กระดูกทับเส้นประสาท เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปสาเหตุหลักของโรคนี้เกิดจากการเสื่อมของกระดูกสันหลังทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังเกิดการฉีกขาดและกดทับเส้นประสาทที่อยู่ด้านหลังส่งผลให้เกิดอาการปวดร้าวลงขาชาหรืออ่อนแรงในบางรายอาจจะทำให้อาการเลวร้ายลงไปเรื่อยๆในบางรายอาจจะไม่สามารถเดินหรือขยับตัวได้เลยผู้ที่มีอาการจึงควรดูแลและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดความผิดปกติ
อาการของกระดูกทับเส้นประสาท
อาการจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เส้นประสาทถูกกดทับ โดยทั่วไปแล้ว อาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ปวดหลัง ปวดร้าวลงขา บริเวณน่อง หน้าแข้ง หรือปลายเท้า
- ชา หรืออ่อนแรงบริเวณขา
- เดินลำบาก ขาไม่มีแรง
- ปัสสาวะหรือถ่ายลำบาก
- เดินแล้วมีอาการวูบ
อันตรายจากกระดูกทับเส้นประสาท
หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง กระดูกทับเส้นประสาทอาจทำให้เกิดอันตรายและส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้เพราะหากว่าเส้นประสาทถูกกดทับอย่างรุนแรงอาจทำให้สูญเสียการเคลื่อนไหวหรือความรู้สึกบริเวณขานอกจากนี้หากเส้นประสาทถูกกดทับบริเวณไขสันหลังอาจทำให้เกิดอัมพาตได้
ดังนั้นหากว่าเรารู้สึกว่ามีอาการปวดที่ผิดปกติอย่างการปวดเรื้อรังเป็นเวลานานควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะหากว่าปล่อยเอาไว้อาจจะเกิดอันตรายร้ายแรงได้เราจึงควรดูแลและสังเกตอาการอยู่เสมอ
การดูแลตนเอง
หากมีอาการของกระดูกทับเส้นประสาท ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง ในระหว่างนี้ ควรดูแลพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรง นั่งหรือนอนในท่าที่ถูกต้อง ประคบเย็นบริเวณที่ปวด รับประทานยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบตามที่แพทย์สั่ง
การรักษากระดูกทับเส้นประสาท
การรักษากระดูกทับเส้นประสาทขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะรักษาด้วยวิธีดังนี้
- การรักษาแบบประคับประคอง ได้แก่ การรับประทานยา การทำกายภาพบำบัด หรือการใช้เข็มกระตุ้นไฟฟ้า
- การผ่าตัด ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงมาก
การป้องกันกระดูกทับเส้นประสาท
สามารถป้องกันได้โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อรวมถึงควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินเกณฑ์ที่กำหนดและหลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรง
กระดูกทับเส้นประสาทเป็นโรคที่พบได้บ่อยและอาจทำให้เกิดอันตรายได้ หากมีอาการของกระดูกทับเส้นประสาทควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องหากอาการไม่หนักมากแพทย์อาจจะให้ทำกายภาพบำบัดและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้มีความเหมาะสมในระหว่างนี้ควรดูแลตนเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเพื่อบรรเทาอาการ