Chill Journey | Thai Travel & Lifestyle blog

รีวิวสวิสเซอร์แลนด์ ( Switzerland ) ไม่ลำบาก แบบไม่โฮสเทล 8 วัน 7 คืน 5 หมื่น รวมตั๋ว!! | Update 2020

เราเชื่อว่าสวิสเซอร์แลนด์ ( Switzerland ) เป็นหนึ่งในความฝันของคนไทยแทบทุกคน ประเทศที่วิวอลังการล้านแปด คมนาคมชั้นเลิศที่สะดวกสบาย แต่ค่าใช้จ่ายก็ตามมาแบบไม่ให้หนีกัน!!  ตั๋วแพง ที่พักแพง รถไฟแพง อาหารแพง !!   แต่ต้องขอบคุณโลกยุคนี้ที่มันมีวิธีที่ทำให้เราไปเที่ยวได้ง่าย ถูก ประหยัด แบบไม่น่าเชื่อ!

 

ข้อมูลที่ควรรู้

  • สวิสเซอร์แลนด์ใช้วีซ่าเชงเก้นครับ เราว่ายื่นไม่ยากเราเคยเขียน blog ไว้แล้วเช่นกัน
  • ง่ายสุด สะดวกสุด (น่าจะ)ถูกสุด ให้ซื้อ Swiss pass ครับอยากไปไหน อะไรยังไง นั่งรถไฟ รถบัส เรือ ขึ้นเขา ฟรีเกือบทุกที่ ซื้อเถอะแล้วชีวิตจะดี

มีคนถามมาเยอะแล้วซื้อ Swiss pass พาสสุดคุ้มได้ที่ไหน ซื้อออนไลน์ได้เลยครับ ชอบเจ้าไหน ถูกใจเจ้าไหน กดเจ้านั้นจ้า เหมือนกัน

ผ่าน Klook >>> Click <<<

ผ่าน KKday  >>> Click <<<

  • โรงแรมพยายามจองล่วงหน้าหน่อย จริงๆคุณก็ต้องจองอยู่แล้วล่ะตอนที่ไปขอวีซ่าเชงเก้นอะนะ ที่ชิวใช้ประจำคือ booking.com เราว่าเจ้านี้ใช้ง่าย มีที่พักหลากหลายรูปแบบ มีตั้งแต่ถูกแบบโฮสเทล จนแพงระดับไฮโซก็มี จองง่าย ยกเลิกฟรี  หลายๆครั้งก็มีดีลแบบถูกเวอร์ๆด้วย
  • เล่นเน็ตที่สวิส เราแนะนำของ AIS SIM2FLY อะง่ายสุด 899 บาทเล่นได้ 6 GB
  • พกอาหารไทยไปเอง จะดีสุด นอกจากจะรสชาติถูกปากแล้วยังประหยัดไปได้เยอะมาก ข้าวที่โน้นแพงมาก!!

TRIP PLAN : ทริปนี้ค่อนข้างครบถ้วนไฮไลท์แล้วของประเทศนี้ สามารถเอาไปลอกได้เลย

DAY1 : Luzern – Titlis
DAY2 : Luzern – Mt.Rigi – STANSERHORN  
DAY3 : Golden pass line – Interlaken –  Schilthorn
DAY4 : Bern – Lausanne – Montreux – Interlaken
DAY5 : Zermatt
DAY6 : Glacier express
DAY7 : Zurich
DAY8 : Home !

เอาล่ะสำหรับคำแนะนำเบสิคก็มีเท่านี้ลุย!


DAY1 : Luzern – Titlis

หลักจากการเดินทางอย่างยาวนานขอตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดที่ทำให้เราบินอ้อมโลกก็มาถึงสวิสเซอร์แลนด์ตอนเช้า สองแม่ลูกลากกระเป๋า จริงๆต้องบอกว่าชิวเป็นคนลากกระเป๋าถึงจะถูกเดินไปยังสถานีรถไฟเพื่อนั่งรถไฟสวิสแบบ 2 ชั้นเข้าเมือง ดูแม่เราจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ ถึงแม้เค้าจะเคยไปญี่ปุ่นมาหลายรอบ แต่ที่นี่ก็มีไม่มีรถไฟสองชั้นแบบที่สวิสเซอร์แลนด์

 

ความง่ายคือเราซื้อสวิสพาสมาจากเมืองไทยแล้ว (ซึ่งถูกกว่ามาซื้อที่นี่ซะอีก) ก็เลยกระโดดขึ้นรถไฟได้อย่างง่ายดาย อ้อ! อย่าลืมโหลด App ที่ชื่อว่า SBB (การรถไฟสวิส) ล่ะเพราะมันดูได้แบบละเอียดมากว่ารถไฟจะมากี่โมง ออกกี่โมง ถึงกี่โมง ต้องไปรอที่ Platform ไหน คือโอ้โหดีสุด !

มีคนถามมาเยอะแล้วซื้อ Swiss pass พาสสุดคุ้มได้ที่ไหน ซื้อออนไลน์ได้เลยครับ ชอบเจ้าไหน ถูกใจเจ้าไหน กดเจ้านั้นจ้า เหมือนกัน

ผ่าน Klook >>> Click <<<  ||||||||||||||      ผ่าน KKday  >>> Click <<<

ตามแผนคือนั่งรถไฟยาวไป Luzern เอาของเก็บที่พัก (เราพัก Luzern 2 คืน )แล้วเที่ยว Luzern แต่!! วันนี้พยากรณ์อากาศบอกว่าที่ Luzern ฟ้าปิด!  คือชิวจะบอกก่อนว่าสวิสเซอร์แลนด์นี่เป็นประเทศเที่ยวธรรมชาติถ้าฝนตกก็คือพังเลย จบเลย จากเมืองสวรรค์กลายเป็นเมืองบ้านๆพื้นๆไปเลยหรือถ้าซวยอากาศปิดหนักก็คือมองไรไม่เห็นเลย !!!

 

เราดูพยากรณ์ทางฝั่งเขา Titlis อากาศเปิดอยู่ตอนนี้ก็เลยสลับโปรแกรมไปมันวันนี้เลย นั่งรถไฟต่อไปยังเมือง Engelberg ใช้เวลาแค่ 30 เท่านั้นเอง แล้วแบบจากฟ้าหม่นๆใช่ป่ะพอนั่งรถไฟไปแล้วถึงจุดที่ลอดช่องเขาพอโผล่มาอีกด้านคือฟ้าใสเลย แทบกรี้ด! คือแบบพยากรณ์อะไรจะเม่นขนาดนี้วะ

จากสถานี Engelberg ก็ดูตามคนหมู่มากล่ะ เดินไปขึ้น shuttle bus แล้วรถก็จะมาจอดหน้าสถานีทางขึ้นกระเช้าเลย ค่าไปกลับรวมส่วนลดแล้วอยู่ที่ คนละ 46 CHF ( Swiss pass ได้ลด 50% )  ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1550 บาทแต่บอกเลยว่าคุ้มค่ามากกกกกกกกก สวยมากจริงๆ คือเราขึ้นมาหลายเขาในสวิสแล้วที่นี่คือหนึ่ง top3 ที่เราชอบที่สุดเอางี้ดีกว่า แนะนำมาก!

Update 2020 :  ในปีนี้ยังสามารถใช้ Swiss pass เป็นส่วนลดได้เหมือนเดิม จากราคาเต็ม 92 CHF ลดเหลือ 46 CHF

ซื้อ Swiss pass พาสสุดคุ้มได้ที่ไหน?  ซื้อออนไลน์ได้เลยครับ ชอบเจ้าไหน ถูกใจเจ้าไหน กดเจ้านั้นจ้า ใช้ได้เหมือนกัน

ผ่าน Klook >>> Click <<<   ||||||      ผ่าน KKday  >>> Click <<<

ที่เราชอบ Titlis คือกระเช้ายาวมาก เราจะได้เห็นวิวที่ค่อยๆเปลี่ยนไปจากเขียวๆฟ้าๆ กลายเป็นหิมะ จนทะลุเมฆขึ้นไปเลย กลายเป็นลานหิมะทั้งหมด  และระหว่างทางก็จะมีกิจกรรมให้ทำให้เล่นเยอะมาก คือสามารถมาอยู่ได้ทั้งวันอะเอาจริงๆ

พอมาถึงด้านบนแล้วก็อย่าลืมเดินไปอีกนิดหนึ่งจะมีสะพานแขวนที่ชื่อว่า Titlis Cliff walk ยาวถึง 98 เมตร! เดินข้ามภูเขาหิมะกันเลยจ้า มันก็จะเสียวๆนิดหนึ่ง

จากนั้นเราก็นั่งรถไฟกลับ Luzern กันไปแวะเดินเล่นสำรวจเมือง ตาม landmark ที่ใครก็ต้องมาบ้างเล็กน้อยก่อนกลับโรงแรมกันไวสักหน่อย นั่งเครื่องบินมาถึงเที่ยวเลยไม่ใช่วัยนี้ละ 555

สำหรับโรงแรมเราถือว่าดีงามเลยนะ เราแนะนำ  เดินทางสะดวกมากนั่งรถบัสจากสถานีประมาณ 4 ป้ายถึงหน้าโรงแรมเลย Ibis budget hotel luzern city  ห้องค่อนข้างเล็กแต่รวมๆถือว่านอนสบายมากๆ สะอาดสะอ้าน ได้มาตรฐาน Ibis ที่เราคาดหวัง ในราคาไม่สูงมากจนเกินไป (เมืองนี้โรงแรมแพงมากกกกกกก!! )

จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน booking.com  >>> Click <<<

จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน agoda.com     >>> Click <<<

DAY2 : Luzern – Mt.Rigi – STANSERHORN  

วันนี้เราจะใช้สวิสพาสให้คุ้ม เริ่มด้วยนั่งเรือล่องทะเลสาบ แล้วต่อรถไฟไต่เขาขึ้นไปยัง Mt. Rigi จากนั้น ถ้ามีเวลาเหลือจะไปขึ้นกระเช้าอีกอันขึ้นเขา STANSERHORN  เพราะทั้ง3กิจกรรมนี้ ฟรี ฟรี ฟรี !

Update 2020 : ทั้งสามกิจกรรมนี้ยังฟรีอยู่ เมื่อมี Swiss pass 

ซื้อ Swiss pass พาสสุดคุ้มได้ที่ไหน ซื้อออนไลน์ได้เลยครับ ชอบเจ้าไหน ถูกใจเจ้าไหน กดเจ้านั้นจ้า ใช้ได้เหมือนกัน

ผ่าน Klook >>> Click <<<   ||||||      ผ่าน KKday  >>> Click <<<

ส่วนวันนี้อากาศที่ Luzern เป็นใจล่ะ พออากาศเปิดแล้วเมืองสวยยั่งกับคนละเมืองกับเมื่อวาน! เราเริ่มจากล่องเรือกันก่อนเลย ซึ่งตารางเรือก็เช็กใน App SBB นั่นแหละฮะเช็กได้ทุกสิ่งอย่างในสวิส ล่องเรือไปชิวๆเพลินๆบรรยากาศดีมาก ก.ไก่ล้านตัววววววววว

พอมาถึงท่าเรือ Weggis ก็ลงครับ จากนั้นก็รีบเดินไปขึ้นรถไฟไต่เขา RIGI – BAHN  รถไฟนี้วิวดีมากๆเช่นกันฮะ แนะนำขาขึ้นให้นั่งฝั่งซ้ายนะ  ช่วงจังหว่ะที่รถไฟค่อยๆไต่ความสูงวิวก็ดีขึ้นดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งพอมาถึงจุดบนสุดแล้วก็คือฟินเลย นั่งเล่น นอนเล่น เดินเล่น เพลินๆฮะ ดูรูปละกันสวยขนาดไหน!

ด้วยความบ้าพลัง บ้าของฟรี ปีนี้เป็นปีแรกที่ สวิสพาสสามารถขึ้นกระเช้า STANSERHORN ได้ฟรีก็เลยอยากลอง ซึ่งความพิเศษของกระเช้านี้คือ มันเป็นกระเช้าแบบมีที่ยืนด้านบนเป็นเจ้าแรกของโลก ไปสิครับจะรอไร!

เริ่มต้นจังหว่ะแรกจะเป็นรถรางไต่เขาแบบโบราณมากกกกก โบราณแบบเป็นร้อยปีอะคุณ พาเราไต่เขาเบาๆขึ้นไปตามทุ่งท้องนา ดูน้องวัว ดูต้นหญ้า ดูภูเขาไป จนถึงสถานีกระเช้าก็ขึ้นกระเช้าไต่ต่อขึ้นไป ถ้าใครไม่กลัวความสูงเชิญชั้นดาดฟ้าโลดฮะ! ( มันไม่ได้น่ากลัวหรอกมีเหล็กปิดเกือบหมด )

 

เอาจริงๆวิวด้านบนก็สวยแต่ไม่ได้พีคมากนะ เราว่าสู้ Tislit ไม่ได้แต่ที่นี่ไม่เสียเงินไง มีบัตรฟรีก็มาเหอะนั่งกระเช้าไปกลับก็คุ้มละ

DAY3 : Golden pass line – Interlaken –  Schilthorn

วันนี้ตามแผนคือเรานั่งรถไฟชมวิว สายที่ชื่อว่า Golden pass line ที่วิ่งระหว่างเมือง Luzern ลดเลาะไปตามเขาผ่านหลายสิบทะเลสาบสวยๆ จนถึงเมือง Interlaken กันจากนั้นก็จะไปเที่ยวเมือง Bern อะไรเล็กน้อยชิวๆไป  เริ่มต้นด้วยวิวระหว่างทางไปก่อน

แต่! พยากรณ์อากาศบอกว่าบนเขา Schilthorn ที่เราจะขึ้นอากาศปิดพรุ่งนี้ ดังนั้นเราต้องรีบไปวันนี้ให้ไวที่สุดเพราะมันจะเปิดถึงแค่บ่ายๆเท่านั้น! โอ้ยยยยยยย หลังจากที่เราไปฝากกระเป๋าที่โรงแรมแล้วก็รีบกระโดดขึ้นรถไฟไปยังเมือง Lauterbrunen เลยเพื่อขึ้นกระเช้าหลายตลบจนถึงยอดเขา Schilthorn !

ทำไม?ถึงไม่ไป Jungfrau ที่เป็นเขาที่สูงที่สุด คือตอบง่ายๆวิวจากเขา Schilthorn สวยกว่าเรามองจากที่นี่กลับไปเห็นยอด Jungfrau นั่นเอง  ในภาพอันนี้คือจุดที่เราแวะพักทานข้าวกันเป็นสถานีรองสุดท้าย จะเห็นว่าวิวด้านหลังเป็นภูเขา 3 ยอดก็คือ Eiger Monch และ Jungfrau นั่นเอง

Update 2020 :  Schilthorn  ลด 50% ส่วนของ  Jungfrau  จะได้ลดค่าขึ้น  25%   เมื่อมี Swiss pass ครับ

ซื้อ Swiss pass พาสสุดคุ้มได้ที่ไหน ซื้อออนไลน์ได้เลยครับ ชอบเจ้าไหน ถูกใจเจ้าไหน กดเจ้านั้นจ้า ใช้ได้เหมือนกัน

ผ่าน Klook >>> Click <<<   ||||||      ผ่าน KKday  >>> Click <<<

จากนั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษครับเราขึ้นทางกระเช้าแล้วขากลับก็กลับอีกด้าน ชื่นชมเขา ธรรมชาติ อะไรไปเรื่อย คือสวิสมันสวยหมดอะ สวยจริงๆนะ ขอให้พกดวงไปเยอะๆขอให้เจอฟ้าใสๆแล้วดูพยากรณ์เอาวันต่อวัน ถ้าตรงไหนอากาศดีให้ไปตรงนั้น

กลับมาที่เมือง Interlaken ตอนเย็นๆเข้าพักกันไวนิดหนึ่ง ที่พักเราคือ Hotel Blume / El Azteca  โรงแรม3ดาว ที่คะแนนใน Booking.com คนรีวิวแบบดีมาก!! บอกห้องดี เจ้าของน่ารัก และอาหารเช้าเด็ดมาก!  ซึ่งเราเห็นด้วยตามนั้น แนะนำเช่นกันครับ

จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน booking.com  >>> Click <<<

จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน agoda.com     >>> Click <<<

 

อาหารเช้าแบบง่ายๆ รวมในค่าห้องแล้ว แต่อร่อยมากๆๆ 

DAY4 : Bern – Lausanne – Montreux – Interlaken

วันนี้ฮะ กะว่าจะเที่ยวชิวๆเบาๆแต่สุดท้ายก็นั่งรถไฟกันอุดตลุดไปโน้นนนนนน วันนี้ออกสายหน่อยพักร่างจากการเที่ยวคุ้มๆมา 3 วันละก็นั่งรถไฟไปเมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์กันคือเมือง Bern พอถึงสถานีแล้วให้เดินออกมาด้านนอกครับจะมีรถรางหลายๆสายเลย ก็ให้เพื่อนๆกด google map ดูเลยว่าขึ้นสายไหนที่ปลายทางเป็น Bärengraben (มันคือบ่อหมีที่อยู่สุดด้านที่เราจะเที่ยวพอดี )

หลังจากกระโดดขึ้นรถรางมาถึงสถานีบ่อหมีแล้ว ถ้าเดินต่อขึ้นเขาไปก็จะเป็นจุดชมวิวเมืองครับ  (จริงๆมีจุดสูงกว่านี้นะแต่พอดีแม่ไปด้วยเลยไม่ได้เดินไปถึงขนาดนั้น)

และก็ไปดูหมี! คืออารมณ์เหมือนสวนสัตว์น่ะครับ น้องหมีก็จะอยู่ในพื้นที่โล่งๆที่มีรั้วรอบขอบชิด คนก็จะดูได้ไกลๆ อย่างภาพที่ชิวถ่ายมานี่ใช้เลนส์ซูมมานะ จริงเราไม่ได้เห็นใกล้ขนาดนั้น

เที่ยวแถวบ่อหมีเสร็จก็นั่งรถรางกลับครับ กดพิกัดมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟก่อนเลย จากนั้นก็มองๆเอาอะอยากแวะตรงไหนก็ลงเดินเที่ยวเมืองไปเพลินๆฮะ

ตอนนี้เวลาเหลืออีกครึ่งวันก็เลยบอกแม่ว่า แม่ไปเมืองโลซานกัน Lausanne เมืองที่ในหลวง รัชกาลที่9 เคยอาศัย ชิวดูจากแผนที่แล้วห่างจาก Bern ไม่ไกลมากนั่งรถไฟเล่นๆสัก 3 ชม.ถึงก็เลยไปกัน  แต่วันนี้ฮะเหมือนเราดวงทั้งหมดในการหลบฝนมาแล้ว 3 วันก่อน โอ้โห อากาศวันนี้แบบไม่เป็นใจขั้นสุดดดดดดดด ฝนตกอย่างหนัก กางร่มเที่ยวกันเลย  ดังนั้นก็เลยได้เก็บภาพแค่เล็กๆน้อยๆ(จริงๆ) แล้วต้องขอลา Lausanne อย่างรวดเร็ว

ยังครับยัง เที่ยวให้คุ้ม! ก่อนกลับเราไปแวะเมือง Montreux อีกหนึ่งในเมืองตากอากาศชื่อดัง หน้าทะเลสาบ หลังภูเขาหิมะ ที่เคยเห็นภาพพีคๆในเน็ตนั่นล่ะฮะ แต่ด้วยฝนตกเบาๆ(อีกแล้ว) ประกอบกับคุณแม่ดูท่าจะเหนื่อยมากแล้ว ชิวก็เลยให้แม่นั่งรอแถวๆสถานี แล้วชิวเดินเล่นแค่ตรงทะเลสาบ   แต่ถือว่าประทับใจนะ วิวสวยมากๆเลย ถ้าพอมีเวลาก็แนะนำให้มานะ

DAY5 :  Zermatt

วันนี้แผนคือนั่งรถไฟชมวิวจาก Interlaken ไปยังเมือง Zermatt เพื่อไปขึ้นรถไฟไต่เขาไปชม Matterhorn ยอดเขาในดวงใจผมใกล้ๆครับแค่นั้นครับ

ซึ่ง! ตั้งแต่เมื่อคืนก็ดูพยากรณ์มาแล้วล่ะ ว่าอากาศปิด ฮือออออ แต่ก็ยังหวังเล็กๆว่าจะมีโอกาสได้เห็น Matterhorn บ้างอะไรบ้าง เพราะชิวเคยมารอบหนึ่งแล้วมันสวยมากแบบในรูปนี้เลย ขึ้นไปชมวิวที่ Gornergrat มันพีคมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

Update 2020 :  ใช้ Swiss pass เป็นส่วนลดขึ้น Gornergrat  ได้ลด 50% 

ซื้อ Swiss pass พาสสุดคุ้มได้ที่ไหน?  ซื้อออนไลน์ได้เลยครับ ชอบเจ้าไหน ถูกใจเจ้าไหน กดเจ้านั้นจ้า ใช้ได้เหมือนกัน

ผ่าน Klook >>> Click <<<   ||||||      ผ่าน KKday  >>> Click <<<

 

ส่วนวันนี้เหรอฮะ…….. ฝนตก!! ฟ้าปิด แม้แต่ฐานภูเขายังไม่เห็นเลย เราก็เลยตัดสินใจว่าวันนี้จะเป็นวันพักผ่อนของสองแม่ลูก เดินเล่นในเมืองเล็กๆน้อยๆแล้วซื้อของซุปเปอร์มาทำอาหารแบบจัดหนักจัดเต็มกินกันดีกว่า!

เพราะวันนี้ที่พักเรามีครัว เย้!  คือแบบห้องดีมากกกกกกกกกกกก ชื่อว่า Residence Patricia เป็นแนวๆ service apartment มีห้องน้ำ ห้องครัวเล็กๆ มีระเบียง มีเตียงนุ่มๆ คือฟิน ! ในราคาน่ารักแบบไม่น่าเชื่อ!

จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน booking.com  >>> Click <<<

จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน agoda.com     >>> Click <<<

 

DAY6 : ลอกเส้นทาง Glacier express !

สำหรับวันที่ 6 ปลายทางเราอยู่ที่เมือง Lugano ครับซึ่งเราจะนั่งรถไฟชมวิว ลอกตามเส้นทางรถไฟยอดฮิต GLACIER EXPRESS รถด่วนขบวนช้าที่สุดในโลก แต่ก็สวยงามเป็นอันดับต้นๆของโลกเช่นเดียวกัน!

แต่ด้วยความที่เราจองไม่ทัน ทำให้ที่นั่งรอบที่เราอยากไปเต็มหมดชิวก็เลยค้นๆในเน็ตเจอคนแนะนำว่าให้นั่งรถไฟธรรมดาไปสิ ก็วิวเดียวกันล่ะ ไม่รอช้าครับเข้า app SBB ก็เจอจริงๆโดยเทคนิคคือให้เราเลือกว่าไป via ที่ Andermatt ครับจะเป็นเส้นทางที่สวยงาม

สำหรับท่านที่มี Swiss pass สามารถขึ้นรถไฟ Glacier express ได้ฟรีครับ จะเสียเฉพาะค่าจองที่นั่งเท่านั้น ( จำเป็นต้องจอง ไม่จองขึ้นไม่ได้ )

โดยเข้าไปจองที่ เว็บไซต์  : https://www.glacierexpress.ch/en/

 

จากนั้นก็………… นั่งรถไฟกันท้างวัน ดูวิวจนไม่รู้จะดูอะไรเลย แต่วิวสวยมากๆคุ้มค่าที่เอาเวลามาทิ้ง 55555555

หมายเหตุ : เพื่อนๆที่ไม่ไปต่ออิตาลี หลังจากเมื่อคืนแวะเที่ยวและนอนที่ Lugano แล้วให้นั่งรถไฟกลับซูริคได้เลย ก็คือเทียบเท่า DAY7 ของเรา

 

DAY7 : Zurich

ต้องบอกก่อนว่าชิวขอข้ามพาร์ทอิตาลีไปนะครับ คือจริงๆชิวกับแม่ไปต่ออิตาลีมา 3 วันคือ มิลาน-เวนิส-บูราโน่-มูราโน่ แล้วเราบินกลับมาที่ Zurich  ดังนั้นก็จะขอเล่าสั้นๆเกี่ยวกับการเที่ยวเมืองเศรษฐกิจของสวิสเซอร์แลนด์ที่คนชอบคิดว่าที่นี่คือเมืองหลวง!

สำหรับการเที่ยวซูริคแบบง่ายๆส่วนมากเค้าก็จะใช้เวลาเที่ยวกันแค่ 3-4 ชม.แหละด้วยการเดินจากสถานีรถไฟออก เดินไปตามถนน Bahnhofstrasse ที่สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านรวงเยอะแยะมากมาย ให้คุณช็อปปิ้งกันจนลืมเหนื่อย จากนั้นปลายทางก็จะอยู่ที่สวน Lindenhof  ซึ่งจะเป็นจุดชมวิวสูงของเมืองนั่นเองครับ จบ!

 

นี่ครับถนน Bahnhofstrasse เดินช็อปปิ้งได้ทั้งวันเชื่อผม

เดินมาเรื่อยๆมุ่งหน้าสู่สวน  Lindenhof ครับวิวประมาณนี้เลย ต้องมาไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึง Zurich

สำหรับคืนสุดท้าย และ ท้ายสุด แม่ผมบอกว่าชอบที่นี่สุดเลย ดูใหม่และเป็นสัดเป็นส่วนดี เรานอนโรงแรมที่ชื่อว่า Easy hotel ครับซึ่งถือว่าเป็น budget hotel แล้วนะแต่ราคาก็แบบว่า……… เกือบนอนโรงแรม 5 ดาวบ้านเราได้เลย ประเทศนี้ของแพงจริงจัง T-T

จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน booking.com  >>> Click <<<

จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน agoda.com     >>> Click <<<

DAY8 : Home !

วันสุดท้ายก็เตรียมตัวกลับบ้านจ้า สำหรับทริปนี้ถือว่าเป็นการมาเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์รอบที่ 2 ของชิว ที่เราดีใจมากๆคือเราได้พาแม่เรามาเที่ยวสักที เค้าอยากมาสวิสเซอร์แลนด์มาตั้งนานแล้ว เราได้ทำความฝันของแม่สำเร็จที่เค้าได้มา รวมทั้งความฝันเราที่จะพาเค้ามาก็สำเร็จด้วยเช่นกัน แฮปปี้!

 

สรุปค่าใช้จ่าย ( ต่อคน )

– Flight ticket 14,500

– Hotel 7 คืน 11,450

Swiss pass 8 วัน 13,000

– ค่าขึ้น Tislit 1,550

– ค่า Visa + ประกัน : 3500

– ค่าอาหารและอื่นๆ 7,000

รวม 50,500 บาท

 

มีคนถามมาเยอะแล้วซื้อ Swiss pass พาสสุดคุ้มได้ที่ไหน

ซื้อออนไลน์ได้เลยครับ ชอบเจ้าไหน ถูกใจเจ้าไหน กดเจ้านั้นจ้า เหมือนกัน

ผ่าน Klook >>> Click <<<

ผ่าน KKday  >>> Click <<<

หมายเหตุ :: ทริปนี้เราได้ตั๋วโคตรโปรตั๋วเครื่องบินมาครับ และพกอาหารไปจากไทยเยอะมากกกกกก  ทำให้ราคาทั้งหมดออกมาถูกกว่าปกติครับ ถ้าเอาแบบกินจัดเต็มไม่พกไรไปจากไทยเลยก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 700-1000 บาทต่อมื้อ ลองคูณเข้าไปดูนะครับว่าจะประมาณเท่าไหร

Exit mobile version