“ฝรั่งเศสอะนะ ทำไมจะไม่อยากไปวะ”
ผมตอบกลับเพื่อนที่ถามว่า “ทำไมในลิสต์ที่แกเคยไปไม่มีฝรั่งเศสเลยวะ”
ไม่รู้ด้วยอะไรทำให้คิดว่า “เดียวคงได้ไป” ทุกทีและมองข้ามฝรั่งเศสทุกครั้ง ไปที่อื่นทั้งๆที่อยากไป
ทริปนี้เลยเอาฝรั่งเศสให้เป็นพระเอกทริปเลย หลักๆเล็งจะเที่ยวฝรั่งเศสตอนใต้แถว โพรวองซ์ (Provence) และ ปารีส (Paris) ที่อยู่ตอนบน แต่แถวนั้นมันมีประเทศเล็กมากๆอีก 2 ประเทศนี่หว่าคือ ประเทศโมนาโก ( Monaco ) และ ประเทศอันดอร์รา (Andorra) อันนี้น่าสนใจก็เลยพ่วงไปด้วย และลองถ้าวัดระยะจากปารีสมาโมนาโก พบว่า…อ้าวเราควรบินลงมิลานหวะเพราะมันใกล้กว่านั่งรถไฟมาจากปารีสถึง 300 กิโล !! ทริปนี้ไม่เหงา เพราะมีอินเทอร์เน็ตใช้ตลอดทริป สะดวกมากๆ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
แผนเที่ยว
Day1 : Bangkok -> Milan -> Genova -> Nice
Day2 : Nice -> Monaco
Day3 : Aix-en-Provence
Day4 : Marseille
Day5 : Gordes
Day6 : Avignon
Day7 : Andorra
Day8 : Barcelona ( Spain )
Day9 : Barcelona -> Paris
Day10 : Paris
Day11 : Paris -> Bangkok
เราวางแผนไว้ทริปนี้ประมาณ 11 วันไม่รีบไม่ช้า เน้นเต็มอิ่มกับแต่ละเมือง แผนคร่าวๆเราก็ประมาณนี้ 11 วัน ถ้านับแบบชะโงกทัวร์เราจะผ่านถึง 5 ประเทศได้แก่ อิตาลี-ฝรั่งเศส-โมนาโก-อันดอร์รา-สเปน เลยนะ ฮ่าๆๆๆ
ข้อมูลทั่วไปของฝรั่งเศส
- เมืองหลวง: ปารีส Paris
- จำนวนประชากร: ราว 64 ล้านคน
- พื้นที่: 632,834 ตร.กม.
- สกุลเงิน: ยูโร ( 1 ยูโรประมาณราว 38 บาท ) ข้อมูล ณ วันที่ 24/03/2017
- ภาษาราชการ: ฝรั่งเศส French
- โซนเวลา: เวลาเดินช้ากว่าเมืองไทย 5 ช.ม. ในช่วงปลายเดือนมีนาคม – ปลายเดือนตุลาคม และช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง ในช่วงปลายเดือนตุลาคม – ปลายเดือนมีนาคม (มีการปรับเวลา)
ต้องขอวีซ่าอะไรบ้าง?
- ประเทศในเขตวีซ่าเชงเก้น(Schengen) ได้แก่ อิตาลี / ฝรั่งเศส / สเปน
- ประเทศที่ไม่อยู่ในเชงเก้น แต่ถ้ามี Schengen visa แบบ multiple entry สามารถเข้าได้คือ โมนาโก / อันดอร์รา
ดังนั้นถ้าไปตามแผนนี้จะต้องขอวีซ่าเชงเก้น(Schengen) แบบ multiple entry (เข้าออกในเขตเชงเก้นได้หลายครั้ง) จึงจะสามารถไปได้ครบทั้ง 5 ประเทศนะครับ ซึ่งการขอแบบ multiple entry มีวิธีการเหมือนกันกับการขอปกติ 100% ครับ พิเศษคือให้ติ๊กช่อง multiple entry และแสดงแผนให้เห็นว่าเราต้องไปประเทศ โมนาโก และ อันดอร์รา ที่อยู่นอกเชงเก้นเพียงเท่านี้เอง
อ่านเพิ่มวิธีการขอเชงเก้น >> https://www.chilljourney.com/schengen-visa-iceland/
ฝรั่งเศสไปช่วงไหนดี?
- ฤดูใบไม้ผลิ : 21 มี.ค. ไปจนถึง 21 มิ.ย. – อากาศเย็นสบายสำหรับคนไทย กลางวันนานประมาณ 12-14 ชั่วโมง
- ฤดูร้อน : 22 มิ.ย. และไปจบลงวันที่ 22 ก.ย. – อากาศร้อน กลางวันนานมากถึง 15-17 ชั่วโมง
- ฤดูใบไม้ร่วง : 23 ก.ย.จนถึงวันที่ 21 ธ.ค. – อากาศค่อนไปทางเย็น จนถึงหนาวเมื่อเดือน ธค. ถ้าไปถูกเวลาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยมากๆ
- ฤดูหนาว : 2 ธ.ค. ถึงวันที่ 20 มี.ค. เป็นฤดูที่กลางวันจะสั้นมาก ฟ้ามืดเร็ว และอากาศหนาวเย็น เหมาะสำหรับคนสนใจเล่นกีฬาหน้าหนาวเช่นสกี
ถ้าให้ผมแนะนำเที่ยวสบายๆก็จะเป็น ช่วง 21 มี.ค. ไปจนถึง 22 มิ.ย. และช่วง 1 กย. – 30 ตค. ครับจะเป็นช่วงที่อากาศกำลังดีสำหรับคนไทย อากาศเย็นนิดๆแต่ไม่ถึงกับหนาวสั่น กลางวันยาวประมาณ 12-14 ชั่วโมงเที่ยวเล่นได้คุ้มค่า
ซื้อซิมอะไรดี?
จะไปเที่ยวไหนก็ได้แต่จะไม่มีเน็ตใช้ไม่ได้ !! เราอยู่ในยุคที่ทุกอย่างอยู่บนอินเทอร์เน็ต จะทำงาน จะโพสเฟส จะหาข้อมูลเดินทาง จะเปิด google map ดังนั้นทุกครั้งชิวจะปวดหัวมากเวลาไปต่างประเทศ เราต้องไปวิ่งหาซื้อซิมที่ประเทศนั้นๆ และพอข้ามประเทศก็จะต้องเสียเงินซื้อใหม่อีกแล้ว(ซึ่งซิมยุโรปนี่แพงชิบ!) ลองคำนวณดูกันดีกว่าถ้าซื้อซิมที่ฝรั่งเศสใช้งานจะอยู่ที่เท่าไหร? ที่ฝรั่งเศสมีเครือข่าย 4 เจ้าใหญ่
ผมอ่านเว็บ Blog ต่างประเทศ เค้าแนะนำให้ซื้อซิมและเติมเงินประมาณ 30-40 ยูโร อะเราก็ลองไปหาข้อมูลดู (เว็บภาษาฝรั่งเศสใช้ google translate ช่วยมานะ) อย่างของ orange ซื้อซิมก่อนประมาณ 10 ยูโรและเติมเงินอีก 20 ยูโร เป็น 30ยูโร (ประมาณ 1,150 บาท) จะใช้เน็ตได้ 2GB อืมๆๆก็เหมือนจะน่าสนใจ
แต่!! หาไปหามา เจอ SIM2Fly ของ AIS ใช้เน็ตได้ 3GB ยุโรป/อเมริกา ในระยะ 15 วัน ในราคา 899 บาท !!!!!! คือถูกมากกกกก และถูกกว่าซื้อซิมที่ฝรั่งเศส ตั้ง 250 บาทแถมใช้เน็ตได้เยอะกว่าตั้ง 1GB และมีดีกว่านั้นตรงที่ “ย้ายประเทศได้โดยไม่ต้องซื้อซิมใหม่ ไม่ต้องสมัครแพ็คเกจใหม่” คือจ่ายแค่ 899 เนี่ยแหละจบเลย 15 วัน สะดวกสบายและไม่วุ่นวาย
ยกตัวอย่าง :: สมมุติเคสทริปชิวนะ ชิวบินลงอิตาลีก่อน เราก็เปิดใช้ SIM2Fly ได้เลย และพอข้ามไปฝรั่งเศสเราก็ใช้เน็ตต่อได้เลยโดยไม่ต้องสมัครใหม่ และพอเราข้ามไปสเปนเราก็ใช้ต่อได้อีกนึกออกป่ะ ซึ่งถ้าเทียบกับเราต้องไปวิ่งซื้อซิมใหม่ทุกครั้งที่ข้ามประเทศอะแบบนี้ถูกกว่าเยอะมากๆๆๆๆจริงๆ เงื่อนไขคือขอให้ประเทศนั้นรองรับ SIM2Fly เท่านั้นเอง และชิวดูแล้วคือรองรับเยอะมาก เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส ออสเตีย อิตาลี เสปน สวิส แถมประเทศ transit ในเอเชียก็มีนะ พวก ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี อินเดีย ไรเนี้ยรองรับหมด คือประเทศหลักๆที่คนไทยไปก็มีครบถ้วนแล้ว ดูรายละเอียดประเทศเพิ่ม >> ที่นี่ <<
และอาจจะมีหลายๆคน กังวลว่าถ้าเปลี่ยนซิมแล้ว LINE จะหายหรือเปล่า ซึ่งถ้าเราลงทะเบียนด้วย email ก็สบายใจได้เลย แค่เปลี่ยนซิมเสร็จ เปิด LINE แล้วก็ log in ด้วย email ก็ chat ต่อจากเดิมได้เลย LINE ไม่หายแน่นอน
ส่วนเรื่องจำนวน Data ถ้าคิดว่าตัวเองจะใช้เยอะหรือทริปยาวกว่า15วัน ก็สามารถเติมเงินจากที่ไทยหรือซื้อบัตรเติมเงินติดไปกดรหัสเติมที่นู่น แล้วกดเติมแพ็กได้เลยง่ายๆ 849 บาทได้เน็ตเต็มสปีดอีก 3GB และวันเพิ่มอีก15วัน แต่จำนวนเต็มสปีด 3GB ที่ให้มาตอนแรกก็ถือว่าให้มาเยอะแล้วนะ และถ้าหมด 3GB ก็ยังเล่นเน็ตได้ต่อเนื่องในความเร็วที่กำหนด ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่ได้ใช้อะไรมากแค่ 899 บาท จบ
สรุป : ไปยุโรป AIS SIM2Fly คุ้มสุดในทุกกรณี
การเดินทางภายใน
การเดินทางในเส้นทางสายนี้ค่อนข้างครอบครุมด้วยรถไฟ รายละเอียดคร่าวๆสามารถดูได้ตามนี้ครับ
- รถไฟอิตาลี : http://www.trenitalia.com/ (จองล่วงหน้าถูกกว่า)
- รถไฟฝรั่งเศส : http://www.sncf.com/en/passengers (จองล่วงหน้าถูกกว่า)
- โมนาโก : ขึ้นรถบัส หรือ รถไฟจากฝรั่งเศสได้
- อันดอร์รา : ไม่มีรถไฟเชื่อมสามารถนั่งรถบัสไปได้ http://www.andorradirectbus.es/en/ และ https://www.andorrabybus.com/en
- สเปน : เราแวะแค่เมือง Barcelona ซึ่งสามารถใช้รถใต้ดินเดินทางได้เลย หรือนั่งบัสตรงจาก อันดอร์รา ไปยังสนามบินได้เช่นกันถ้าไม่อยากแวะเที่ยว
ไฮไลท์ของเส้นทางนี้ที่คุณจะตกหลุมรัก
1. Milan – เมืองหลักของประเทศอิตาลี สัญลักษณ์เด่นของเมืองนี้คงไม่พ้น Duomo di Milano มหาวิหารใจกลางเมืองที่สวยสะกดให้ทุกคนต้องแวะมาชมสักครั้ง
2. ประเทศโมนาโก :: ประเทศเล็กจิ๋วขนาดเพียง ๑.๙๕ ตารางกิโลเมตรเท่านั้น เล็กเป็นอันดับ2ของโลก แต่เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยมหาเศรษฐี ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ประกอบกับมีคาสิโนที่มีชื่อเสียงและอากาศที่อุ่นสบาย
3. เมืองทางตอนใต้ของฝรั่งเศส : ตอนใต้ของฝรั่งเศสทางด้านขวาจะติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้มีทิวทัศน์ทางทะเลที่สวยงาม และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของเทือกเขาแถบนี้โดยเฉพาะโพรวองซ์ (Provence) ภาพทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วงทอดยาวคงทำให้คุณหลงรักฝรั่งเศสตอนใต้ได้ไม่ยาก
4. ประเทศอันดอร์ร่า :: ประเทศขนาดจิ๋วอยู่ระหว่างฝรั่งเศสและสเปน มีทิวทัศน์ที่สวยงาม และมีรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยว ตัวเลขนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนประมาณ 15,000,000 คนต่อปีคงการันตีได้ว่า จิ๋วแต่แจ๋ว
5. สเปน :: แม้ทริปนี้จะมีเวลาให้กับสเปนเพียงแค่เมืองเดียวคือ Barcelona แต่เมืองริมทะเลแห่งนี้เคยสร้างความประทับใจให้กับผมแล้วครั้งหนึ่งด้วยความฮอตของคนสเปน activity ริมทะเลที่น่าสนใจ
6. ปารีส :: สำหรับเมืองสุดท้ายในทริปแต่เป็นเมืองที่สำคัญที่สุดที่ทุกคนในโลกใฝ่ฝันจะมาเยือน “ปารีส” นครหลวงของฝรั่งเศสที่มีครบทุกด้านทั้งเมืองที่สวยงาม การคมนาคมที่สะดวก ผู้คนหลากหลาย อาหารรสเลิศ และที่พลาดไม่ได้คือแหล่งช็อปปิ้งที่มีมากมายหลายแบรนด์ในราคาถูกกว่าเมืองไทย
สำหรับ Preview อีกหนึ่งทริปในฝันของผม รวมทั้งข้อมูลเบื้องต้นที่เพื่อนๆควรรู้ ขอจบลงเท่านี้ก่อนนะครับ หวังว่าจะได้ไกด์ไลน์ในการเที่ยวและได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปใช้งานกันนะ เที่ยวให้สนุกแล้วเจอกันที่ปารีสครับ XOXO