“ อินเดีย ” เค้าว่ากันว่า ประเทศนี้ถ้าไม่รักก็เกลียดไปเลย อันนี้พูดเลยว่าจริงมากกกกกกกกก ตั้งแต่ไปอินเดียครั้งแรกก็คิดเลยว่า “พอ พอแล้ว ครั้งเดียวเลิก” แต่ด้วยโชคชะตายังไงไม่รู้ นี่เป็นรอบที่ 4 ของเราแล้วนะที่ได้ไปเที่ยวอินเดีย แต่รอบนี้แตกต่างกันออกไป
มาอ่านประสบการณ์การตะลุยแคชเมียร์รอบนี้กัน จะเป็นยังไง สนุกแค่ไหน สวยเบอร์ไหน ไปดู
DAY 1 : Bangkok – Srinagar
เราจะไปดินแดนที่ชื่อว่า สวิสเซอร์แลนด์ แห่งอินเดียกัน ที่แคว้นแคชเมียร์ โดยเราจะบินจากไทย ต่อเครื่องที่เดลี และจบปลายทางลงที่เมือง Srinagar เมืองแห่งสายน้ำ ขุนเขา และ ทะเลสาบอันเลื่องชื่อ ระยะเวลารวมต่อเครื่องใดๆแล้วก็ปาไปเกือบ 9 ชั่วโมงแหนะ !
เราจะไปดินแดนที่ชื่อว่า สวิสเซอร์แลนด์ แห่งอินเดียกัน ที่แคว้นแคชเมียร์ โดยเราจะบินจากไทย ต่อเครื่องที่เดลี และจบปลายทางลงที่เมือง Srinagar เมืองแห่งสายน้ำ ขุนเขา และ ทะเลสาบอันเลื่องชื่อ ระยะเวลารวมต่อเครื่องใดๆแล้วก็ปาไปเกือบ 9 ชั่วโมงแหนะ !
DAY 2 : Srinagar – นอนเรือบ้าน
เราบินมาถึงเมืองศรีนาการ์ เริ่มต้นวันด้วยการเจอคนขับรถส่วนตัวที่พาชาวเราเที่ยวตลอด 5 วันนี้ หลังจากทำธุระปะปังด้วยการพยายามจะซื้อซิมการ์ดเพื่อใช้ในโซนนี้ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะอะไรไม่รู้ ก็เลยอะช่างมันไปเที่ยวกันดีกว่าที่เมืองศรีนาการ์นี่เป็นเมืองใหญ่เอาเรื่อง มีประชากรอยู่หนาแน่นกว่าที่เราคิดไว้มาก ตอนแรกชิวคิดว่าจะคนน้อยๆเมืองเล็กโคตรๆเหมือนกับเลห์ เมืองเพื่อนบ้านใกล้กันที่เราเคยไปเมือง 4 ปีก่อน (หลายคนน่าจะเคยไปเลห์แล้วใช่มะ คนละฟีลล์กันเลย ) หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวสวน 2-3 ที่ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คของที่อินเดียนี่แหละ แต่…ขอเล่ากันตามตรงว่ามันไม่ค่อยพิเศษเท่าไหร่นะ
เราบินมาถึงเมืองศรีนาการ์ เริ่มต้นวันด้วยการเจอคนขับรถส่วนตัวที่พาชาวเราเที่ยวตลอด 5 วันนี้ หลังจากทำธุระปะปังด้วยการพยายามจะซื้อซิมการ์ดเพื่อใช้ในโซนนี้ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะอะไรไม่รู้ ก็เลยอะช่างมันไปเที่ยวกันดีกว่าที่เมืองศรีนาการ์นี่เป็นเมืองใหญ่เอาเรื่อง มีประชากรอยู่หนาแน่นกว่าที่เราคิดไว้มาก ตอนแรกชิวคิดว่าจะคนน้อยๆเมืองเล็กโคตรๆเหมือนกับเลห์ เมืองเพื่อนบ้านใกล้กันที่เราเคยไปเมือง 4 ปีก่อน (หลายคนน่าจะเคยไปเลห์แล้วใช่มะ คนละฟีลล์กันเลย ) หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวสวน 2-3 ที่ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คของที่อินเดียนี่แหละ แต่…ขอเล่ากันตามตรงว่ามันไม่ค่อยพิเศษเท่าไหร่นะ
อีกหนึ่งกิจกรรมเด็ดคือช่วงเย็นๆพวกเราได้นั่งเรือไม้ล่องไปในทะเลสาบ มันจะฟีลล์แบบนั่งเรือล่องตลาดน้ำแบบอัมพวาบ้านเราอะนะ แต่บรรยากาศมันดีกว่ามากๆเลย ด้วยอากาศเย็นสบาย มองไปไกลๆเห็นภูเขาหิมะ อย่างดีย์! 
ตัดภาพมาที่ไฮไลท์ของเมืองศรีนาการ์เลยแล้วกันจะได้ไม่ยาว นั่นคือการ “นอนเรือบ้าน” ที่ศรีนาการ์เนี่ยมีไฮไลท์ที่ทำให้เราอยากมาคือการนอนในเรือ ที่เอามาทำเป็นบ้านแบบจริงจังเลย แบบห้องกินข้าว ห้องนอนหลายห้อง ห้องรับแขก ห้องอาบน้ำ ทุกสิ่งอย่างคืออยู่ในเรือหมด เป็นบรรยากาศฟีลล์แบบโฮมสเตย์มาก เราไปกัน 6 คนก็เหมาทั้งลำเลยเป็นของเรา แยกกันนอน 3 ห้อง อาหารที่เอามาเสริฟอร่อยกว่าที่คิดมาก เป็นอินเดียที่แบบเฮ้ยยยยย อร่อยเลย อร่อยเกินคาด อร่อยแบบกินได้ !
DAY 3 : Sonamarg – เค้าเรียกว่า “นิวซีแลนด์ แห่งอินเดีย”
วันที่ 2 ของการเดินทาง วันนี้เรานั่งรถยิงยาวขึ้นเหนือไปประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งบรรยากาศตลอดสองข้างทางคือวิวธรรมชาติสวยมาก สวยแบบส๊วยยยยย สวยไม่แพ้ยุโรปเลย พอไปถึงก็จะมี เอเจ้นท์พาขี่ม้ามารับ จากนั้นก็ขึ้นม้ายาวไปกระเด้งกระดอนไปตามทางบนหลังม้า จนถึง Glacier (กราเซียร์) บอกตรงๆบรรยากาศด้านวิวมันดีมากกกกกก วิวสวยมากกกก คำว่ามินินิวซีแลนด์นี่ไม่จกตา
วันที่ 2 ของการเดินทาง วันนี้เรานั่งรถยิงยาวขึ้นเหนือไปประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งบรรยากาศตลอดสองข้างทางคือวิวธรรมชาติสวยมาก สวยแบบส๊วยยยยย สวยไม่แพ้ยุโรปเลย พอไปถึงก็จะมี เอเจ้นท์พาขี่ม้ามารับ จากนั้นก็ขึ้นม้ายาวไปกระเด้งกระดอนไปตามทางบนหลังม้า จนถึง Glacier (กราเซียร์) บอกตรงๆบรรยากาศด้านวิวมันดีมากกกกกก วิวสวยมากกกก คำว่ามินินิวซีแลนด์นี่ไม่จกตา
แต่มันติดตรงเดียวคือความ “อินเดีย” ซึ่งจะมีพวกคนอินเดียที่หากินกับนักท่องเที่ยวมาวอแวเราตลอดเวลา จะชวนไปทำกิจกรรมโน้นนี่นั่น แล้วรังควานไม่เลิก อันนี้เตือนไว้ให้ทำใจก่อน ยังไงอินเดียก็คืออินเดีย จะมองว่าน่ารำคาญก็ได้ หรือจะมองว่าเป็นเสน่ห์ก็ได้ ประเทศไหนก็ไม่มีแบบนี้เด้อ
DAY 4 : PAHALGAM – นี่มันวิวสวิสเซอร์แลนด์ชัดๆ
Pahalgam (หุบเขาแกะ) อันนี้ดังมากในอินเดีย คือหนังอินเดียทั้งหมดที่จะถ่ายทำอะไรฟีลล์แบบยุโรป สวิสเซอร์แลนด์จะมาถ่ายทำที่นี่ จนกลายเป็นที่ๆโด่งดังไปทั่วอินเดียเลย ใช้เวลานั่งรถไปประมาณ 4 ชั่วโมง บอกเลยว่าบรรยากาศข้างทางอะไรใดๆคือสวยมากกกกกก
Pahalgam (หุบเขาแกะ) อันนี้ดังมากในอินเดีย คือหนังอินเดียทั้งหมดที่จะถ่ายทำอะไรฟีลล์แบบยุโรป สวิสเซอร์แลนด์จะมาถ่ายทำที่นี่ จนกลายเป็นที่ๆโด่งดังไปทั่วอินเดียเลย ใช้เวลานั่งรถไปประมาณ 4 ชั่วโมง บอกเลยว่าบรรยากาศข้างทางอะไรใดๆคือสวยมากกกกกก
พอมาถึงเมือง Pahalgam เมืองอย่างสวยเลยนะ แต่ความอินเดียยังไงไม่จบง่ายๆ เจอเรื่องให้ต้องหนักใจอีกรอบ 555 เพราะว่ารถเหมาที่เราใช้ไม่สามารถพาไปเที่ยวที่เมืองนี้ต่อได้ ต้องจ้าง local taxi พาไปเที่ยวต่อ อะตามนั้นเลย มันก็ดูเป็นระบบดีใช้ได้นะ
สรุปก็เลยได้ไปเที่ยว Aru Valley / Betab Valley ซึ่งต้องยอมรับว่าธรรมชาติของเค้านั้นสวยจริงๆ แอบเสียดายวันที่เราไปอะฝนตก เลยเก็บบรรยากาศได้ไม่เต็มที่ ตกเย็นเรากลับมาเดินเที่ยวเมือง Pahalgam อีกรอบ เมืองสวยมากๆเลยนะเนี่ย บรรยากาศเราว่าคล้ายเมือง Banff ที่แคนนาดาเลย แค่เปลี่ยนบ้านเมืองอินเดียเป็นบ้านทรงฝรั่งนี่ใช่เลยยยย
DAY 5 : GULMARG
ไปต่อวันเกือบสุดท้ายก่อนกลับเมืองไทยที่เมือง Gulmarg ที่นี่เป็นเมืองตากอากาศที่ยอดฮิตที่สุดแห่งหนึ่งของชาวอินเดีย ตอนเราไปนี่คนอินเดียเยอะมากกกกกกกกกกก เพราะที่นี่เป็นแห่งเดียวในอินเดียที่มีทั้งหิมะ และ มีกระเช้า ในที่เดียวกัน คือลองนึกภาพกรุงเทพร้อนๆแบบร้อนหนักใช่ป่ะ เราก็อาจจะหนีร้อนไปเที่ยวเชียงใหม่งี้ บ้านเค้าก็เหมือนกันบินหนีมาเที่ยวหิมะได้ที่ Gulmarg เลยรถของกรุ๊ปเราพาขับขึ้นเขาไปเรื่อยๆก็ถึงที่เมือง Gulmarg เป็นเมืองที่อากาศหนาวเย็นตลอดปี จากนั้นก็ไปต่อคิวขึ้นกระเช้าขึ้นไปดูลานหิมะ ซึ่งขอเตือนไว้ล่วงหน้านิดหนึ่งว่าคิวยาวตลอดทั้งปี ให้ไปก่อนเวลาสัก 1 ชั่วโมงนะครับ
ไปต่อวันเกือบสุดท้ายก่อนกลับเมืองไทยที่เมือง Gulmarg ที่นี่เป็นเมืองตากอากาศที่ยอดฮิตที่สุดแห่งหนึ่งของชาวอินเดีย ตอนเราไปนี่คนอินเดียเยอะมากกกกกกกกกกก เพราะที่นี่เป็นแห่งเดียวในอินเดียที่มีทั้งหิมะ และ มีกระเช้า ในที่เดียวกัน คือลองนึกภาพกรุงเทพร้อนๆแบบร้อนหนักใช่ป่ะ เราก็อาจจะหนีร้อนไปเที่ยวเชียงใหม่งี้ บ้านเค้าก็เหมือนกันบินหนีมาเที่ยวหิมะได้ที่ Gulmarg เลยรถของกรุ๊ปเราพาขับขึ้นเขาไปเรื่อยๆก็ถึงที่เมือง Gulmarg เป็นเมืองที่อากาศหนาวเย็นตลอดปี จากนั้นก็ไปต่อคิวขึ้นกระเช้าขึ้นไปดูลานหิมะ ซึ่งขอเตือนไว้ล่วงหน้านิดหนึ่งว่าคิวยาวตลอดทั้งปี ให้ไปก่อนเวลาสัก 1 ชั่วโมงนะครับ
พอขึ้นไปด้านบนเราว่าฟีลล์คล้ายยุโรปเลย เหมือนเวลาไปสวิสเซอร์แลนด์แล้วมีลานสกีให้ได้ไปเล่นหิมะกัน แต่นั่นแหละไม่มีอะไรบนโลกที่ทั้งถูกและดี ความวอแวของอินเดียก็จะตามไปหลอกหลอนคุณทุกที่เหมือนเคย จะมีคนมาชวนไปทำกิจกรรมโน้นนี่นั่นโน้น คอยตามตื้อเรื่อยๆเช่นเคย ก็ทำใจและไม่ค่อยตอบเค้าไปละกันนะ เราก็ Enjoy วิวของเราไปจ้า
พอเสร็จภารกิจด้านบนก็นั่งกระเช้ากลับลงมา กลับไปนอนรีสอร์ทดีกว่า ที่เมืองนี้รีสอร์ทดีๆให้ได้นอนด้วยนะ เป็นบ้านไม้ฟีลล์ดีไม่แพ้ยุโรปตั้งอยู่หลายแห่ง แค่มานอนเล่นโง่ๆในบ้านไม้มองดูหิมะก็มีความสุขแล้วเน้อะ
DAY 6 : Srinagar – Bangkok
หลังจากเมื่อวานเรา Enjoy กับรีสอร์ทดีๆนั่งมองวิวชมหิมะตกจากข้างห้อง หลับสบายทั้งคืนก็ได้เวลาออกเดินทางกลับเมืองไทยกันแล้วล่ะ เราออกจากที่ Gulmarg นั่งรถยาวมาจนถึงสนามบิน Srinagar และบินกลับกลับมาถึงกรุงเทพในอีกวันหนึ่ง รวมเวลาทั้งหมดก็น่าจะมี 8-9 ชั่วโมงเห็นจะได้เอาจริงตอนเราไปเที่ยวก็ปวดหัวกับความอินเดียอยู่ไม่น้อย แต่พอได้กลับมาตกผลึกเขียนรีวิวถึงประสบการณ์มันๆที่ได้เจอ มันก็เป็นอะไรที่สนุกดีเหมือนกันนะเนี่ย อินเดียยยยยยย ถ้าไม่รักก็เกลียดไปเลย คำนี้ผมผ่านมา 4 รอบแล้วก็ยังไม่มั่นใจว่าตกลงจะรักหรือเกลียดดี เพื่อนๆล่ะว่าไง!
หลังจากเมื่อวานเรา Enjoy กับรีสอร์ทดีๆนั่งมองวิวชมหิมะตกจากข้างห้อง หลับสบายทั้งคืนก็ได้เวลาออกเดินทางกลับเมืองไทยกันแล้วล่ะ เราออกจากที่ Gulmarg นั่งรถยาวมาจนถึงสนามบิน Srinagar และบินกลับกลับมาถึงกรุงเทพในอีกวันหนึ่ง รวมเวลาทั้งหมดก็น่าจะมี 8-9 ชั่วโมงเห็นจะได้เอาจริงตอนเราไปเที่ยวก็ปวดหัวกับความอินเดียอยู่ไม่น้อย แต่พอได้กลับมาตกผลึกเขียนรีวิวถึงประสบการณ์มันๆที่ได้เจอ มันก็เป็นอะไรที่สนุกดีเหมือนกันนะเนี่ย อินเดียยยยยยย ถ้าไม่รักก็เกลียดไปเลย คำนี้ผมผ่านมา 4 รอบแล้วก็ยังไม่มั่นใจว่าตกลงจะรักหรือเกลียดดี เพื่อนๆล่ะว่าไง!