่ยื่นบัตร Citi Royal Orchid Plus Select ให้พนักงานก็เรียบร้อย ไม่ต้องพกอะไรอีกใบ ให้ยุ่งยาก เราสามารถใช้สิทธิ์ได้ฟรี 2 ครั้งต่อปีนะ จากนั้นก็บรรเลงเลยฮะ ของคาวหวานน้ำดื่ม หรือจะอุ่นเครื่องด้วย L ก ฮ ก็มีพร้อม
กินอิ่มแบบจัดเต็มในเลาจ์พอ 23:30 ผมก้าวขึ้นเครื่องการบินไทย TG674 บินตรงจากไทยสู่จุดเริ่มความฝันที่เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน การบินไทยเป็นสายการบินเดียวในตอนนี้ที่เปิดบินตรง กรุงเทพ-ปักกิ่ง เพื่อความ smooth as silk เริ่มต้นทริปแบบสบายๆเอาไมล์ในกระเป๋าไปแลกมาจ่ายภาษีแค่ไม่กี่ร้อยชีวิตดีแบบคูลคูลด้วยบัตรCiti ROP ^^
พอเครื่องขึ้นวันนี้อากาศออกจะไม่น่ารักกับเราซักหน่อย ลมแรงมากครับ สัญญาณรัดเข็ดขัดขึ้นโชว์แทบตลอดเวลาทำให้พนักงานไม่สามารถให้บริการตามปกติได้ ดีนะเนี้ยที่กินอิ่มมาจากที่เลาจ์แล้วระหว่างนี้ก็เลยพักผ่อนเอาแรงงีบสักเล็กน้อย บินTGก็ดีงามตามประสา full service นะครับ ผ้าห่ม หมอน พร้อม หนังเพียบ ไม่ต้องขนมาเองไม่ต้องซื้อเพิ่มแต่อย่างใด
เหลืออีก 1ชั่วโมงครึ่งก่อนเครื่องลงพนักงานสวมชุดไทยเอกลักษณ์ของการบินไทยก็เริ่มเสริฟอาหารเป็นมื้อเช้าพอดี วันนี้ผมเลือกบะหมี่หมู อร่อยมากกกกกกกกก การบินไทยยังรักษาจุดเด่นตัวเองเรื่องอาหารได้เหมือนเดิมเลยไม่ผิดเพี้ยน กินอิ่มสักพักก็เริ่มเตรียมตัว landing สู่เมืองแรกของทริปที่ปักกิ่งแล้ว
แม้จะมาถึงปักกิ่งแต่ตั้งแต่ไก่ยังไม่โห ตี5ครึ่ง แต่ผิดคาด แถวตม.ยาวมากกกกกกกกกกกกก ก.ไก่ล้านตัวไปเลยฮะ แถวสำหรับคนต่างชาติมีแค่ 2 แถวแล้วยาวเหยียดดดด ผ่านตม.จีนง่ายมากครับไม่ถามอะไรชิวเลย สิริเวลารวม 1 ชั่วโมงกับการผ่านตม. พอผ่านเสร็จก็มารับแล้วเราเข้าเมืองกัน
ปักกิ่งวันนี้เจริญขั้นสุด คมนาคมสะดวกมาก จากสนามบินเข้าเมืองขึ้น Airport express เข้าเมืองแค่ 25 หยวนเท่านั้น (กดที่ตู้เลยมีเมนูภาษาอังกฤษ) โดยจะไปสุดสายที่สถานีใต้ดินใหญ่ Sanyuanqiao หรือ Dongzhimen แล้วจากนั้นก็ดูกันเองนะครับว่าพักตรงไหนก็นั่งใต้ดินต่อกันไปเองค่าใต้ดินก็ถูกแสนถูก ครั้งละ 4 หยวน (ประมาณ 20 บาท) เท่านั้นเองถือว่าถูกมากกกกกก (BTS ไทยควรมาดูงาน !!)
ชิวเอาของไปเก็บที่พักเสร็จก็เริ่มออกเที่ยว โดยจุดแรกก็จิ้มมั่วๆด้วยการไป หอฟ้าเทียนถาน แลนด์มาร์คสำคัญของปักกิ่งครับ วิธีไปก็ง่ายมากนั่งใต้ดินไปเช่นเคยลงสถานี Tiantandongmen Station จากนั้นซื้อตั๋วเข้าชมก่อนนะฮะ บัตรค่าเข้าชม 34 หยวนนะ
ได้ตั๋วแล้วก็เดินยาวเข้าไปเลยจุดแรกที่เจอก็คือ คือ ก้อนหิน อืม…บอกตรงว่าไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร แต่คนมามุงถ่ายรูปเยอะใช่เล่น เราก็ถ่ายมั่ง 555 หันหน้าเข้าหินเลี้ยวขวาเข้าหอกันดีกว่าครับ ในที่นี้จะมีด้วยการ 3-4 จุดที่น่าสนใจครับ
จุดแรกก็คือ หอฟ้าเทียนถานนั่นเอง ตั้งแต่เริ่มนั้นเทียนถานใช้เป็นสถานที่บูชาทั้งฟ้าและดิน จนมาถึงสมัยของฮ่องเต้เจียจิ้งแห่งราชวงศ์หมิง (พ.ศ.2065-2110) จึงได้มีการสร้างหอบูชาดิน หอบูชาพระอาทิตย์ และหอบูชาพระจันทร์ แยกออกไปต่างหาก เทียนถานจึงเหลือชื่อเรียกเพียงหอบูชาฟ้าเท่านั้น
ในภาพเหมือนไม่มีคนนี่คือหามุมถ่ายรูปและรอคนหายไปครับ ของจริงคนเยอะมากกกกกกกกกเติม S หลายตัวเดียวดูภาพอื่นๆจะรู้ ฮิตขนาด
ด้านบนคือมายา อันนี้สิของจริง 555
จากหอนั้นเดินต่อมุ่งหน้าสู่ หยวนซิวถาน หรือ แท่นบวงสรวงฟ้า ตรงนี้มีกิมมิคที่ทุกคนจะต่อแถว(กึ่งแย่งชิง) ให้ได้ขึ้นไปยืนตรงกลาง ว่ากันว่าถ้าเราได้ไปยืนตรงนั้นและอธิฐานสิ่งที่เราขอจะเป็นจริง ^^
อันนี้หล่ะต้องแช่งชิงกันหน่อยยย
ชิวเดินแถวนั้นได้สักพักก็รู้สึกว่า พอเถอะ! ร้อนแบบไม่ไหวจะเคลียร์ (เรามาเดือน8หน้าร้อนพอดี) พอออกมาได้น้ำขวดๆแช่แข็งขายริมทางด้านหน้าก็รู้สึกดีขึ้นมาทันทีเลย มีแรงลุยต่อไปที่ถัดไป ถนนคนเดินวินเทจย่าน Nanluoguxiang วิธีไปเช่นเดิมครับนั่งใต้ดินลงสถานี Nanluoguxiang พอออกมาข้ามถนนก็จะเจอคนเยอะๆเดินตามพวกเค้าไปเลยฮะ
ที่ถนนนี้ชิวชอบเป็นพิเศษเลยมันมีความวินเทจแบบจีนผสมความโมเดิร์นแบบลงตัว มีทั้งของเก่าๆแนวๆขาย มีทั้งขนมอร่อยๆขาย เหมือนเราเดินลุยถนนคาเฟ่อะครับ ทั้งกินทั้งเที่ยวเพลินมากกกกก แนะนำให้ใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 2 ชั่วโมงน่าจะกำลังดีครับ เดินไปจนสุดทางแล้วก็เดินกลับ กินไปเรื่อยยย ^^
หลังจากเดินสำรวจยาวๆก็เสร็จขนมอันนี้เป็นวาฟเฟิ้ลกับไอติม เอร็ดมากฮะ
มีมุมถ่ายรูปเท่ๆ มีคาเฟ่เยอะเลยแถวนี้ แนะนำว่าไม่ต้องกินอะไรก่อนมามาจัดเต็มที่นี่ได้เลย
บรรยากาศในร้านสตาบัคที่นี่ คือดีงามไปอี้ก
กินเที่ยวเพลินตอนนี้ก็เย็นละตั้งใจว่าจะไปจัตุรัสเทียนอันเหมิน กะว่าไม่ร้อนเดินสบายๆแล้วเดินไปดูพระอาทิตย์ตกตรงจุดชมวิวด้านหลัง ตรงนี้คนเยอะมากกกกกกว่าเราจะฝ่าฝูงชนไปถึงทางเข้าได้แทบแย่ครับ แต่พีคไปกว่านั้นคือมัน ปิดแล้ว!! อั้ยหย่า ถามมาได้ความว่าวันนี้ปิดตั้งแต่ 16:30 อะครับ ก็เลยแวะถ่ายรูปกันเพลินๆแค่ด้านหน้าจตุรัส ไม่ได้เข้าไปพระราชวังต้องห้าม แล้วกลับห้องพักกันเมื่อคืนนอนบนเครื่องแค่ 2-3 ชั่วโมงยังพักผ่อนไม่อิ่มรีบกลับดีกว่า
มีเรื่องเล่ากับโฮสเทลชื่อ Sunrise คือจองตามเพื่อนสักคนในเฟสนี่แหละราคาถูกและทำเลดี ใกล้กับใต้ดินห่างแค่ 600 เมตรแต่ปัญหาคือมันร้อนมากกกกกกกกก แอร์ก็ไม่เย็น แถมกลิ่นอับในห้อง dorm แบบชายล้วนนี่ก็สุดติ่งกระดิ่งแมวเลยฮะ ที่พีคไปกว่านั้นคือล็อกเกอร์ผมล็อคแล้วเปิดไม่ออกอีก!! อือหืออออ นี่อยากจะทิ้งห้องแล้วไปเปิดโรงแรมนอนกันเลยทีเดียว ติดที่ล็อกเกอร์เปิดไม่ออก นี่คือโกธรแรงมากระดับสามารถกินหัวพนักงานได้ แต่พนักงานก็แบบไม่รู้จะทำยังไง ฮือออ เป็นการเริ่มต้นทริปที่โหดร้ายชะมัด แต่สุดท้ายก็นอนหลับไปเป็นโชคดีที่ร่างกายเพลีย 555 โถ่รสชาติชีวิตของแท้
Day3 : กำแพงเมืองจีน
วันนี้เราจะไปสำรวจสิ่งมหัศจรรย์ของโลกกัน กำแพงเมืองจีนนั่นเองฮะ จากปักกิ่งจะมี 2 จุดครับจุดที่ไปง่ายกับจุดที่ไปยาก ตรงจุดที่ไปยาก(ด่าน Mutianyu)เนี้ยมันจะสวยกว่ามีป้อมเยอะกว่า จากความพีคเมื่อคืนที่โฮสเทลนเจอเรื่องแย่มาเยอะ ก็เลยตัดสินใจเอาไงเอากันขอลุยกำแพงเมืองจีนอันสวยเลยที่ด่าน Mutianyu ไหนๆมาละ เจอไรก็ต้องเจอ จัดมา!!
ก็ไปตามรีวิวเว็บจีนเลยครับ เริ่มต้นที่นั่งใต้ดินไปลงสถานี Dongzhimen ก่อนจากนั้นต่อบัสสาย 916 แบบ express (ให้ดูที่มีตัวอักษรจีนต่อท้ายเลข916อะนะ เดาเอาว่าน่าจะแปลว่าด่วน ) ไปลง Huairou North Avenue แล้วต่อรถบัส แต่รีวิวไทยบอกให้ลงสถานี Mingzhu Guangchang แล้วต่อแท้กซี่ (ซึ่งชิวว่าไปลงป้ายตามบล็อกจีนน่าจะดีกว่า ) สรุปเราก็ลงตามรีวิวไทยแหละก็มีแท็กซี่ป้ายดำมารอรับกะฟันนักท่องเที่ยวแบบเราเลยตรงป้ายนั้น ผมก็ไม่ยอมไป 60 หยวน นี่ก็ยื้อกะแท็กซี่นิดหนึ่งก็ยอมเค้าที่ 40 หยวนต่อสองคนส่งถึงที่เลย
ข้อมูลการเดินทางละเอียดตาม blog นี้ไปเลยละเอียดมาก : https://www.travelchinaguide.com/china_great_wall/scene/beijing/mutianyu.htm
พอมาถึงแล้วพี่แท็กซี่เราก็บอกว่าจะพาไปซื้อตั๋ว Cable car ฮะราคา 120 หยวนแต่คืออ่านรีวิว travel China มาไงว่า 100 หยวนมั่นใจมากว่าลุงแท็กต้องเอาค่าคอมแน่ๆ ไม่จ้าลุงงตูจะไม่โดนหลอก หึหึ สรุปแกก็เดินตามชี้ทางพาไปซื้อตั๋วแหละ สรุปลุงไม่ได้หลอกหว่ะมันขึ้นราคาแล้ว 120 หยวนจริงๆ ต้องกราบขอโทษลุงด้วยนะครับ >.<
ส่วนวิธีการขึ้นลงกำแพงเมืองจีนมีด้วยกัน 2 วิธีคือ ขึ้นลงด้วย Cable หรือจะขึ้นด้วย Cable และลงด้วยรถเลื่อน sideway ราคาเท่ากันนะ ถ้าวัยรุ่นเราแนะนำแบบลงด้วยรถเลื่อนสนุกกว่ามันส์มากบอกเลย เออแต่มันจะมีค่ารถ shuttle bus รวมด้วยสิริรวมค่าเข้าทั้งหมดเป็น 180 หยวนอะ (แพงชิบ)
ค่าเข้าแพงและมายากแต่โดยรวมคือคุ้มมากกกกกกกก กำแพงเมืองจีนครั้งที่สองที่ด่าน Mutianyu ไม่ทำให้เราผิดหวัง ได้กล้ามขามาเพียบ!! ขนาดเราเดินไม่กี่ป้อมยังเหนื่อยขนาดนี้ นี่คิดถึงคนสร้างเลยกว่าจะสร้างได้ยิ่งใหญ่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้ขนาดนี้ต้องเหนื่อยขนาดไหน มาชมเถอะดีงามจริงงงงงง
เดินเที่ยวถ่ายรูปจนอิ่มแล้วก็ลงกันตามที่เขียนไปขาลงเราจะนั่งรถเลื่อนลงไป คือดีงามสนุกมากแนะนำอย่างยิ่งยวด แต่อย่าคิดว่าจะซิ่งทะลุฟ้าได้นะฮะ เพราะระหว่างทางจะมีเจ้าหน้าที่คอยกำชับให้ลดความเร็วลงเสมอ เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองนาจา
เอ้า! ถึงเรื่องยากละ อ่านแต่ขามา แล้วขากลับล่ะ!จะกลับยังไง??? … ก็เลยลองไปถาม information ว่าจะกลับด้วยบัสยังไง พนักงานชี้ให้ข้ามมาตรงข้ามแล้วยูก็นั่ง any green bus (รถบัสอะไรก็ได้สีเขียว) ก็นั่งรอกันไป คือรอนานมากกกกก็ไม่มีรถมาสักกะที ทีนี้เราก็เจอคนจีนพูดอังกฤษได้ดีมาพอดีเลยถามขอความช่วยเหลือ พวกบอกว่าเค้ารอเหมาแทกซี่กลับปักกิ่งกันประมาณ 200 หยวน เค้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีบัสกลับจากตรงนี้ไม๊นะ – -”
ระหว่างกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเอายังไงดี ก็มีรถตู้เล็กๆมาจอดเทียบ ถามว่าไปเมือง Huairou ไม๊คนละแค่ 10 หยวนเอง (คนจีนกลุ่มนั้นช่วยแปลให้) เอ้าสิบหยวนเองก็ไปสิครับรอไร นั่งรถตู้เก่าๆสภาพกังๆยาวไป แต่รถมาส่งถึงเลยแค่ข้ามถนนขึ้นรถบัสแบบ 916 express กลับปักกิ่งกันฮะ อาหารจีนชิวไม่ถูกปากก็เลยจัด sushi express ในห้างแถวสถานีรถอะครับ อิ่มแปร่แล้วกลับที่พักกัน ^^ วันนี้ตอนแรกคิดว่าจะเจอปัญหาเยอะแยะมากมายแต่กลับไม่เจออะไรเลย เที่ยวง่ายเกิ้นนนนนนนน (ง่ายก็ไม่ชอบนะแก 555 )
Day4 : ขึ้นจุดชมวิว + ไปชายแดนจีนมองโกเลีย
เช้าวันนี้ตื่นตั้งแต่ตี 5ครึ่งเลยครับมีนัดไปดูวิวงามๆหน่อย ก็ออกเดินจากที่พักไปยังจุดชมวิวในสวน Jingshan park (อยู่ด้านหลังพระราชวังต้องห้าม) จากโฮสเทลเราเดินไปประมาณ 2 กิโลครับก็เดินเพลินๆตอนเช้าอากาศดีมาก เย็นๆสบายๆฮะ วิวระหว่างทางเดินไปก็สวยแล้ว
พอสายๆก็ได้เวลาบอกลาเมืองปักกิ่งแล้วนะ เพราะเรามีภารกิจต้องรีบไปซื้อตั๋วรถนอนไปยังชายแดนปักกิ่ง-มองโกเลียให้ได้ซะก่อน (วิธีการไปด้วยรถแบบนี้ถูกกว่าการนั่งรถไฟไป4เท่า) ที่ต้องรีบไปคือเมื่อคืนนั่งหาข้อมูลอ่านรีวิววิธีการข้ามไปชายแดนแบบประหยัด แอบวิตกขึ้นมาเพราะบางคนก็หารถไม่ได้ในวันนั้น ไรงี้ครับแล้วเค้าเขียนไว้ว่าควรไปไวๆไปซื้อตั๋วก่อน
วิธีการไปเช่นเคยครับตามรีวิว ซึ่งเราตามรีวิวไทยอีกแล้ว….และความพีค(อีกแล้ว) คือเค้าเขียนชื่อสถานีรถไฟใต้ดินที่ลงผิดอีกแล้ว T-T พอลงสถานีผิด(ลงก่อน1ป้ายมั้ง) ผมก็เลยตัดสินใจนั่งแท้กซี่ไปเลยครับกลัวพลาดอีก สื่อสารก็ไม่รู้เรื่องดีที่เซฟรูปสถานีรถบัสในมือถือไว้คนขับก็เลยมาส่งได้ถึงที่ในราคา 18 หยวน
แนะนำวิธีเดินทางแบบละเอียดอ่าน blog นี้ >> http://www.outofyourcomfortzone.net/how-to-get-from-china-beijing-to-mongolia-ulaanbaatar-for-less-than-45-usd/
พอมาถึงสถานี Muxiyuan (木樨园客运站) ได้แล้วก็เดินผ่านนายหน้าทุกคนเข้าไปซื้อตั๋วกับพนักงาน ความพังคือพนักงานพูดอังกฤษไม่ได้เลยครับแต่ก็ยิ้มแย้มดี ชิวท่อง keyword เมืองที่ไปคือ Erlian ให้เค้าฟัง โอเคเค้าเข้าใจ เค้าเขียนให้เราดูบอกมีรถรอบ 18:20 โอเครรรกี่โมงก็ได้ฮะ ไปได้ให้มันมีรถเหอะ เย้!เราได้ตั๋วรถบัสแล้วคร้าบบบบบบบ
เที่ยวห้างกินข้าวนั่งเล่นในคาเฟ่จนถึงเย็นก็กลับมารอที่สถานีรถบัสครับ พอ 18:00 ลุงก็เรียกพวกเราขึ้นรถ (เจ้าหน้าที่ดีมาก คุยกันไม่รู้เรื่องแต่ก็ช่วยเหลือขั้นสุด) รถดูดีมาก มีแค่เราสองคนละคนจีนอีกคน 18:20 รถก็ออกตรงเวลา และ…. มาจอดค้างอีกเกือบ 2 ชม.!! มีรับคนชุดใหญ่ขึ้นมาเกืิอบเต็มรถ ถถถถถถถถถถถ
สำหรับวันนี้ตีตั๋วนอนยาวก่อนนะคร้าบ นอนสบายมากครับ หลับยาวเลย ตื่นมาอีกทีเห็นไดโนเสาร์เยอะๆแบบนี้แปลว่าถึงชายแดนแล้วนะ
Day5 : ชายแดนมองโกเลีย
อ่านรีวิวฝรั่งมาว่าพี่คนขับจะจอดนอนตอนดึกๆไม่ต้องตกใจ… แต่รถเราไม่จ้ะ แกยิงยาว มาถึงชายแดนตั้งแต่ 6:20!! ว้าววว มาถึงเร็วกว่าที่คิดเยอะเลย แต่ยังไม่จบเพราะชายแดนมองโกเลียเปิด 9 โมงโน้นครับ ระหว่างนี้ก็ลากกระเป๋าหาที่นั่งรอไปก่อน มีแวะเวียนไปตรงวงเวียนเพื่อลองถามราคาดูบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้ราคาที่ถูกใจ โชคดีตรงนั้นมีโรงแรมที่ปล่อยไวไฟฟรีให้เล่นก็เล่นรอเวลาไปก่อน
พอ 9:00 ถึงเวลาก็ลากเป๋าเดินไปหารถจี้บพาข้ามไปฝั่งมองโกเลียกัน(อยู่แถววงเวียน) ถามไปทั่วต่อราคาแบบขั้นสุดได้มา 60 หยวนต่อคน ( อ่านมาประมาณ 40-100 หยวน ) รถจะพานั่งรถพาข้ามตม.ทั้งสองประเทศไปส่งถึงสถานีรถไฟมองโกล (Zamiin-Uud) หมายเหตุ :: อย่าให้ค่าโดยสารก่อน บอกเค้าว่าถึงสถานีมองโกลแล้วจะให้กันโดนชิ่งนะจ้ะ
รถก็จะวิ่งไป 10 กิโลเองมั้งใกล้ๆถึงชายแดนจีนแล้ว งานงอกเลยฮะโดนตม.จีนเรียกไปสัมภาษณ์แบบเข้มข้น10 นาที ไปไหน อะไร ยังไง มาเที่ยวเหรอ จะไปไหน ตรวจรูปที่ถ่ายเช็กอย่างหลายสิ่งแต่ก็ไม่มีอะไรมากครับพนักงานสุภาพและพูดภาษาอังกฤษได้ดีเลย ก่อนจะผ่านมีขอโทษเราด้วยนะที่ต้องตรวจเข้ม เค้าบอกว่าเป็นหน้าที่เค้า โอ้โหสุภาพอะไรเบอร์นั้น!!
เย้! เราได้สแตมป์มาแล้วครับบบบ ออกนอกประเทศจีนได้จ้า ป้ายหน้าได้เข้ามองโกเลียแล้วนะ
พอผ่านตม.จีนก็ขึ้นรถจิ้บคันเดิมที่เราจ้างมานั่นล่ะ เค้าจะพาขึ้นรถต่อไปยังตม.มองโกเลีย สำหรับคนไทยไม่ต้องใช้วีซ่านะครับในการเข้ามองโกเลีย ชิวไม่โดนถามอะไรเลยเข้าง่ายมาก
พอผ่านตม. มองโกเลียแล้วจะมีร้านรับแลกเงินตรงนั้นเลย ชิวเอาเงินจีน(หยวน) ที่มีทั้งหมดแลกเป็นเงินมองโกลหมดเลยตรงนี้ เรตค่อนข้างดีเลยครับและไม่ต้องไปหาแลกที่สถานีอีกด้วย เราแนะนำ พอแลกเงินเสร็จก็ออกมาขึ้นรถจิ้บคันเดิมได้เลย เค้าจะพาวิ่งตรงไปอีกสัก 10 กิโลและไปจอดให้หน้าสถานีรถไฟ Zamiin-Uud เป็นอันถึงอย่างเป็นทางการนะฮะ จ่ายตังได้
สถานีรถไฟชายแดนมองโกลก็จะหน้าตาประมาณนี้ เย้!ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้ พอถึงแล้วให้รีบไปซื้อตั๋วรถไฟไปอูลานบาตอร์ แต่ไม่ได้ขายที่สถานีนะอยู่ตึกใหม่ๆข้างๆกันเดินเข้าไปซื้อได้เลย
สำหรับบล็อกนี้ชิวก็ขอเขียนถึงตอนนี้นะ ตอนหน้าเจอกันป้ายเมืองหลวงมองโกเลียที่ อูลานบาตอร์ ครับ!