Chill Journey | Thai Travel & Lifestyle blog

รีวิวจอร์แดน เยือนนครเพตรา ลอยตัวที่เดดซี ขี่อูฐกลางทะเลทราย ประเทศอะไรโคตรคูล !

จอร์แดนเป็นหนึ่งในประเทศที่เราใฝ่ฝันมานานมากกกกกกกกกกกกก แค่เห็นจากภาพก็หลงรักแล้ว พอได้ไปสัมผัสคือชอบกว่าเดิมอีก จอร์แดนเป็นประเทศที่สวยมากๆๆ สวยแบบสวยทุกอนู ผู้คนนิสัยดี อากาศไม่ร้อนอย่างที่ทุกคนคิด ถ่ายรูปสวยมากฟ้าเป็นฟ้าไม่ต้องลุ้นอากาศเลย ฟ้าสวยตลอดทุกวันทั้งปี เป็นประเทศที่เที่ยวง่ายมากไม่ว่าจะมากับทัวร์หรือจะมาเที่ยวด้วยตัวเอง ที่พักนี่อย่างหรูในราคาไม่แพงเลย เราว่าถ้าใครกำลังมองหาประเทศใหม่ๆ ไม่ซ้ำไม่เดิม ปลอดภัย เห็นเราอวยมายาวขนาดนี้พร้อมแล้วใช่ไหม! ตามไปเที่ยวกันผ่านรีวิวของเรา เอ้าลุย!

 

เที่ยวเดือนไหนดี?

เอาจริงๆทุกคนจะมีภาพติดตาเลยว่าประเทศแถบตะวันออกกลางจะต้องร้อน ร้อนแบบร้อนมาก ทุกคนถามว่าร้อนไหม แต่ตอนที่ชิวไปช่วงปลายมีนาคืออากาศดีมาก กลางวัน 20 องศา กลางคืนเลขตัวเดียว คืออากาศดีมากจริงๆ ซึ่งช่วงที่น่าเที่ยวของจอร์แดนคือเดือน ก.ย. –  เม.ย. อากาศจะดีมาก มีช่วงเดือน ธ.ค. – ม.ค. จะค่อนข้างหนาวเลย แต่ชิวว่าสำหรับคนไทยหนาวๆก็โอเคแหละชอบกันหมด   ส่วนช่วงไฮซีซั่นแต่ไม่แนะนำกับคนไทยก็คือช่วงเดือน May – Aug คือจะร้อนมากกกกกกกกกกก แถมทุกอย่างแพงหมดอีกตังหาก!

 

วีซ่า?

เป็นความโชคดีคนไทยไม่ต้องทำวีซ่าก่อนไปจอร์แดนครับ สามารถทำ Visa on arrival ได้เลย และถ้าไปกับทัวร์ไม่ต้องเสียค่าวีซ่าอีกตังหาก

 

เล่นเน็ต?

เราใช้ Pocket wifi ของ Samurai wifi  ซึ่งสะดวกมากเราติดต่อเค้าผ่านทางไลน์ว่าจะเช่า Pocket wifi ไปใช้ที่จอร์แดน สักพักเจ้าหน้าที่ก็โทรมา confirm แล้วเราก็ไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิเลยสะดวกมาก สัญญาณดีเล่นได้ตลอดเหมือนกัน และอีกวิธีหนึ่งที่ถูกกว่าแต่ยากกว่าเพราะทางไกด์ Local ของทริปเราพาไปซื้อซิมที่โน้นให้คนในทริป เป็นของ Orange นะสัญญาณดีเลย  ถ้าหาวิธีซื้อได้เราก็แนะนำเหมือนกัน

 

การเดินทางภายใน

เอาแบบง่ายๆถ้าไปกับทัวร์ หรือไปซื้อ Local tour คือสะดวกมากเหมือนในทริปนี้เลย แต่ถ้าใครจะเที่ยวด้วยตัวเองเราแนะนำให้เช่ารถขับ ซึ่งสามารถเลือกจองออนไลน์ผ่านแบรนด์ชั้นนำได้เลยครับแล้วไปรับรถที่สนามบิน  และนี่คือลิสต์รายชื่อที่เราเห็นเค้าเตอร์เค้าที่สนามบินนะก็ลองเลือกๆเอานะ

AVIS / EUROPCAR / ENTERPRISE / PAYLESS / SIXTH / THRIFTY

 

โปรแกรมเดินทาง 5 วัน 4 คืน

Day1 : BKK- Amman

Day 2 : Mount Nebo – Madaba – Petra

Day3 : Petra – Petra by night

Day4 : Petra – Wadi Rum – Dead sea

Day5 : Dead sea – Amman – Amman Citadels

แนะนำ :: ถ้าให้ชิวแนะนำเราว่าควรไปสัก 6 วัน 5 คืนกำลังดีคือเพิ่มเวลาเที่ยวเมือง Amman เพิ่มและไปค้างที่ Wadi Rum เพิ่มความฟินด้วย

 

Day1 : BKK- Amman

จากกรุงเทพเราออกเดินทางด้วยสายการบิน Royal jordanian สายการบินประจำชาติจอร์แดน สายการบินเดียวที่บินตรงจากกรุงเทพมหานครสู่เมืองอัมมาน เมืองหลวงของประเทศจอร์แดนทุกวัน โดยไฟล์ท RJ183 จะออกตอนเที่ยงคืนครึ่ง และใช้เวลาบิน 8-9 ชั่วโมง จากสุวรรณภูมิ ถึง Queen Alia International Airport กรุงอัมมาน เช้าตรู่พอดี สามารถหลับไปตลอดระยะเวลาการบิน แล้ว ตื่นมาเที่ยวได้เลย

สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Royal Jordanian Airlines

Bangkok branch Tel 02 638 2960

Jordan_00001

เครื่องบินของ RJ ถือว่าใหม่ทีเดียวครับสำหรับไฟล์นี้ RJ183 ทำการบินด้วยเครื่อง Boeing 787-8 Dreamliner แค่เห็นรุ่นที่บินก็ชื่นใจแล้วครับ เครื่องแบบนี้นั่งสบายกว่ารุ่นเก่ามากเลยทีเดียว ส่วนของเก้าอี้ก็นอนสบาย รวมทั้งเครื่องใช้ก็ครบครัน ผ้าห่มคุณภาพดี หมอน มาครบครันได้มาตรฐานสายการบิน Full service

ทุกที่นั่งมีจอ PTV จอสัมผัสพร้อมระบบ  Entertainment ครบชุด เอาเป็นว่าถ้าไม่ยอมนอนก็ดูหนังกันตาโหลได้เลยนะฮะ

สำหรับอาหารไฟล์ทนี้ก็จะเสริฟด้วยกัน 2 ครั้งครับ มื้อแรกเป็น Dinner และเสริม Breakfast อีกครั้งก่อนลงถึงปลายทาง รสชาติอาหารใช้ได้ครับ อร่อยดีเลย แต่เนื่องด้วยเวลาที่เริ่มเสริฟก็จะประมาณตี 2 ของไทยก็เลยทำให้ชิวทานได้ไม่มากนัก ฮ่าๆง่วงแล้วครับ นอนก่อนนนนนนนนนนนนนนนนนน

หลับกันยาวๆตื่นมาก็ถึงพอดี และตอนลงมาถึงสนามบินจอร์แดนต้องบอกเลยว่าอึ้งมากครับ เพราะเราไม่ต้องผ่านตม! มี agent มารับเราเฉยเลยแล้วเอา Passport เราไปปั๊มให้เสร็จสรรพ เนื่องจากทางจอร์แดนส่งเสริมการท่องเที่ยวดีมากกกก ถ้าเป็น agent tour ที่ได้รับการรับรองจากทางรัฐสามารถเข้ามารับลูกทัวร์ได้ตรงด้านในเลย !!

 

แต่ในกรณีที่เพื่อนๆไม่ได้ซื้อทัวร์มาก็ง่ายเช่นกันครับ สามารถทำ Visa on Arrival ได้เลยที่สนามบินครับไม่ต้องยื่นวีซ่าจากประเทศไปก่อนให้ยุ่งยาก รายละเอียดเพิ่มเติมได้เว็บนี้เลยจ้า http://international.visitjordan.com/generalinformation/entryintojordan.aspx

หลังจากเราได้รับกระเป๋าแล้ว เจอไกด์แล้ว ก็ขึ้นรถบัสไปเที่ยวกัน ต้องบอกก่อนนะว่าทริปนี้เราไม่ได้แบกเป้เที่ยวด้วยตัวเองเหมือนเคย เป็นทริปที่สายการบิน Royal Jordanian Airlines จัดเพื่อให้ Agency จากไทยไปทำความรู้จักประเทศจอร์แดนมากขึ้น และ ผมในฐานะสื่อก็เลยได้ติดสอยห้อยตามไปเก็บภาพความสวยงามของประเทศจอร์แดนมาฝากเพื่อนๆด้วยล่ะครับ

Day 2 : Mount Nebo – Madaba – Petra

จากสนามบินเรามุ่งหน้าสู่สถานที่แรก Mount Nebo สถานที่แลนด์มาร์คสำคัญของจอร์แดนที่ใครมาก็ต้องนึกถึง ที่นี่ตั้งอยู่บนเขาซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะเป็นบริเวณที่เสียชีวิตและฝังศพของ โมเสสผู้นำชาวยิวเดินทางจากประเทศอียิปต์มายังเยรูซาเล็ม โบสถ์แห่งเมาท์เนโบนี้ได้ถูกสันนิษฐานว่าได้สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ.300 – 400 ในช่วงยุคไบแซนไทน์เพื่อเป็นที่ระลึกถึง โมเสส

นอกจากเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญแล้ว วิวบนนี้จัดว่าเด็ดทีเดียวครับ! ภูมิประเทศแปลกตาแบบที่ชิวไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน นี่สินะประเทศแถบตะวันออกกลางที่เราไม่เคยพบเจอ ภูมิประเทศแบบภูเขาสูงชันสลับซ้อนกันหลากหลายชั้น สร้างความตื่นเต้นให้เราทีเดียว!

จากบนเขานี้เราสามารถมองเห็นฝั่งประเทศอิสราเอลใกล้แค่เอื้อม โดยภาพน้ำที่เห็นนั่นคือทะเลสาบ Dead sea นั่นเอง และ ถัดไปจาก Dead sea ก็คือประเทศอิสราเอลแล้วล่ะใกล้กันแค่เอื้อมจริงๆ

ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์​ก็จัดได้สวยงามมาก น่าทึ่งมาก โดยเฉพาะกระเบื้องโมเสสลวดลายประณีตแบบดั่งเดิมนั้น จนทำให้ชิวเข้าใจว่าที่บ้านเราเรียกว่ากระเบื้องแบบโมเสส นี่มีที่มาแบบนี้นี่เอง เป็นศิลปะแบบโบราณที่มีมานานนับพันๆปีแล้ว

ที่เห็นนี่เป็นโมเสส หมดเลยนะ ละเอียดสวยงามมากๆๆเลย

ลงจาก Mount Nebo เราไปแวะเที่ยวเมือง Madaba กันเล็กน้อยครับ เมือง Madaba เป็นเมืองที่อยู่ห่างจาก Amman เมืองหลวงเพียงแค่ 40 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ที่นี่มีความเป็นจอร์แดนแบบที่ยังคงความดั่งเดิมไว้มาก และมีศิลปะที่น่าหลงไหล ถ่ายรูปสวยมากกกกกกกกกกกกกกก ถ้าใครชอบแนว street แนว culture เราการันตีเลยว่าไม่ผิดหวัง ส่วนตัวเราชอบเมืองนี้มากเลย จนรู้สึกว่าถ้ามีเวลามากพอ เพื่อนๆควรมาค้างเมืองนี้สักคืนเพื่อจะได้เข้าถึงความเป็นจอร์แดนจริงๆ อย่างที่เราได้สัมผัส

เมืองนี้มี Landmark ที่ต้องมาเยือนก็คือ St George’s Church โบถส์เก่าศิลปะแบบ Orthodox ในยุคศตวรรตที่ 19 ภายในมี แผนที่ดินแดนศักดิสิทธิ์แห่งเยรูซาเลม สร้างด้วยโมเสสอย่างสมบูรณ์อยู่ที่พื้นโบถส์! งานดีงานละเอียดจริงจัง

น้องน่ารัก หน้าตาดีสุดไรสุด ตาคมผิวเนียนมากกกกกกก

สำหรับอาหารจอร์แดนมื้อแรก และ มื้อไหนไหน …. ก็เหมือนกันหม้ดดดดดดดดดดด (ในความคิดเรา) เครื่องเทศมาเต็ม! อาหารที่นี่เค้าจะกินไก่ และ แพะ เป็นหลัก เราบอกตรงๆว่าแม้อาหารที่นี่จะหน้าตาดี ดูชวนรับประทาน แต่รสชาติไม่ถูกปากเลยยยยยยยยยยยยยย มีน้อยเมนูมากที่เรากินได้แบบเอร็ดอร่อย เช่น ไก่ย่างกินกับแป้งของเค้า  นอกนั้นคือบายจ้า #พวกเจ้าจงแบกอาหารไทยไปให้ครบครัน

เมนูนี้จัดว่าเด็ด! มันคือ Lemon mint ตรงตัวคือเอา มะนาว กับ มิ้นต์ มาปั่นรวมกันรสจัดจ้านถึงใจ โคตรมะนาว โคตรมิ้นท์ เจ้มจ้นสุดไรสุดกินแล้วตื่น เราชอบมาก ก.ไก่ล้านตัวกินแทบทุกมื้อ

กินข้าวกลางวันเสร็จแล้วก็ได้ฤกษ์หลับในรถ! แฮ่! เดินทางยาวๆกันไปเลยจ้าจากเมือง Madaba เราเราจะไปนอนกันที่เมือง Petra เพื่อเตรียมตัวเดินทางเข้าเมืองเพตรากันพรุ่งนี้เช้า ระยะเวลาเดินทางจะอยู่ที่ประมาณ 3-4 ชั่วโมง รวมเวลาแวะพักซื้อของบ้างอะไรบ้าง ช่วงนี้ก็ตีตั๋วนอนยาวไปเลยยยย

พวกเรามาถึงเมืองเพตรายามเย็นพอดี ทันทีที่รถข้ามผ่านป้ายว่าเรามาถึงเมืองเพตราแล้ว ใจเราก็เต้นรัว เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงสีทองกำลังอาบเมืองเพตราในอ้อมกอดของขุนเขา เป็นภาพที่สวยมากกกกกกกกกกกก สวยแบบสวยมากจริงๆ เพื่อนๆลองดูภาพเอาแล้วกัน สวยแบบงอแงขอให้ไกด์ช่วยจอดรถให้ถ่ายรูปอะ ไกด์ให้เวลา 3 นาทีก็เอา รีบวิ่งไปถ่ายรีบขึ้นมา 55555

Day 3 : Petra 

วันนี้ถือเป็นของจริงเป็นวันที่เฝ้ารอ เราจะได้เข้าสู่เมืองเพตรา นครสีชมพูที่สาบสูญหายไปจากแผนที่โลกมายาวนาน จนได้ถูกค้นพบและได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกปี ค.ศ. 1985 และ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของแห่งโลกใหม่เชียวนะ!

 

เริ่มต้นออกจากที่พักและไกด์ก็มาจอดให้เราลง ตอนแรกชิวคิดว่าจะให้มาดูชมวิวงี้ แต่ไกด์ก็ชี้ให้ดูว่า นครเพตรา อยู่ใต้ซอกหินเหล่านั้น! เดียวเราจะลงไปดูกันใกล้ๆ จังหว่ะนั้นคือเราเกิดการอาการอึ้งเลยนะ ไม่คิดว่ามันจะมีอะไรอยู่ภายใต้ภูมิประเทศที่เป็นหินสลับซับซ้อนอันนั้นได้

สำหรับค่าตั๋วเข้าชมนครเพตรามีเรทตามนี้เลย ต้องบอกก่อนว่านครเพตราใหญ่มากกกกกกกกกกก ถ้าตั้งใจจะมาดูแบบจริงจังวันเดียวไม่พอแน่นอนครับ ขนาดชิวเดินขาลาก เราเดินทั้งวันประมาณ 20 กิโลเมตรยังเก็บได้แค่ส่วนไฮไลต์เท่านั้นเอง ดังนั้นเรทราคาจึงมีแบบ 2-4 วันไปด้วยสำหรับคนที่อยากมาเจาะลึก

สำหรับคนที่มีการนอนค้างใน Jordan อย่างน้อย 1 คืน
– เข้าชม 1 วัน ราคา 50 JOD
– เข้าชม 2 วัน ราคา 55 JOD
– เข้าชม 3 วัน (ฟรีวันที่ 4) ราคา 60 JOD

สำหรับคนที่มาเที่ยวชมแบบไปเช้าเย็นกลับ (ไม่นอนค้างใน Jordan)
– ราคา 90 JOR

พอผ่านประตูเข้ามานิดหนึ่งก็จะเจอกับระยะทางแรกประมาณ 5-600 เมตร ซึ่งเค้าก็มีบริการนั่งม้าฟรีด้วยสำหรับคนอยากนั่งม้า แต่คุณต้องให้ทิปกับคนคุมม้า (ซึ่งโคตรหิวเงิน) โดยทิปก็จะอยู่ที่ 5-10 USD ต่อคนนะครับ ต่อรองกันเองงงงงงงงง แต่ถ้าไม่อยากปวดหัว มาเดินเข้าแบบเราดีกว่าได้สุขภาพ ได้ถ่ายรูประหว่างทางด้วย ไม่เสียตังด้วย ^^

เดินจนสุดทางแล้ว ระหว่างรอเพื่อนๆในทริปต่อรองค่าทิปกับคนขี่ม้าเราก็มาถ่ายรูปเล่นรอ ชิวลองไปยืนเทียบสเกลให้ดู เห็นไหมว่าภูเขามันสูงมากจริงไรจริง !

จากนั้นก็เริ่มเดินเข้าสู่นครเพตราอันลี้ลับ ! บรรยากาศนี่สวยมากจริงๆๆๆ แนะนำให้มาตอนเช้าประมาณ 8-10 โมงจะเป็นช่วงเวลาที่แสงตกกระทบทางทิศที่ส่องเข้าหาพอดี ถ่ายรูปสวย สีสวย ^^

ลองดูเทียบคนกับภูเขา คือมันใหญ่มากจริงๆ

หลังจากเดินกันขาลาก ! เราก็พบแสงสว่างที่ปลายอุโมงเป็น Al Khazneh (The Treasury) ภาพในฝันของเราก็เป็นจริงเกิดขึ้นตรงหน้า มันสวยงามชวนตะลึงจริงๆนะ ไม่น่าเชื่อว่าท่ามกลางหุบเขาใหญ่โตขนาดนี้ จะมีเมืองในอดีตที่เคยรุ่งเรืองแบบสุดๆเป็นอนาจักรอยู่ในนี้ได้

ถ้าใครอยากถ่ายรูปอูฐแบบเก๋ไก๋สามารถจัดให้ได้ที่นี่ ค่าขี่อูฐถ่ายรูปประมาณ 10 USD ฮะ (ต่อรองกันเองเน้อ)

มีมุมเด็ดในการถ่ายรูปอยู่ด้วยกัน 3 มุม มุมแรกคือมุมด้านหน้า มุมสองต้องปีนบรรไดขึ้นไปทางขึ้นอยู่ทางซ้ายมือ ( อันนี้ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าขึ้นเองได้ไหม หรือต้องจ่ายเงินให้ไกด์พาไป ส่วนตัวมองทางแล้วไม่ได้ยากอะไร สามารถขึ้นไปได้เองเลย แต่ระบบแถวนี้เหมือนมาเฟียๆหน่อยต้องจ่ายค่าผ่านทางงี้ ) และ มุมสามจะอยู่โขดหินทางขวา อันนี้ง่ายสุดสบายสุดเลย ลองมาถ่ายตามกันได้ 🙂

ถัดจาก Al Khazneh (The Treasury) ที่อยู่ด้านหน้า ถ้าใครมาแบบครึ่งวันอาจจะได้แค่นี้และเดินย้อนกลับทางเดิม แต่เรามาแบบเต็มไปต่อฮะ เราเดินสำรวจถ่ายรูปไปเรื่อยๆเลย เพลินๆ ขอบอกเลยว่าแม้แดดแรง แต่อากาศไม่ร้อนอย่างที่คิดนะ ตอนที่ชิวไปเดือนมีนาคม อากาศแค่ 20 เท่านั้นเอง ตอนโดนแดดก็จะร้อนๆนิดหนึ่ง แต่พอหลบเข้าร่มแล้วคือเย็นสบายมาก

เดินวนไปค่าาาา ออกกำลังกาย ฮึบ ฮึบ

เดินมาประมาณกลางนครเพตรา จะเป็นโซนแวะพักและห้องอาหาร ไม่ต้องคิดมากเลือกร้าน เพราะมันมีร้านเดียว! เป็นอาหารแบบบุฟเฟ่ต์นานาชาติ รสชาติดีเลย เรากินได้เยอะมาก ถูกปากสุดอะไรสุด (หรือว่าเหนื่อย 555 )  ตรงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดวัดใจ ว่าจะไปต่อให้สุดถึง Monastery หรือเปล่า ซึ่งที่นั่นก็ถือเป็น Landmark ระดับแม่เหล็กอีกแห่งของ Petra เช่นกัน ซึ่งงเส้นทางนี้ความโหดคือต้องเดินขึ้นบันได ประมาณ 900 ขั้นด้วย!

แน่นอนว่าเราเดิน! มาเที่ยวทั้งทีก็ต้องไปให้สุด เดินวนไปจ้าาาาาาาา แถมไกด์ยังเร่งอี้กให้เวลาเราถึงแค่ 4 โมงเย็นตรงปากทาง ( อ่านมาว่าปกติเค้าเดินไปกลับกัน 5-6 ชั่วโมง แต่เรามีเวลาเดินไปกลับ 4 ชั่วโมง !! )  นี่บอกเลยว่า วิวระหว่างทางคือสวยมากกกกกกกกก ประทับใจกว่าปลายทางอีก แต่ข้อเสียคือถ่ายรูปออกมาไม่สวย เพราะมันยิ่งใหญ่เกินไป แต่เชื่อเราเหอะว่าถ้าขายังแข็งแรงไปให้ถึงปลายทางที่ Monastry  ให้ได้รับรองประทับใจ

เดินมาเรื่อยๆชมวิว จริงๆเราก็ว่าไม่ได้เหนื่อยอะไรมากนัก เราใช้เวลาเดินจากจุดพักทานข้าวมาจนถึง Monastery ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆเห็นจะได้ ด้านบนนี่สมบูรณ์กว่าตรง The Treasury มากเลยนะแล้วก็ไม่ค่อยมีคนด้วย เงียบๆเพลินๆมานั่งจิบ lemon mint ให้สดชื่นกันได้ ^^

วิวระหว่างทางก็จะพีคพีคประมาณเน้!

หลังจากถ่ายรูปคุณน้าภาพบนมองนาฬิกาอีกทีบ่ายสามกว่า! แล้วไง … ไกด์นัดสี่โมงไงจ้ะ จั้มอ้าวไปสิ เอ้าาาาาาาาาาา เดินกันขาขวิดดดดดดดด ระยะทางจากด้านบนจนถึงปากทางนี่สัก 7 กิโลได้อะพี่น้องงงงงงงงง สุดท้ายมาถึงเลทไป 15 นาที T-T

 

จากเพตราเรากลับที่พักกันก่อนมาพักร่าง พักขา ทานข้าว กันก่อนที่พักตลอด 2 คืนในเพตราเราพักที่ Hyatt Zaman Hotel and Resort  รีสอร์ทสไตล์เก๋ไก๋เหมือนนอนเล่นอยู่ในถ้ำ คล้ายเราย้อนยุคกลับไปสมัยนครเพตรายังรุ่งเรือง บรรยากาศดี วิวดี ห้องนอนสบายมากกกกกกกกกกกกก แม้จะไม่ใกล้ปากทางเข้านครเพตรานัก แต่วิวนี่สวยกว่ากันเยอะเลยครับ แนะนำมากสำหรับคนที่เช่ารถขับนะ มานอนด้านนอกเถอะสวยกว่า!

จองที่พักได้ที่ลิงค์นี้ https://www.booking.com/hotel/jo/taybet-zaman.th.html

ในห้องคือคูลมาก เหมือนนอนในถ้ำอะ ชอบสุดไรสุด

Petra by night !

อีกหนึ่งกิจกรรมที่เพิ่มประสบการณ์การเยือนนครเพตราให้ตราตรึงยิ่งขึ้นต้องนี่เลยฮะ การเข้าชมเพตราตอนกลางคืน ในราคา 12 JOD อ่านก่อนมาแล้วว่าไม่ค่อยมีอะไรนัก ก็แค่จุดเทียน ซึ่งเรารีวิวตรงๆเลยแล้วกัน มันไม่มีอะไรจริงๆแหละ คือเราว่าถ้ามีเวลาพอก็ควรมา แต่ถ้าไม่มีเวลาพอก็ไม่เสียหายอะไรหรอกที่จะไม่มา จริงๆเราว่าถ้าเค้าทำเป็นรอบๆแล้วจำกัดคนต่อรอบ ห้ามทุกคนพูด มีแต่ผู้ดำเนินรายการเป็นคนบิ้วอารมณ์เราว่ามีขนลุก และประทับใจสุดไรสุดแน่ๆ

 

แต่ถ้าอยากได้ภาพสวยๆแบบนี้ บรรยากาศดูขลัง สวยงามอลังการ เห็นดาวล้านดวงก็ต้องมาโดน

DAY 4 : Wadi Rum – Dead sea

จากเพตราออกรถแต่เช้าเราจะมุ่งหน้าสู่โซนใต้ของประเทศจอร์แดน วันนี้จะไปได้เห็นทะเลทรายของแท้ที่ไม่ใช่แค่ Sand dune ทะเลทรายที่นี่สวยงามแปลกตากว่าที่อื่น ตรงที่ทรายเป็นสีชมพูแดง และมีโขดหินขนาดใหญ่รายล้อมอยู่เรื่อยๆ ซึ่งทะเลทรายอื่นส่วนมากจะเป็นพื้นที่โล่งยาวไม่มีอะไรอื่นนอกจากทราย

 

ที่นี่สวยมากจนกลายเป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนต์อันยิ่งใหญ่หลายเรื่อง เช่น LAWRENCE OF ARABIA  หรือแม้กระทั่ง Transformer นั่นยิ่งเพิ่มความหวังและความฝันที่จะได้มาเยือนทะเลทรายแห่งนี้ของเราให้ทวีคูณขึ้นไปอีกหลายสิบเท่า !

 

เรามาถึงประมาณเกือบเที่ยงเข้าแวะดื่มน้ำชากลางทะเลทรายเล็กน้อย ก่อนขึ้นรถกระบะออกไปตะลุยท่องทะเลทรายกัน บอกตรงว่าชอบมากกกกกกกกก เป็นวิวที่แม่งโคตรเท่เลยบอกตรง เราชอบที่สุด ด้วยความที่เราไม่เคยเจอทะเลทรายตัวเป็นๆมาก่อนด้วยแหละยิ่งชอบไปใหญ่

ทรายสีชมพูอมแดง ละเอียด สวยมากกกกกกกกกกก

รถก็จะแวะจุดชมวิวให้เราไปถ่ายรูปเรื่อยๆตามจุดมาตรฐาน บอกตรงว่าภาพโคตรคูลอะ แค่มาถ่ายรูปก็คุ้มแล้วเอาจริง อ้อออแล้วอย่าลืมซื้อผ้าโพกหัวและชุดเข้าธีมมาด้วยล่ะ เพิ่มความคูลอีก 200% เลยเชื่อเรา 555

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ห้ามพลาด!!! ขี่อูฐในทะเลทราย เก๋กู้ดมากครับต้องโดนบอกเลยยยย

ขี่แบบนี้เลย ( แต่มีคนจูงนะ )

สำหรับใครที่อยากมานอนกินลมชมดาวในทะเลทราย คุณได้สิทธิ์นั้นเดียวนี้! เค้ามีเต้นท์ติดแอร์อย่างหรู พร้อมแล้วให้คุณได้เข้าพักนะจ้ะ เสียดายรอบนี้เราไม่มีเวลาพอจะมาค้างมาเห็นดาวล้านดวงที่นี่ แต่เราแนะนำมาก ถ้าเพื่อนๆมีเวลามากพอมานอนสักคืน เราว่าฟินชัวร์

บรรยากาศในห้องพัก เราไปขอเค้า inspect กันมา คือมันคือโรงแรมดีๆนี่เองไม่มีกลิ่นอายของความลำบากเลยแม้แต่น้อย แนะนำให้ค้างมาก

 

Day 5 : Dead sea – Amman

เมื่อคืนเรานั่งรถกันยาวๆจาก Wadi rum มานอนค้างที่โรงแรม Crowne Plaza Jordan-Dead Sea Resort and Spa ถึงก็มืดแล้วเลยไม่ได้ไปลองเล่นทะเลสาบ Dead sea วันนี้พวกเราก็เลยนัดกันตั้งแต่ 6 โมงเช้าเลยจ้าเพื่อไปพิสูจน์กันว่า เราจะลอยได้บนทะเลสาบ Dead Sea ไม๊???

จองที่พักได้ที่ลิงค์นี้ https://www.expedia.co.th/Sweimeh-Hotels-Crowne-Plaza-Jordan-Dead-Sea-Resort-Spa.h4249282.Hotel-Information

หมายเหตุ :: ส่วนมากที่ Dead sea จะเป็น Private beach เกือบทั้งหมดนะครับคือของโรงแรมใครโรงแรมมัน ซึ่งเรทราคาชิวลองเช็กแล้วโรงแรม 5 ดาวก็อยู่ที่ 3-4 พันต่อคืนเป็นเรทที่รับได้มากๆเลยแนะนำมาก แต่ถ้าใครนอนที่ไม่มีหาดส่วนตัวก็สามารถไปตรงที่เป็น Public beach ได้เช่นกันนะแต่ก็เสียเงินค่าเข้าเกือบพันบาทต่อคนเหมือนกัน ดังนั้นก็นอนโรงแรมที่มี Private beach ไปเหอะรวมๆแล้วคุ้มกว่า เผลอๆถูกกว่าอีก

บรรยากาศยามเช้า ริมทะเลสาบ Dead sea ชิวสุดดดดดดดดดดดดด

ความเค็มของทะเลสาบ Dead Sea มีสูงถึง 30% (เทียบกับทะเลแถวบ้านแค่ประมาณ 3% เท่านั้นเอง) ทำให้ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆ ในทะเลสาบแห่งนี้เลย และมันใหญ่มากกกกกกกกกกกก คือกว้างมากๆๆๆๆๆ ตอนแรกคิดว่าเป็นบ่อเล็กๆโอ้โหใหญ่มาก ( ยาว 67 กิโลเมตร กว้าง 18 กิโลเมตร มีจุดลึกสุดมากกว่า 400 เมตร !! )

 

และเราได้ลองพิสูจน์แล้วมันลอยได้จริงจังด้วย ! คืออเมซิ่งมากกกกกกกกกกกกกกก และได้ลองชิมด้วยมันเค็มมาก เค็มแบบเค็มจนขมคออะ 555555555555 ( แล้วแกจะชิมทำม้ายยยยยย )

และอย่าลืมกิจกรรมเด็ดคือการพอกโคลนสดๆจาก Dead sea เพื่อให้ผิวพรรณเราเด็ดดวงไม่ย้อยไปตามกาลเวลาเด้อ

จากนั้นเราเข้า Amman กัน ก่อนจะไปเที่ยวต่อก็ต้องทำงานกันซักหน่อยนะจ้ะ เช้านี้มี Business matching จับ agent tour จากทางฝั่งไทย มาเจอกับ Agent tour ฝั่งจอร์แดน ให้เค้าได้ดีลธุรกิจกัน  ซึ่งเราขอกระซิบบอกข่าวดีกันตรงนี้!

ใครสนใจไปเที่ยวจอร์แดนในแบบของชิว ติดตามในเพจไว้ให้ดี เดียวเราจะเปิดทริปพาทุกคนไปสัมผัสจอร์แดนกันปลายปีนี้นะ

คุยงานกันเสร็จแล้วไปกินข้าวเที่ยง อ้ออต้องเรียกว่าข้าวบ่ายสะมากกว่า เพราะได้กินก็บ่ายสามละมั้งเนี้ย! แต่บอกเลยว่าร้านนี้เราว่าอร่อยสุด ถูกปากสุดในทริปแล้ว ไปลองกันได้ชื่อว่า Sufra restaurant  จิ้มพิกัด google ได้ในชื่อร้านเลยนะ

และปิดท้ายวันปิดท้ายทริปกันที่การไปชมเมือง Amman มุมสูง ห้ามพลาดกับการขึ้นไปดูป้อมปราการ แห่งกรุงอัมมาน Citadel of Amman ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้าน การเมืองต่าง ๆรอบเมือง ตรงนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมือง โดยมีฉากหลังเป็น โรงละครโรมัน ตึกรามบ้านช่องที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง เหมือนต่อชิ้นเลโก้!

 

แนะนำ : ให้มาตอนเย็นช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกเล็กน้อย เพราะที่นี่ปิดแค่ 17:00  แต่ยามเย็นคือสวยสุดอะไรสุดดดดดดดดดดด

 

ปิดท้าย

จอร์แดนเป็นประเทศที่สวยมากกกกกก สวยแบบสวยทุกอนู ผู้คนนิสัยดี อากาศไม่ร้อนอย่างที่ทุกคนคิด อากาศดีมาก ถ่ายรูปสวยมากฟ้าเป็นฟ้าไม่ต้องลุ้นอากาศเลย ฟ้าสวยตลอดทุกวันทั้งปี การเที่ยวประเทศนี้ง่ายมากไม่ว่าจะมากับทัวร์หรือจะมาเที่ยวด้วยตัวเอง เช่ารถขับแค่นั้นขับรถเที่ยวได้เลย ที่พักนี่อย่างหรูในราคาไม่แพงเลย เราว่าถ้าใครกำลังมองหาประเทศใหม่ๆ ไม่ซ้ำไม่เดิม ปลอดภัย เราว่าจอร์แดนเป็นประเทศที่ควรต้องมาให้ได้ !!  โคตรคูลลลล

Exit mobile version