เมืองฝอยทองและทาร์ตไข่แดนดินถิ่นโปรตุเกส เราไม่ค่อยเห็นคนไทยพูดถึงโปรตุเกสนัก แต่ได้ไปแล้วอยากกลับมาตะโกนบอกให้ทุกคนว่า “แกรรร มันดีมากกกกกกก” อยากให้ไปเที่ยวกันเยอะๆ เมืองสวยมากกก เดินทางสะดวก ค่าครองชีพไม่แพง ขนมอร่อย โอ้ยอะไรก็ดีไปหมด ดีจนสงสัยว่าทำไมคนไทยไม่มาเที่ยวกันเหรอ รู้สึกเหมือนค้นพบเพชรที่คนมองไม่เห็น คันปากอยากเล่า เชิญอ่านรีวิวแล้วเที่ยวตามเราได้เลย
สรุปแผน
สรุปแผนเที่ยวโปรตุเกสเมืองหลัก 4 วันเส้นทาง Lisbon – Sintra – Cascais – Porto ระยะเวลา 4 วัน 3 คืน เฉพาะค่าใช้จ่ายที่ใช้ในทริปนี้ รวมค่ากิน ค่าโรงแรม ค่าเดินทางภายในประเทศ ประมาณ 7,500 บาทต่อคน
วีซ่า
โปรตุเกสอยู่ในเขตเชงเก้นสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ https://goo.gl/2WvAXy
การเดินทาง
จากไทยตอนนี้ยังไม่มีสายการบินไหนบินตรง ทริปนี้ชิวพ่วงไปกับฝรั่งเศสเราบินสายการบินไทยมาลงที่มิลานเที่ยวฝรั่งเศสแล้วต่อเครื่องบินภายในมาลงที่ Lisbon ครับ ส่วนขากลับบินจาก Porto กลับไปยังปารีสแล้วต่อการบินไทยกลับกรุงเทพ
อุปกรณ์ถ่ายรูป
ลูกรักของผมคือเซ็ตนี้ กล้อง Panasonic GX85 ประกบกับเลนส์ 3 ตัวคือ 7-14/12-35/35-100 ชิวค่อนข้างติดเลนส์ซูมครบช่วง ใช้หมดทั้ง wide/normal/tele โดยเซ็ตนี้ทั้งเซ็ตน้ำหนักไม่ถึง 2 กิโลด้วยซ้ำทำให้การท่องเที่ยวสนุกกว่าการแบก DSLR ชุดเดิมเยอะเลย คุณภาพก็ไม่ได้ด้อยกว่า
ข้อดีที่ทำให้เปลี่ยนมา
– โฟกัสไวมากกกก ผมเป็นสายกดไปเรื่อยๆถ่ายคน
– White balance การจัดการแสงยากๆนี่แจ่มมาก
– ถ่ายได้รัวมาก 10 ภาพต่อวินาที ปลื้มมาก 1 วิรัวได้ไป 10 ช็อตไม่พลาด
– ไฟล์ดีมาก ตัวนี้ไม่มี low pass filter ทำให้ภาพคมเป็นพิเศษ
– สามารถถ่าย 4K Photo ได้ ด้วยฟังก์ชั่นนี้สามารถถ่าย
Day1 : Lisbon
. วิธีการเที่ยว Lisbon เมืองหลวงของโปรตุเกสใน 1 วันง่ายสุดคือขอแผนที่จากโฮสเทลมา แล้วเดินลงสถานีรถไฟใต้ดินซื้อบัตรเหมาทั้งวัน ราคา 6.65 ยูโร บัตรนี้สามารถนั่งได้ทั้งรถบัส รถแทรม และ รถใต้ดิน นั่งแทรมทีก็ 2-3 ยูโรแล้ว คุ้มแน่นอนซื้อไปเลย
. โอเคได้บัตรแล้วไปได้ เราเริ่มต้นทริปตามคำแนะนำของโฮสเทลให้ไปเที่ยวแถวย่านเมืองเก่าดูแมพแล้วไปลงสถานี Terreiro do Paço สถานีนี้อยู่ทางซ้ายของเมืองเก่า คือตั้งใจว่าจะเดินเที่ยวเมืองเก่าไปเรื่อยๆแล้วไปกลับที่สถานีทางขวาที่สถานี Lisboa Santa Apolónia
พอออกมาก็เดินวนไปครับ เดินขึ้นเขา! ตอนแรกกะว่าจะเดินสวยๆไปเรื่อยๆเบาๆชิวๆ แต่ไม่แบบนั้นด้วยความเป็นเมืองต่างระดับเยอะมากกกกกก เหมือนเดินขึ้นเขาลงเขาตลอดเวลา แต่มาแล้วก็เดินไปเรื่อยๆสุดท้ายเดินถึง National Pantheon เลยเป็นที่เที่ยวแรกที่เราเดินถึง (มันใกล้กับสถานี Lisboa Santa Apolónia ) อืมเอาสั้นๆคือเดินหลงนั่นแหละ T-T
มาแล้วก็ต้องจัดค่าเข้า 4 ยูโรต่อคนเราสามารถเที่ยวชมภายใน ถ่ายรูปและขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนของวิหารได้ด้วย ภายในสวยงามตระการตาใช้ได้ สูงใหญ่มาก แต่ส่วนรายละเอียดดีเทลเล็กน้อยอาจจะสวยสู้โบถส์หรือวิหารอื่นๆไม่ได้แต่ก็ยังสวยคุ้มค่าเข้าชมนะ
. เที่ยวภายในและเดินวนขึ้นไปชั้นบนได้ชมวิวเมืองมุมสูง แต่ยังสวยไม่สุด(จุดอื่นดีกว่าเดียวเล่าต่อ) แต่มองลงไปด้านล่างเจอตลาดนัดของมือสองที่เค้าเรียกว่า Flea market อารมณ์ JJ Green บ้านเรา ความสนุกรออยู่พวกเราไม่รอช้ารีบลงจากวิหารเพื่อออกไปเที่ยวตลาด Feira da Ladra กัน
. ตลาดนัดนี้ไม่ได้มีทุกวันตามคำบอกโฮสเทลบอกว่ามีเฉพาะวัน เสาร์อาทิตย์ และวันหยุดพิเศษเท่านั้น โชคดีเรามาเที่ยวในวันหยุดพิเศษของโปรตุเกสแบบพอดิบพอดี ทำให้เราได้เจอตลาดนัดชิคๆคูลๆขนาดนี้ (แต่ดูในเว็บบอกเปิดวันอังคารและวันเสาร์ ยังไงลองเช็กกันอีกทีละกัน ผมอาจจะฟังผิด)
สินค้าที่นำมาขายก็จะเป็นพวกของ handmade ของเก่าเก็บ ของมือสอง เสื้อผ้า กระเป๋ารองเท้า มากมายหลายสิ่งในราคาไม่แพง ขายกันเยอะมากกกกก ถนนทั้งสายมองเห็นแต่พ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงเรียงราย
พวกเราเดินเที่ยวตลาดเลาะไปทางซ้ายเรื่อยๆจนถึงโบถส์ Church of São Vicente of Fora เป็นโบถส์ใหญ่ชื่อดังของเมืองนี้อีกอัน ไม่เสียค่าเข้าชมสามารถเข้าไปถ่ายรูปชมความเก่าแก่ได้
จากนั้นเราเดินไปต่อที่จุดชมวิวที่ชื่อว่า Miradouro da Graça Miradouro ที่จุดชมวิวนี้อยู่บนเนินเขาใช้กำลังขาเดินกันสักหน่อยนะ แต่ไม่เสียค่าเข้าชม แถมวิวยังดีมากๆอีกด้วย ได้เห็นวิวตามภาพเลย
ใกล้กันจะมีปราสาทเก่า Castelo de S. Jorge แต่เกิดเหตุฉุกเฉินท้องร้องระหว่างทางที่ไปก็เลยแวะหาอะไรทานกันก่อน สะดุดตาที่ร้านหนึ่งคนกินเยอะมาก(ถ้าดูพิกัดไม่ผิดชื่อร้าน A Nossa Churrasqueira 2) และมีเมนูราคาพิเศษชุดใหญ่ไฟกระพริบในราคา 10.5 ยูโร ก็เลยเอาร้านนี้ล่ะ รสชาติใช้ได้มีเสริฟขนมปัง/เสต๊ก/กาแฟ/แยลลี่ ในราคาเท่านี้ถือว่าผ่านอยู่
ระหว่างทางเดินไปยังปราสาท ผมเริ่มเห็นรถแทรมวิ่งแล้ว เดียวถ้าขึ้นไปปราสาทเสร็จลงมาจะขึ้นแทรมชมเมืองเล่นหน่อย ไหนๆก็ซื้อบัตรเหมามาละ เราก็เดินๆไปเรื่อยๆตาม google map แต่พอถึงแล้วปราสาทก็พบว่า! แถวซื้อบัตรเข้าชมยาวมากกกกกกกกกกกกกก และดูไม่มีอะไรมากดังนั้น…ลาก่อย
กราบลาปราสาทเดินลงกลับมากันที่จุดชมวิว Miradouro das Portas do Sol อันนี้ก็ฟรีเหมือนเดิมคนคึกคักมาก และถ้าให้ผมเลือกจุดที่ดูเมืองได้สวยที่สุดผมแนะนำอันนี้ผมว่าสวยสุด (นั่งแทรมสาย 28 ก็ผ่าน)
หลังถ่ายรูปเสร็จเราก็กระโดดขึ้นแทรมเบอร์ 28 สายที่ฮิตที่สุดเพราะวิ่งผ่านจุดท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดของเมือง Lisbon ผมก็เลยนั่งวนไปเรื่อยๆชมวิวเมืองไปขี้เกียจเดินละ จนสุดป้ายแทรมเบอร์ 28 จะมาจอดใกล้กับ Square กลางเมือง ใกล้กับ Praça da Figueira การถ่ายภาพรถแทรมง่ายมาก ด้วยอานุภาพของกล้องรัวได้ 10 ช็อตต่อวิทำให้ไม่พลาดจังหว่ะที่รถแทรมวิ่งสวนกัน กดมาเลย 5-6 ช็อตแล้วเอามาเลือกภาพที่ชอบสักใบ
จากนั้นก็ได้เวลาเดินสำรวจใจกลางเมือง เดินวนไปเรื่อยๆทั้งคนโปรตุเกสทั้งนักท่องเที่ยวเยอะมากกกก เดินหาร้านขนมตั้งใจว่าจะหาทาร์ตไข่แจ่มๆกินซักหน่อย ให้สมกับที่มาโปรตุเกส ต้นตำรับขนมหลายสิ่ง เดินวนๆใจกลางเมืองแล้วก็ไม่เห็นเจอร้านน่าสนใจ ตอนนี้ก็เย็นละ ต้องรีบไปที่เที่ยวอีกอันหนึ่งชื่อ Belém เป็นมรดกโลกอยู่ห่างจาก Lisbon ไปแค่ประมาณ 30 นาที
ระหว่างเดินไปขึ้นรถไป Belém ก็เจอร้านขายทาร์ตไข่พอดี เห็นติดป้ายว่าได้รับรางวัลด้วยนะ แต่ชิมแล้วไม่เห็นจะอร่อยเลยอ่า … มีความเสียใจ และต้องขออภัยคือจำชื่อไม่ได้อีกตังหาก – -”
เดินมาเรื่อยๆจนถึง Arco da Rua Augusta ลักษณะคล้ายประตูชัยอะไรทำนองนี้เพื่อต่อรถไป Belém จะนั่งแทรมสาย 15E ไปหรือนั่งรถบัสสาย 714 ก็ได้ (แนะนำรถบัสเพราะไวกว่า) ค่ารถไม่เสียเพิ่มใช้บัตรเหมาทั้งวันได้เลย
พวกเราตั้งใจสินขึ้นรถแทรมเบอร์ 15E กว่ารถจะมาก็เสียเวลาพอสมควรแถมยังวิ่งช้าอีก (ที่บอกไปไงให้นั่งบัสไวกว่า) พอมาถึง Belem แล้ว แล้ว แอบผิดหวังนิดหนึ่ง มันไม่ค่อยมีอะไรเหมือนที่คาดหวังไว้อะครับ ค่อนข้างยิ่งใหญ่แต่ถ่ายรูปออกมาไม่ค่อยสวยแฮะ (ถ้ามีเวลาก็มา ไม่มีเวลาข้ามก็ได้)
ตรง Belem นี้มีมรดกโลกชื่อว่า Belém Tower เรานั่งรถมาลงใกล้ๆอันนี้ จากนั้นก็เดินย้อนกลับไปเรื่อยๆจนถึงอนุสาวรีย์ Padrão dos Descobrimentos ซึ่งตรงจุดนี้สามารถมาถ่ายรูปสะพาน Ponte 25 de Abril (สะพานแขวนขนาดใหญ่สีแดงคล้ายสะพานดังที่เมกา) ได้สวยงามด้วย
เที่ยวครบแล้วก็รีบกลับไปยัง Lisbon กันข้อดีของการเที่ยวช่วงนี้ (กลางเดือนพค.) คือกลางวันยาวนานมาก ฟ้ามืด 3 ทุ่มครึ่งทำให้เรามีเวลาเหลือเฟือ ขากลับนั่งรถบัสกลับใช้เวลา 30 นาทีก็มาถึงตัวเมือง เดินเล่นนิดหน่อยขึ้นจุดชมวิวอีกจุดชื่อว่า Miradouro de São Pedro de Alcântara แต่จุดนี้ไม่เด่นเท่าไหรครับ สวยไม่มาก ไม่คุ้มค่าเหนื่อยเดินเท่าไหร
ส่วนมื้อค่ำนั้นด้วยความที่เราอดอยากอาหารเอเชียมาก เราจะไม่ทนกินขนมปังอีกต่อไปดังนั้นเข้า google พิมพ์ Asian food เดินไปเรื่อยๆจนถึงร้านสั่งราเม็งแบบเผ็ดมาคนละชาม รสชาติไม่ได้ใกล้เคียงความเผ็ดเลยยยยยยย แต่ก็โอเค อร่อยใช้ได้แก้เลี่ยนได้ดี ค่าเสียหายคนละ 9.15 ยูโร
Day2 : Sintra – Cascais
วันที่สองตื่นเช้ามากินข้าวที่โฮสเทล อาหารเช้าโฮสเทลดีงามมาก แพนเค๊กนูเทลล่ากินไม่อั้น คู่กับกาแฟเข้ากันสุดยอด ถ้าอยากได้ภาพโทนสว่างเปิดส่วนเงาเยอะๆตั้งค่ากล้อง LumixGX85 ได้นะตรงฟังก์ชั่น Highlight & Shadow ปรับ Shadow+3 ไปเลยถ้าชอบแนวนี้ ถ่ายเสร็จได้เลยไม่ต้องปรับต่อ
ที่พักชื่อ Liv’in Lisbon Hostel เป็นโฮสเทลที่มีห้องส่วนตัวดีงามมาก จองลิงค์นี้ https://goo.gl/amtsQj
เราจะไปเที่ยว 2 เมืองคือเมือง Sintra และเมือง Cascais เมืองยอดฮิตทางซ้ายของ Lisbon อยู่ห่างไปแค่ 1 ชั่วโมง วิธีการเที่ยวเริ่มต้นให้มาที่สถานีหลักก่อน Rossio Train Station ซื้อบัตรเหมา 15.5 ยูโรรวมรถไฟไปทั้งสองเมือง รถบัสระหว่างเมือง และ รถบัสวิ่งภายใน Sintra แล้ว
นั่งรถไฟไปประมาณ 1 ชั่วโมงจะมาถึง Sintra พอลงจากรถไฟให้รีบเดินไปยังท่ารถบัสเบอร์ 434 อย่างไวที่สุดเพราะคิวจะยาวมากกกกกก โดยเมืองนี้เราจะเที่ยวด้วยกัน 2 จุดคือปราสาทมัวร์ Castelo dos Mouros และ Palace of Pena ไฮไลท์ของที่นี่
นั่งสาย 434 ยาวมาลงป้ายปราสาทมัวร์ เดินไปซื้อตั๋วก่อนค่าเข้าปราสาทมัวร์ 8 ยูโร แต่ถ้าซื้อพร้อมกับ Pena 15 ยูโรจะได้ลด 5% ลดแล้วก็เหลือเข้าสองที่ 21.85 ยูโร โอ้โหแพงชิบหอยยยยยยย ตีเป็นเงินไทย 800 กว่าบาท แต่มาแล้วก็ต้องเข้า ลืมเรื่องนั้นไปซะแล้วลุย!
ต้องบอกตรงๆว่าไม่ผิดหวังเลยที่มา Castelo dos Mouros เพิ่มจากคนอื่นๆเพราะวิวดีงามมากกกกกกกก สามารถมองลงไปเห็นเมืองทั้งเมือง และ ปราสาทอื่นๆที่ไม่มีโอกาสไปได้อย่างทั่วถึง
วิวงามมากแต่ก็เหนื่อยใช้เล่นในการปีนป่ายไปตามกำแพงเมืองโบราณ 555
เดินย้อนกลับทางเดิมไปขึ้นรถบัสสาย 434 ไปต่อยัง Palace of Pena อันนี้เป็นไฮไลท์ของเมือง Sintra ให้อารมณ์เหมือนปราสาทในการ์ตูนอะไรงี้ สีสันสดใส มีเหลี่ยมมีมุม มีความอลังการ
จริงๆตัวปราสาทมันออกจะสวยนะแต่หามุมถ่ายรูปยากนิดหนึ่งสำหรับคนชอบถ่ายรูปไกด์ให้ว่า จุดถ่ายรูปที่สวยอยู่ระเบียงทางปีกซ้ายด้านบนของปราสาท ต้องเดินผ่านพวกงานศิลปะทั้งหลายไปก่อน ซึ่งคนเยอะมากกกก ค่อยๆเดินตามฝูงชนไปนะจ้ะ 5555
ความเห็นส่วนตัวประทับใจปราสาทมัวร์มากกว่า พอดีเราไม่ได้ชอบงานอาร์ตอะไรมากเราชอบวิวสวยๆมากกว่า เอาหล่ะต้องทำเวลาวันนี้จะไปเมืองอีกเมือง นั่งรถกลับไปที่ป้ายกลางเมืองแถวสถานีรถไฟเมื่อเช้าก่อน
. วิธีการไปเมือง Cascais ให้นั่งรถบัสสาย 417 เลยจะเป็นรถบัสที่วิ่งตรงแบบไม่อ้อมชมวิวไปยังเมือง (ถ้าอยากได้แบบอ้อมชมวิวริมทะเลต้องสายอื่น จำไม่ได้ล่ะถาม จนท.เอาเองนะ)
. หลับในรถ 1 ชั่วโมงก็มาถึงเมือง Cascais เมืองนี้เป็นเมืองริมทะเลที่ไม่ไกลจาก Lisbon ทำให้คนนิยมมาพักผ่อนกันให้อารมณ์เหมือนขับรถจากกรุงเทพไปบางแสนอะไรทำนองนั้น ส่วนทะเลชิวว่างั้นๆแต่ที่ชอบคือโซนเมืองเก่า ถนนหนทาง ร้านค้าอะไรมันลงตัวไปหมดเลย เดินเพลินมากชอบมากๆ
เดินเล่นเบาๆประมาณชั่วโมงหนึ่งและแวะเข้าร้านอาหารกิน Fish and chip ที่เค้าเขียนไว้ว่าสไตล์โปรตุเกส อืม…เราก็ว่ามันเหมือนกันกับที่อื่นล่ะ แต่ร้านนี้มีซอยมะเขือกับมายองเนส ให้ด้วยแบบไม่คิดตังเพิ่ม โอ้ยปลื้ม!! ทำไมปลื้มน่ะเหรอ คือที่ยุโรปเนี้ยเค้าไม่ค่อยให้ซอยมะเขือกันอะ บางร้านก็คิดเงินเพิ่มด้วยซ้ำ T-T
เรารีบกลับมาเมือง Lisbon เพราะอยากเก็บบรรยากาศดีๆของเมืองนี้ต่ออีกหน่อยนั่งรถไฟมาถึงแล้วเดินไปที่ Elevador da Bica จุดนี้เป็นจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปรถแทรมกัน เราไม่รอช้าตามไปจัด
เฝ้าถ่ายอยู่ประมาณเกือบชั่วโมงก็ได้ภาพเมืองกับรถแทรมสมใจ การถ่ายแทรมนี้พิสูจน์ความเร็วโฟกัสและความรัวของกล้องได้เลย ด้วยที่มันคาดเดาอะไรไม่ได้ว่าจะวิ่งเมื่อไหร คนจะเดินตรงไหน ซึ่ง GX85 ไม่ทำให้หงุดหงิดเลยได้ภาพสมใจคิด ได้ภาพที่ชอบก็เข้านอนฝันดีได้ บอกลาก่อนลิสบอนได้สมบูรณ์ พรุ่งนี้ไป Porto ต่อแล้วจ้า
Day3 : Porto
เช้าวันนี้เราจะนั่งรถไฟยิงยาวไปเมือง Porto คนโปรตุเกสอ่านว่า “ป้อ-ตูร์” อืมเอาเถอะจะอ่านแบบอังกฤษว่าปอร์โต้ เค้าก็เข้าใจนะผมจองรถไฟล่วงหน้าจากเว็บ https://www.cp.pt/passageiros/en/ ตัวเว็บกดจองยากหน่อยแฮงค์บ่อยแต่ใช้ได้ชัวร์
นั่งกันยาวแบบรากงอกเกือบ 4 ชั่วโมงก็มาถึงสถานีรถไฟ São Bento Train Station เราจองที่พักไว้ใกล้กับสถานีรถไฟเดินไปนิดเดียวก็ถึงชื่อ Residencial Triunfo ราคาน่ารัก ทำเลดี ห้องพอใช้ได้ จองลิงค์นี้ >> https://goo.gl/DPpMKq
เก็บของเสร็จก็สักบ่ายสาม ออกจากที่พักเดินเที่ยวเมืองกัน เมืองนี้ไม่ใหญ่มากแนะนำให้เดินเอาจะดีกว่า แต่ตอนเดินก็ดูแผนที่ดีๆเพราะมันขึ้นๆลงๆ พวกเราเดินข้ามมาตรงข้ามสถานีรถไฟ จะเป็นโซนเมืองเก่าหาข้าวกินให้หายหิว แล้วเดินลัดเลาะเมืองเก่าไปเรื่อยๆ ตั้งใจว่าจะเดินไปจนถึงริมแม่น้ำ
พอเดินมาถึงริมแม่น้ำก็จะเจอทางเดินและเป็นที่ตั้งของร้านอาหารด้วย น่านั่งมาก บรรยากาศโคตรดี
เราเดินต่อไปต่อแถวริมแม่น้ำใกล้กับสะพาน Luís I Bridge แถวนี้คึกคักมาก มีร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ รวมทั้งผู้คนเยอะแยะมากมายเลย มีคนเล่นดนตรีด้วยอะไรด้วย บรรยากาศดีมากกกกกกกก
เราเดินข้ามสะพาน Luís I Bridge มายังอีกฝั่งของเมืองและเดินลัดเลาะเลียบแม่น้ำไป เดินเพลินๆไปก่อนเวลาเหลือเยอะ ตั้งใจจะรอดูพระอาทิตย์ตกวันนี้เลย เวลาเหลือเพียบบบบบบ กว่าพระอาทิตย์จะตก 4 ทุ่มโน้น!
ระหว่างรอพระอาทิตย์จะตก เลยไปหาทาร์ตไข่และกาแฟกินกันก่อน ร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆกับตรงสถานีที่ขึ้น Cable car น่ะแหละจัดมา 6 ชิ้น! ราคา 4 ยูโร อร่อยฟินลืมอ้วนกันไปจ้า
นั่งชิวอยู่ร้านประมาณ 2 ทุ่มกว่าก็เดินไปขึ้น Cable car กันเราจะขึ้นขาเดียวเสีย 6 ยูโร (เดียวเดินกลับเอา) พอขึ้นมาแล้วฟินมาก ไม่ผิดหวังที่รอคอย วิวงามสุดยอดดดดดดดดดดดดดด นั่งดูความฟินจนพระอาทิตย์ใกล้ลับของฟ้าก็เดินกลับที่พักกัน
Day 4 : Porto
วันสุดท้ายในโปรตุเกสก็ตื่นสายเหมื้อนเดิม กว่าจะออกห้องได้เกือบสิบโมง! ตื่นแล้วก็เดินข้ามสะพาน Luís I Bridge ไปฝั่งตรงข้ามวิวเดียวกับพระอาทิตย์ตกเมื่อวานแหละ แต่ตั้งใจจะมาถ่ายภาพเก็บตกแบบไม่ย้อนแสงเลยกลับมาอีกที
จริงๆจุดชมวิวสวยสุดชื่อ Mosteiro da Serra do Pilar แต่เมื่อวานหาทางขึ้นไม่เจอ วิธีไปก็แค่เดินเลยตามถนนทิศเดียวกับสะพานไปอีกหน่อยก็จะเจอทางขึ้นล่ะ มุมบนนี้จะได้เก็บภาพสะพานทั้งเส้นเลย
ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะมีวัตถุเคลื่อนไหวเร็วผ่านเช่นรถไฟแบบในภาพ ผมจะสามารถใช้ 4K Photo มาช่วยกล้องจะถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ถ่ายประมาณ 1-2 วิแล้วเราจะสามารถเลือกภาพที่ใช่ที่สุดใน 24 ภาพเซฟเป็นภาพออกมา ฟังก์ชั่นนี้แจ่มมากทำให้ได้ Perfect shot ในครั้งเดียวที่ถ่าย
พอจบภารกิจเก็บภาพช่วงเช้าเราก็เดินย้อนกลับทางเก่าเพื่อมาเก็บตกแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองที่ยังไม่ได้ไปเมื่อวาน โดยเริ่มจากที่แรก Porto Cathedral โบถส์ประจำเมือง
ภายในจะมี 2 โซนถ้าเข้าแต่โบถส์จะไม่เสียเงิน แต่ถ้าจะเดินเข้าไปเพิ่มต้องเสียค่าเข้า 3 ยูโร ซึ่งภายในก็สวยดีใช้ได้เลยนะ มีความวิจิตรของการเอากระเบื้องสีน้ำเงินมาทำลวดลาย
และด้านข้างของโบถส์จะเป็นลานกว้าง สามารถถ่ายภาพแลนด์มาร์คเมืองหลายๆแห่งได้อีกด้วยนะ
ทางจากโบถส์ไปยังแม่น้ำเมื่อวานเดินไปแล้ว เริ่มเบื่อเลยไปหาของอร่อยกินกันแถวถนนเมืองเก่า ชื่อร้าน Nut’ Porto ร้านนี้สวยและอร่อยด้วยสั่งชุดใหญ่มาเลยเป็นขนมปัง 3 แบบและดิป 3 อย่าง อร่อยฟินมากกกกกกกก
ได้ของหวานแล้วมีกำลัง เดินต่อไปยัง Igreja do Carmo โบถส์ที่มีฝนังด้านข้างประดับกระเบื้องสีฟ้าสวยงามตระการตา เป็นแลนด์มาร์คต้องห้ามพลาดเมืองนี้ จัดไปเดินก็เดิน
ตัวโบถส์จริงๆถูกแยกออกเป็น 2 โบถส์ย่อย ทางขวาโบถส์ชาย ทางซ้ายโบถส์หญิงอะไรทำนองนี้ที่อ่านๆมา ลองดูภายในก็จะแตกต่างกันพอสมควรนะ
เสร็จแล้วเดินย้อนกลับไปยังสถานีรถไฟ ระหว่างทางเจออนุสาวรีย์ชื่อ Estátua do Ardina อีกแลนด์มาร์ค อืมมมถ่ายแลนด์มาร์ควนไปค่า ไม่ครบไม่กลับสไตล์ ChillJourney
เดินต่อมาเรื่อยๆชมเมืองไปมาถึงสถานีรถไฟ São Bento Train Station สถานีหลักใจกลางเมืองใกล้ที่พักเรานั่นแหละ ที่มาก็เพราะว่า สถานีของเราสวยมากกกกกกกก น่าจะติดอันดับโลกได้เลยนะ ทั้งสองฝากจะประดับประดาไปด้วยกระเบื้องสีฟ้า มีเรื่องราว ต้องมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันทุกคน
เอาหล่ะหลังจากจบภารกิจพิชิตเมืองดังโปรตุเกสสุดประทับใจ 4 วัน เราไม่อยากเหนื่อยไปกว่านี้เราอิ่มแล้วกับความสุขที่โปรตุเกสมอบให้ พร้อมจะกลับไปเล่าให้ประชาชนชาวไทยได้ฟัง พวกเราจึงเลิกเที่ยวแวะซื้อโค้กพร้อมขนมกลับไปนั่งนอนเล่นที่โรงแรมของเรากัน นอนพักเอาแรงเพราะพรุ่งนี้จะบินต่อไปปารีสจ้า
ทริปโปรตุเกส 4 วันนี้เหมือนได้ปลุกไฟในการท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้งชิวประทับใจ Lisbon และ Porto เป็นพิเศษเลยบ้านเมืองสวย ค่าครองชีพไม่แพง อาหารและขนมอร่อย อยากชวนให้ทุกคนมาเที่ยวกันเยอะๆนะครับ
Instragram :@ChillJourneyTHติดตามการเดินทางของชิวตามไปที่ ::
Facebook Page : Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Youtube : ChillJourney
Blog แนะนำเคล็ดลับการจองที่พัก อ่านเถอะจะได้ไม่พลาดอีก!