“เก็บเงินเที่ยวยังไง … เที่ยวยังไงไม่ให้ถังแตก”
คำถามนี้เป็นคำถามที่มีบางคนเคยส่งหลังไมด์มาถาม บางคนก็ไม่กล้าที่จะถามแต่คิดว่าน่าจะอยากรู้
.
เราเรียน MBA มามันก็จะมีเรื่องของการบริหารการเงินเยอะแยะร้อยแปด ซึ่งหนึ่งในอาจารย์ที่สอน Finance เป็นนักลงทุน VI ชื่อดัง Idol ของหลายคน เค้าก็จะพูดว่า “ให้ออมให้มากที่สุดแล้วรีบเอาเงินไปลงทุนให้ไวที่สุด” พอถึงจุดหนึ่งพวกคุณจะมีเงินปันผลมากพอ ที่จะมี “อิสระภาพทางการเงิน” อย่างที่คนใฝ่ฝัน
.
ผมไม่ได้บอกว่าสิ่งนี้ผิด แต่เรามองว่า “การทำงานไปเที่ยวไป” เป็นเรื่องที่เราอยากทำมากกว่า Balance ชีวิตเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคน Generation Y แบบเรา เราเลยตั้งกฎให้กับตัวเองง่ายๆ ด้วยการแบ่งรายได้ออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆกันสำหรับชีวิตหลายๆด้าน
1. เงินสำหรับออม/ลงทุน เพื่ออนาคต
2. เงินสำหรับเอาไว้เที่ยว เอาไว้ใช้ชีวิต
3. เงินสำหรับค่าใช้จ่ายประจำ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต ค่ากิน ค่าห้อง ค่าเดินทาง ค่ารถ ให้พ่อแม่
4. เงินสำหรับค่าใช้จ่ายไม่ประจำ เช่น ประกันรถ ค่าช็อปปิ้ง
.
เอาจริงๆแบบโลกไม่สวยนะ เราอยากเอาเงินทั้งหมดไปเที่ยวหมดเลย แต่ชีวิตจริงเราก็มีโลกอื่นๆให้เราต้องอดออม อดกลั้นต่อกิเลสไง รายได้เรามีเท่านี้เราก็ต้องเที่ยวเท่าที่เรามี ปีหนึ่งก็แบ่งๆกันไป เที่ยวแพงบ้าง เที่ยวถูกบ้าง ต้องไม่เกินลิมิตที่ตั้งไว้ การเที่ยวถูกๆมันก็ทำให้เราไปได้เยอะขึ้น เที่ยวประหยัดแต่ก็มีความสุขได้
.
สำหรับน้องที่ทำงานใหม่ๆแน่นอนว่ารายได้จะไม่เยอะพอจะไปไกลๆ ก็ต้องเลือกว่าจะยอมไปครั้งเดียวแล้วลงแดงยาวไปทั้งปี หรือไปถูกๆแต่ไปหลายๆครั้ง .. พอทำงานไป 3 ปี 5 ปีหรืออนาคตรายได้เราก็ต้องเพิ่มขึ้นเราก็ขยายวงกว้างไปได้เอง
.
ผมไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ผมคิดมันถูกต้อง แต่มันคือสิ่งที่ผมเลือกแล้วกัน ใช้ชีวิตให้สนุกแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของโลกแห่งความจริง
หัวข้อนี้ทาง Alife ได้เชิญไปพูดด้วยเรื่อง วางแผนการเงินด้วยครับดูคลิปด้านล่างได้เลย
[su_youtube url=”https://www.youtube.com/watch?v=atiCpX8YUGI”]