ความเดิมตอนที่แล้ว… ทริปนี้ชิวออกเดินทางจากไทยบินไปลงปักกิ่งเที่ยวกำแพงเมืองจีน นั่งรถบัสไปชายแดนจีนผ่านเข้ามองโกเลีย เที่ยวเมืองหลวงอูลานบาตาร์ ไปนอนเกอกับชาวมองโกล วิ่งวุ่นโดดขึ้นรถไฟสาย Trans-Mongolia จนมาถึงเมืองแรกของรัสเซีย “Irkutsk”
. Irkutsk อยู่ตรงไหน? ดูแผนที่ก่อนรัสเซียเป็นประเทศใหญ่มากกกกกกกกกกก ใหญ่แบบลากผ่านทวีปเอเชียเกือบทั้งหมด ลากไปแตะติดยุโรปโน้นเลย ถ้าได้ไปเที่ยวรัสเซียแล้วนี่แบบว่าหลอกตัวเองว่าเที่ยวมาครึ่งโลกได้แล้วงี้
. โดยรถไฟสายทรานไซบีเรียเนี้ยจริงๆตัวเต็มคือต้องไปเริ่มที่เมืองขวาสุดประเทศชื่อ เมืองวลาดีวอสตอค (ติดญี่ปุ่นโน้น) แล้ววิ่งไปจบที่เมืองหลวงมอสโก ระยะทางทั้งหมด 9,289 กิโลเมตร!!! โอ้แม่เจ้า ถ้านั่งกันแบบ non-stop ก็จะต้องอยู่บนรถไฟ 7-8 วันกันเลยทีเดียว
. แต่คนส่วนใหญ่จะเริ่มกันที่เมือง อีร์คุตสค์ Irkutsk ระยะทาง 5,153 กิโลเมตร นั่งกันแบบเบาๆพอก้นระบมก็แค่ 4 วัน 4 คืนเอ๊งงงง และแน่นอนว่าเราคงเลือกเส้นทางนี้เหมือนกันนั่งแค่ส่วนหนึ่งให้ได้ชื่อว่าขึ้นมาแล้ว ไอ้รถไฟสายยาวสุดนั่งจากเอเชียไปยุโรปเนี้ยไปมาแล้วเว้ย!
เตรียมตัวก่อนออกเดินทาง
วีซ่า
ถามกันมากเยอะมากว่าเดินทางผ่าน 20 ประเทศยาวขนาดนี้ต้องใช้วีซ่าอะไรบ้าง?? คงจะต้องยุ่งยากแต่ป่าวเลย ตอบตรงนี้เลยง่ายมากใช้วีซ่าแค่ 2 อย่างนะครับ คือ วีซ่าจีน และ วีซ่าเชงเก้น ( แบบ multiple เท่านั้น )
ลิสต์ข้อมูลวีซ่าตามนี้เลย
– จีน : ใช้วีซ่าจีน ทำง่ายมากแค่ยื่นยังไงก็ผ่าน
– มองโกเลีย : คนไทยเข้าได้เลยไม่ต้องขอวีซ่า
– รัสเซีย : คนไทยเข้าได้เลยไม่ต้องขอวีซ่า
– ฟินแลนด์/เอสโตเนีย/ลัตเวีย/เอสโตเนีย/โปแลนด์/เช็ก/ออสเตรีย/สโลวาเนีย/สโลวาเกีย/ฮังการี่/กรีซ : ประเทศทั้งหมดนี่ถือเป็นเขตเชงเก้น ใช้วีซ่าเชงเก้น ( วีซ่าที่เข้ายุโรปหน่ะแหละ )
– โครเอเชีย/มอนเตรเนโกร/บอสเนีย/โคโซโว/แอลเบเนีย : ประเทศพวกนี้เป็นยุโรปแต่ไม่อยู่ในเขตเชงเก้น แต่!! เค้ามีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่มีวีซ่าเชงเก้นแบบ multiple เราสามารถเข้าประเทศนี้ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเพิ่มครับ ( นั่นคือเหตุผลที่ชิวเขียนไว้ว่าเราต้องขอแบบ multiple มาเท่านั้นนะ )
สรุป… จะเห็นว่าเราต้องการใช้แค่วีซ่าจีน กับ วีซ่าเชงเก้นสองอย่างเท่านั้นเองในการเที่ยวเส้นทางรถไฟสายทรานไซบีเรียเข้ายุโรป
ประกันเดินทางโคตรจำเป็น
ทริปนี้เราเดินทางยาวมากกกก มีครบทุกการเดินทาง เครื่องบิน รถไฟ เรือ รถบัส เช่ารถขับ มีโอกาสป่วย โอกาสหกล้ม โอ้ยเยอะสิ่งที่จะมีโอกาสพลาดมากมาย สิ่งที่ชิวเตือนประจำคืออย่าลืมทำประกันเดินทาง (ถ้ายื่นวีซ่าเชงเก้นยังไงก็ต้องทำอยู่แล้ว) ประกันเดินทางนี่เป็นอะไรที่เบี้ยถูกมากๆถ้าเทียบกับความคุ้มครองที่เราจะได้รับ จ่ายหลักร้อย คุ้มครองหลักล้านงี้ กระเป๋าแตกก็เคลมได้ เครื่องดีเลย์ก็เคลมได้ ส่วนตัวนี้เคลมเกินค่าเบี้ยตลอด!!
มีแบรนด์หนึ่งเราอยากแนะนำคือ MSIG บริษัทประกันจากญี่ปุ่น ด้วยชื่อเสียงที่บอกกันปากต่อปากในหมู่นักเดินทางว่า “เคลมง่าย จ่ายจริง” แล้วเรายืนยันว่าง่ายจริงเพราะเคยเคลมกับเค้า 2 รอบแล้วเรื่องกระเป๋าเดินทางแตก และดีเลย์อีก1รอบ(ตอนอินเดีย) แค่ส่งเอกสารทั้งหมดทาง email ให้เค้าก็ได้รับเงินจริงๆ ไม่ตุกติกไม่เรื่องมากเลยจริงๆ จุดนี้ประทับใจ ( เราเดินทางบ่อยซื้อรายปี 3,750 ปีนี้เคลมกระเป๋าแตกมาได้ 7000 แล้ว เคลมจนบริษัทประกันจะเกลียดไหมนี่ถามตัวเอง 555 )
ตัวอย่างที่เคลมเป๋าแตก แค่ส่งอีเมลล์หลักฐานทั้งหมดไปเอง
หมายเหตุ : เผื่อใครเคยกระเป๋าเสียหายจะเคลมใช้เอกสารตามนี้เลย
- แบบฟอร์มเรียกร้องสินไหม
- ใบ Damage report
- หนังสือยืนยันความสูญเสียหรือเสียหายจากสายการบิน ( Property Irregularity Report )
- Boarding pass
- รูปหน้า หลัง และส่วนที่แตกของกระเป๋า
- สำเนา Passport
นี่บอกเลยชัดๆว่าแบรนด์ MSIG อาจไม่ใช่แบรนด์ที่ “ราคาถูกสุด” แต่เราก็ซื้อบ่อยๆเพราะคุ้มครองจริง เคลมได้เงินจริงแบบไม่เรื่องมาก คิดเหมือนเราไหมว่าประกันที่ดีต้องเคลมง่ายๆอะ ราคาห่างกันหลักสิบแลกกับความปวดหัวในการเคลม ซึ่งเค้าก็มีโปรโมชั่นเรื่อยๆตอนนี้จะมีโปรอันนี้ถึง 31 ธค. 2017 นะจ้ะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://goo.gl/GUsRSD
จองรถไฟรัสเซีย
ตอนนี้รถไฟทั่วประเทศรัสเซียสามารถจองง่ายๆผ่านทางช่องทางออนไลน์ เข้าเว็บไซต์นี้เลย http://pass.rzd.ru/main-pass/public/en เป็นเว็บภาษาอังกฤษแล้วด้วยจองง่ายจ่ายสะดวกด้วยบัตรเครดิต แนะนำอย่างมากแบบกาดอกจันทร์ล้านตัวว่าให้จองออนไลน์ไปเอง เพราะว่าถ้าไปจองกับเจ้าหน้าที่จะปวดหัวมากเค้าแทบไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลย แถมมีโอกาสเต็ม และ จองออนไลน์ยังถูกกว่านิดหน่อยด้วย
หมายเหตุ : กระทู้นี้เขียนอธิบายวิธีการจองรถไฟแบบละเอียดมากๆถ้างงก็ไปตามนี้เลย https://pantip.com/topic/36106146
ข้อควรรู้อื่น
– รัสเซียใหญ่มากประเทศเค้ามีหลาย time zone แต่เพื่อความเข้าใจตรงกันรถไฟเค้าจะใช้ยึดเวลา time zone ที่มอสโกว์เสมอ ดังนั้นเวลาจะจองรถไฟ ขึ้นรถไฟอะไรให้ดูให้ดีอย่างงนะ
– อาหารรัสเซีย สำหรับชิวพอทานได้แต่ไม่ถูกปาก เราแนะนำให้เตรียมอาหารไทยๆไปจะทำให้ชีวิตดีมากขึ้นเยอะ มาม่า น้ำพริก ซอสต่างๆจัดไป
– ค่าครองชีพถูก ตอนนี้ค่าเงินรัสเซียตกไปเกือบครึ่งจากแต่ก่อน ทำให้ข้าวของถูกลงมากๆราคาใกล้เคียงบ้านเราหรือแพงกว่าก็แพงกว่าไม่มาก เที่ยวสบายใจเวอร์ ปลื้ม
– คนรัสเซียหน้าไม่ยิ้ม!! ไม่ยิ้มเลยแต่จริงๆเค้าใจดีนะ ถามได้แม้จะไม่ค่อยพูดอังกฤษกันแต่ก็เต็มใจช่วย
– ซิมเน็ตที่รัสเซียถูกมาก!!!! ถ้าไม่ได้ใช้มีแพลนว่าจะใช้โรมมิ่งจากไทย ไปซื้อที่โน้นก็ได้จำได้ว่าแบบค่าซิมเน็ต 10GB ราคา 180 บาทงี้ ถูกเวอร์ ถูกแบบตกใจอะ
– รัสเซียค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องขโมยเยอะ ระมัดระวังตัวเองด้วยระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรในการเที่ยว เวลาไปที่คนเยอะๆก็กอดกระเป๋าไว้ให้แน่นๆเหมือนเที่ยวประเทศอื่นนั่นแหละ สบายๆ
พร้อมจะลุยกันแล้วไปนะ! ก่อนขึ้นรถไฟทรานไซบีเรีย ชิวแวะเที่ยวเมือง อีร์คุตสค์ (Irkutsk) ก่อน 2 วันพอกรุบกริบ อีร์คุตสค์ เป็นเมืองที่เจริญมากๆทางตอนขวาของรัสเซีย บางคนก็ว่าเป็นเมืองหลวงของไซบีเรีย บางคนก็ว่าเป็นมินิแพรีช (ปารีส) ส่วนตัวชอบมากเลยนะ เราว่ามันไม่จะคล้ายปารีสตรงไหน เราว่าอีร์คุตสค์มีเสน่ห์ในตัวเอง มีความเป็นรัสเซียที่ยังไม่เจริญไม่ทุนนิยมจัด ยังคงกลิ่นอายความเป็นรัสเซียจ๋าแบบเจ้มจ้นเลยฮะ
เริ่มต้นที่สถานีรถไฟเมืองอีร์คุตสค์ชิวนั่งมาจากมองโกเลียแบบสบายๆ 2 คืน 1 วันเต็มมาถึงตอนเช้า ออกมาจากสถานีด้วยความงุนงง … จะไปที่พักยังไงวะ?? เดินดูหา tourist information ก็ไม่พบ … จะถามใครด้วยภาษาอังกฤษก็คงไร้ความหวัง พี่ที่มาบอกอ่านรีวิวมาว่าให้ขึ้น Tram เข้าเมืองได้ แล้ว…. Tram สายไหนวะ ตื้ด ตื้ด เดาจากหัวรถที่มุ่งหน้าเข้าเมือง คิดว่าใช่ต้องใช่แน่ๆ กระโดดขึ้น Tram ไปเลยจ้า ไม่ใช่ค่อยว่ากัน!
Tram ที่นี่ยังมีกระเป๋ารถเมล์เหมือนบ้านเรานะ สักพักคุณกระเป๋าก็เดินมาเก็บเงิน เราก็ไม่รู้ว่าราคาเท่าไหรก็ยื่นไปคุณป้าเก็บเงินเราไปคนละ 15 รูเบิ้ล (8.5 บาท) ค่ารถถูกดีจัง อ่านก็ไม่ออกไม่รู้จะลงป้ายไหนก็เปิดแผนที่ในมือถือตามไป จนเล็งป้ายที่น่าจะใช้ที่พักที่สุด ขอบคุณเทคโนโลยีทำให้เที่ยวง่ายขึ้น 555
เอ้าภารกิจถัดมาคือตามหาโฮสเทลชื่อ BAIKALER อันนี้จองตาม lonely planet เหมือนเดิมเค้าว่าดีก็ว่าตามกัน ลองเดินๆหาดูสักพักก็เจอ ใครจะมาที่เดียวกันทางเข้าโฮสเทลอยู่ด้านหลังตึกนะเดินอ้อมตึกหลังร้านกาแฟ LENIN Coffee ไปด้านหลังจะเจอ
ฝากของล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกไปเดินเที่ยว อีร์คุตสค์ กันเมืองนี้ที่เที่ยวกระจุกอยู่ใจกลางเมืองนี่แหละ เดินเอาชิวเดินจากที่พักตรงขึ้นทางเหนือของเมืองปลายทาง Monument Yakovu Pohabovu (ริมแม่น้ำด้านบน) คือเดินไปเรื่อยๆเมืองสวยน่าแวะน่าถ่ายรูปตลอดทาง
พอเราเดินมาถึงสวน Kirov Square ชื่นชมสวนดอกไม้สวยๆแล้วท้องเราก็เริ่มเรียกร้องถามหาอาหารดีๆบ้างหลังจากกินแต่มาม่าบนรถไฟมาสองวัน #คนโหย2017 มองไปด้านขวาเจอมินิมาร์ทและร้านอาหารหลายร้าน สุ่มมาได้ร้าน Poznaya38 ร้านนี้เขียนว่าเป็นร้านอาหาร ไซบีเรียนดั่งเดิมงี้นะ เราลองดูเมนูแล้วราคาใช้ได้ไม่แพงเกินงบ
เมนูมีภาษาอังกฤษด้วย โอ้ยดีงามไม่ต้องสั่งมั่ว รสชาติอาหารใช้ได้เลย ไม่รู้ว่าหิวป่าวแต่คือสอบผ่านมาลองได้แล้วก็ไม่แพงด้วย อิ่มแล้วไปต่อเดินสำรวจกันเค้าก็จะมีโบสถ์ยอดฮิตห้ามพลาดอยู่ 4-5 อันล่ะนะเดินวนไปจ้ะชื่อตามนี้จิ้มพิกัดใน แผนที่มือถือได้เลย Roman-Catholic Church , passkaya Tserkov’ , Sobor Bogoyavleniya
เดินเรื่อยๆชิวไปถึงสุดด้านเหนือติดแม่น้ำ ตรงนี้จะมีทางเดินเลียบแม่น้ำที่บรรยากาศดีเวอร์ มีกุญแจคล้องรักอีกแล้ว (เจอทุกเมืองเลยเดียวนี้) มองไปก็จะเห็นเมืองอีกฝั่ง และ โบสถ์ อนุสรณ์อะไรเงี้ย สวยมากเราชอบมาก
ตอนนี้ชักจะร้อน บอกก่อนว่าเราไปหน้าร้อนเค้าคือเดือน 8 ซึ่งร้อนแบบร้อนจริงจัง แล้วหน้าหนาวเค้าก็หนาวจริงจังเช่นกัน หนาวแบบติดลบ 20 งี้เลยนะ โหดมาก!! เราร้อนแล้วก็เลยหนีไปพึ่งเย็นทั้งกายทั้งใจที่โบสถ์ Sobor Bogoyavleniya สามารถเข้าไปได้ด้วยนะ ข้างในโบสถ์สวยด้วยเป็นศิลปะที่เราไม่เห็นที่อื่นๆเหมือน รัสเซียเค้าจะเป็นแนวเพ้นท์ๆหน่ะ สวยมีสไตล์
พอสักเที่ยงเราก็กลับไปหลบแดดพักที่โรงแรม อาบน้ำอาบท่าเช็กอินตอนเย็นออกมาเดินใหม่รอบนี้เราจะไปสำรวจอีกทิศหนึ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง หรือจิ้มพิกัดปลายทางไปที่ Alexander III ได้เลย ทิศโน้นก็สวยเหมือนกันตอนเย็นก็จะมีคนมาเล่นมาแสดงกิจกรรมไรด้วยนะ เท่ดีเราชอบเลย
ยังเหนื่อยไม่สุดดด ช่วงหน้าร้อนนี่กลางวันยาวนานเหนือเกิน ตอนเกือบพระอาทิตย์ตก ( 2 ทุ่มกว่าโน้น ) เราคิดว่าตรงริมน้ำฝั่งบนน่าจะสวยก็ไปจ้า เดินกันยาวๆไปดูพระอาทิตย์ตกริมน้ำ บรรยากาศรักเลย ชอบบบบบบ
วันที่ 11 ของการเดินทาง และเป็นวันที่ 2 ของเมืองอีร์คุตสค์ วันนี้เราจะไปสำรวจทะเลสาบไบคาล ทะเลสาบที่ลึกที่สุดในโลกกัน จุดที่ลึกที่สุดมีความลึกกว่า 1,640 เมตรเลย!! ทะเลสาบไบคาลมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่จนคิดว่าเป็นทะเลด้วยซ้ำ ที่นี่จะสวยแบบมหัศจรรย์มากตอนหน้าหนาว น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด เห็นคนมาถ่ายรูปกันสวยมากกกก ( หนาวแบบสุดขั้ว -20 เลยเบอร์นั้น)
วิธีการไปทะเลสาบไบคาลง่ายมากถามจากโฮสเทลมาให้เดินไปตลาดกลางก่อน ( Central market ) จากนั้นเดินหาท่ารถตู้ส่วนมากก็ไปเมือง Listvyanka ทั้งนั้นแหละครับลองถามๆเค้าดูนะ รถไม่มีเวลาออกที่แน่นอนเป็นแบบเต็มแล้วออกเหมือนรถตู้บ้านเราเลย ค่ารถ 120 รูเบิ้ล ( 60 บาท ) ต่อขาใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาทีครับ หลับยาวกันไปเลย
และแล้วก็มาถึงเมือง Listvyanka ต้องบอกก่อนนะว่าทะเลสาบไบคาลใหญ่มากๆๆๆๆ เมืองสวยๆเพียบ แต่นักท่องเที่ยวส่วนมากจะมาเที่ยวกันที่เมือง Listvyanka เพราะเป็นเมืองปากทางสู่ทะเลสาบไบคาลที่ใกล้เมืองอีร์คุตสค์ที่สุดนั่นเอง เดินทางสะดวกว่างั้นเถอะเราก็มาแบบนั้นเหมือนกันอะนะ
เมืองนี้เล็กๆครับแต่ก็ได้พอสัมผัสบรรยากาศเมืองริมทะเลสาบนะ ทีเด็ดเมืองนี้อยู่ที่ตลาด Baikal Market เป็นตลาดขายของฝาก ขายของกิน และต้องกินเลยคือปลาโอมูล ปลาที่มีเฉพาะที่ทะเลสาบแห่งนี้เท่านั้น ขายเพียบครับเค้าเอาไปรมควัน เนื้ออร่อยมากกกกกกกกกก ชิมไปสองร้าน ร้านหนึ่งอร่อยสุดๆๆๆๆ ร้านหนึ่งอร่อยเฉยๆ คิดว่าวิธีการทำก็คงมีผลเหมือนกันไปลองชิมกันเองนะบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าร้านไหน >.<
กินปลาโอมูลเดินเล่นสัมผัสลมหนาวแถวนั้นได้สักพักก็กลับครับ จากที่บอกว่าเมืองเล็กๆไม่ค่อยมีที่เที่ยวเท่าไหร ขากลับขึ้นรถตู้กลับเหมือนเดิม 120 รูเบิ้ลเท่าเดิม
กลับมาแล้วสนุกต่อกันที่ Central market นั่นล่ะนี่คือหมายปองกันไว้ตั้งแต่ก่อนไปเมืองนั้นละ ของกินของใช้ ผลไม้ ผัก ปลา ของขายเยอะมากกกกกกกกกกกกกกก เดินช็อปสนุกมาก ค่าครองชีพเมืองนี้ก็ถูกสุดๆด้วยครับ ของนี่ราคาใกล้เคียงบ้านเราเลยนะชิวว่า คืนนี้เราจะขึ้นรถไฟทรานไซบีเรียแล้ว 4 วัน คราวนี้จะไม่พลาด ซื้อเสบียงตุนกันที่นี่แหละช็อปกระจาย
เราสิงอยู่โฮสเทลจนถึงประมาณ 2 ทุ่มก็รถ Tram กลับไปที่สถานีรถไฟกลางเพื่อรอขึ้นรถไฟเที่ยวประมาณแถวๆเที่ยงคืนอะครับ *** กาดอกจันทร์ตัวโตๆๆๆ เวลารถไฟของรัสเซียทั้งหมดจะยึดเวลามอสโกนะ (รัสเซียมี 5 timezone) ดังนั้นเวลาซื้อตั๋วอะไรต่างๆอย่าเผลอดูนาฬิกาเมืองของตัวเองนะ มันจะพลาด ***
เอ้าล่ะครับในที่สุดก็ถึงเวลาได้ขึ้นสักที รถไฟขบวนที่วิ่งยาวสุดในโลกนี้! ความฝันเรากำลังเป็นจริงแล้ว พอขึ้นรถก็เจอแก๊งลุงชาวรัสเซียประมาณ 8 คนขนของเยอะแบบคิดว่าพวกแกจะย้ายบ้านงี้ ภาวนาเลยว่า อย่านะ อย่าให้ได้เป็นเพื่อนร่วมห้องกันเลย ไม่งั้นสัมภาระตูจะเอาไปไว้ไหน
แล้ว…
แล้ว…
แล้ว…
แจ็คพอตแตกเราอยู่ห้องเดียวกับพวกแก๊งลุงนี่เอง – -“
ด้วยความงกเราจองรถไฟชั้น 2 ด้านบนเพราะด้านล่างแพงกว่าประมาณ 30% พื้นที่ด้านล่างถูกจับจองวางของเต็มเอี้ยดไปด้วยของแก๊งลุงที่หลงมาอยู่กะเรา 2 คน แต่ยังมีความลงตัวอยู่เพราะพื้นที่ด้านบนยังมีช่องใส่ของได้ เย้! เราจับจองยึดพื้นที่ด้านบนมาเป็นของเราได้สัมภาระ พร้อมเสบียงทั้งหมดจับยัดเข้าไปในช่องเหนือห้องได้ครบ เหนื่อยทั้งวันแล้ว คร่อกกกก หลับก่อนเด้อ
เช้าวันที่ 12 ตื่นมาในรถไฟ ใช่สิ…ก็ทริปรถไฟเน้อะ เพื่อนฝรั่งที่โฮสเทลแนะนำบอกว่าให้ไปอยู่ในตู้ห้องอาหารจะดีกว่า มีพื้นที่มากกว่า ยูจะไม่อึดอัด แล้วคือเราอยู่ชั้นบนด้วยไง ยังไม่สนิทกะลุงด้านล่างก็เลยไม่กล้าไปรบกวนเค้า ยกพลกันไปนั่งที่ตู้ห้องอาหารกันเลย ถามพนักงานแล้วโอเคอยู่ได้ เอาอาหารตัวเองมากินก็ได้ ( อาหารในรถไฟก็มีขายแต่แพงตามประสา )
หมายเหตุ : พออีกวันเราจะมานั่งเจ้อีกคนบอกนั่งไม่ได้อะ สำหรับคนสั่งอาหารกินที่นี่เท่านั้น ไหงเมื่อวานนั่งได้ – -”
นี่คืออาหารว่าง… อิ่มมากๆ อิ่มแบบน้ำตาจิไหล #ประชด!!
นั่งในตู้อาหารยาวไปครับ ตั๋วที่เราซื้อมีอาหารให้ด้วย 1 มื้อ ( 4 วันจำนวน 1 มื้อ … ) ตลอดระยะเวลา 4 วัน 4 คืนในรถไฟเราก็มีกิจวัตประจำวันคือ กิน นอน กิน นอน มองวิว มองวิว ตื่นเต้นทุกครั้งที่รถไฟจอดครั้งแรกๆยังไม่เข้าใจว่ารถไฟจอดเวลาไหนยังไง ดูคนอื่นเอาแล้วถามพนักงานว่าจอดกี่นาที ( คุณป้าคุมโบกี้เราจิ้มนาฬิกาให้ นางดูดุแต่น่ารักมาก ) แต่ผ่านไป 1 วันเราก็เข้าใจตารางรถไฟว่าจะจอดที่ไหนเวลานานแค่ไหน ตอนนี้ก็ชิวละ ลงไปยืดเส้นยืดสาย จอดแวะ 10 นาทีบ้าง หรือ นานๆก็ 40 นาทีงี้
ส่วนอาหารประจำวันก็คืออออ มาม่านั่นเองฮะ ถ้าเราไม่ซื้อเค้าอาหารแห้งที่เราตุนมาทั้งหมดก็ต้องขนออกมากิน ชา กาแฟ ขนม มาม่า หมูฝอยที่แบกไปจากไทย หอยลายกระป๋อง โอ้ยทุกสิ่งกินวนไป กินจนอ้วนอะเอาจริงเพราะมันไม่มีอะไรทำ 555
และนี่คือโฉมหนึ่งแก๊งลุงเพื่อนร่วมโบกี้ ร่วมห้องของเราเอง แก๊งลุงนี่เมาทั้งวันแกขนทั้งเหล้า ทั้งวอดก้า ทั้งเบียร์โอ้ยเมามันส์กันทั้งวันบอกเลย แต่สุภาพนะเอาจริงไม่ได้แบบโวกเวกเสียงดัง เค้ามาดื่มกันสนุกๆอะ พอมองหน้ากันไปๆมาๆ วันสองวันนี่ก็เริ่มคุ้นละ เราลงมานั่งข้างล่างบ้าง มีพยายามจะคุยกันบ้างแต่…คุยไม่รู้เรื่อง ลุงแกพูดอังกฤษกันไม่ได้เลย เราก็พูดรัสเซียไม่ได้ 555
และหนึ่งในความตื่นเต้นอีกอย่างคือ คือ การแย่งซื้ออาหาร!!! พอกินมาม่า กินอาหารสำเร็จไปหลายมื้อก็เริ่มเกิดอาการเบื่ออาหารละ ทีนี้พอจอดสถานีใหญ่ๆอะแล้วเป็นเวลาตรงมื้ออะเช่นกลางวันงี้ คนขายก็จะรู้งานแบกอาหารมาขายกันริมรถไฟเลย เป็นความแร้งลงเราต้องรีบไปซื้อให้ทันคนอื่นก่อนมันจะหมด ขายดีมาก 5555555 โอ้ยสเต๊กไก่ง่อยๆหน้าตาบ้านๆรสชาติจืดๆตอนนั้นคือสวรรค์อะบอกตรง!!
ดูสีหน้าคนได้กินอาหารสดใหม่ที่ไม่ใช่อาหารแห้งนาจา
ขายกันแบบนี้!
และนี่คือบรรยากาศทางเดินในตู้เราเอง หรูหรา สะอาดสะอ้าน มีที่ชาร์จไฟ มีตู้กดน้ำร้อนตลอด24ชั่วโมง มีขนมขายเล็กๆ ซึ่งเราก็ไปอุดหนุนมากันบ้าง แบบว่าเบื่ออาหาร 555
เย้! วันที่ 15 แล้วในที่สุดเราก็มาถึงมอสโกด้วยรถไฟที่ยาวที่สุดในโลกแล้วววววว ถึงตอนเช้าภารกิจแรกคือซื้อตั๋วไปเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์กก่อนเลย เดินวนหาไปครับ หาตั้งนานนนน หาไม่เจอ ถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกอยู่ข้างนอก พอไปถึงเค้าเตอร์ขายแล้วก็ซื้อไม่ได้อีกคุยกันไม่รู้เรื่องงง (สุดท้ายก็ได้ตั๋วมานะ) จริงๆแนะนำว่าซื้อตั๋วออนไลน์เลยดีต่อชีวิตมาก ราคาถูกกว่าซื้อที่เค้าเตอร์ด้วย
ระหว่างนี้ภาพชิวไม่ได้ถ่ายเลย เพราะกลัวมากโดนเตือนมาเยอะว่ามอสโกนี่โจรชุมสุดๆๆๆ เราเลยเลือกที่จะตั้งสติอยู่กับตัวเองเก็บกล้องหอบหิ้วสัมภาระทั้งหมดแล้วไปให้ถึงโฮสเทลก่อนค่อยว่ากัน
ที่มองโกว์เราพักที่ Godzilla hostel เป็นที่พักแนะนำจาก lonely planet อีกแล้วและชิวก็แนะนำด้วยที่นี่คือดีงามมาก เหมือนอยู่บ้านเรา มีทุกสิ่งที่ต้องการ มีบริการซักผ้าราคาน่าคบด้วย เอ้าเริ่ม! เมื่อเราเก็บสัมภาระแล้วก็เริ่มออกลุยมอสโกว์กัน เย้! วิธีการเดินทางในมอสโกว์ที่ดีสุดคือรถไฟใต้ดิน มีตั๋ว 1 วันราคา 210 รูเบิ้ล หรือ 3 วัน 400 รูเบิ้ล จะเห็นใช่ป่ะว่าถ้าอยู่ 2 วันแบบเราให้ซื้อ 3 วันไปเลยถูกกว่า
หมายเหตุ : อ่านมาจากทุกรีวิวมีแต่คนบอกให้ซื้อแบบ 20 เที่ยว แต่มันราคา 650 เลยนะ เราแนะนำซื้อแบบ 3 วันอะถูกสุด ยังงงอยู่ทำไมให้ซื้อ 20 เที่ยว??
เป้าหมายแรกที่เราจะไปคือ Kolomenskoye เป็นสวนขนาดใหญ่ ถือเป็นปอดของคนมอสโกว์เลย และในนี้ก็จะมีปราสาท มีโบสถ์สวยๆให้เราได้ชมด้วยนั่งรถไฟไปลงสถานี Kolomenskaya เลยครับ จากนั้นก็เดิน เดิน เดิน และ เดิน เดินชมสวนวนไปจ้า
สถานที่สำคัญในนี้เอาไว้ปักหมุดได้แก่ Khram Kazanskoy Ikony Bozhiyey Materi V Kolomenskom , Church of the Ascension , Peter I Cottage ได้โปรดอย่าถามว่าแต่ละอันมีที่มาและความสำคัญอย่างใด อันข้าพเจ้าก็ไม่รู้ประวัติเหมือนกัน ไปอ่านป้ายกันเองเน้อออ
จากจุดด้านบนเดินต่ออีกโคตระไกล เราไม่แน่ใจว่ามีรถอะไรผ่านไหม แต่เราว่าเดินคือง่ายสุด เดิน 1.5 กิโลผ่านสวนแอปเปิ้ลที่น่าจิ๊กมากินมากแต่กลัวติดคุก เดินยาวๆไปเป้าหมายเราคือ วังไม้สุดสวยอลังการพิกัด Palace of Tsar Alexey Mikhailovich สวยจริงๆได้มาเห็นด้วยตาได้มาถ่ายรูปคือฟินแล้ว ปลื้ม!
ไปต่อที่ Novodevichy Convent อารามชีชื่อดังของเมืองนั่งรถไฟใต้ดินเดินไปจนถึงแล้ว ปราดุก เอ้ยปรากฎว่า… ปิดซ่อมนาจา คือส่วนสวยๆตอนนี้ปิดซ่อมหมดเลยเหลือแต่ด้านในที่เข้าได้ ค่าเข้าก็ไม่ใช่ถูกๆดังนั้นเราจึงตัดสินใจไม่เข้าและไปที่อื่นแทน ซึ่งก็ไม่ใช่มีแต่ข้อเสียตรงสวนติดกับอารามชีจะสามารถมองเห็นวิวตึกสูงทั้ง 7 ของมอสโกว์แบบสะท้อนน้ำได้ด้วย ก็สวยแปลกตาดีไม่ผิดหวังน้า
ไปต่อออ เรายังขึ้นรถไฟใต้ดินเหมือนเดิม ใต้ดินมอสโกว์คือตบแต่งอลังการงานสร้างมากฮะ ทุกครั้งที่ชิวเข้าสถานีใหม่เราก็ตื่นเต้นทุกครั้งพี่หมีขาวนี่จะทำอะไรอลังการไปไหน วาปถัดมาเราจะเข้าพระราชวังเครมลินกัน ! ที่นี่แบบเป็น The must ถ้ามามอสโกว์แล้วไม่ได้เข้าเหมือนไปกรุงเทพแล้วไม่ได้ดูวัดพระแก้วอะไรเบอร์นั้น
ก่อนอื่นเราต้องฝ่าฝูงชนไปซื้อตั๋วเข้าชมให้ได้ก่อน มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาว่าคิวยาวมากกกกกกกกกก ก.ไก่ไปล้านตัว นี่ก็แอบทำใจแล้วว่าอาจจะไม่ได้เข้าวันนี้ขอเสี่ยงไปดูก่อน และก็อ่านมาอีกว่ามันมีตู้ขายตั๋วอัตโนมัติแต่ซื้อได้แค่บัตรเบสิค และนี่ก็กะว่าจะซื้อแค่บัตรเบสิคเข้าชมเฉยๆนั่นแหละ
ตอนนี้คือแถวยาวมากกกกกกกกก ไม่รู้ต่อคิวซื้อบัตรแบบไหนอะไรกัน ชิวก็เลยเดินเลาะๆเข้าไปด้านใน (ไม่ได้แซงคิวใครนะ) พอถึงข้างในก็เจอว่าอ้าวตู้ขายตั๋วอัตโนมัติมันว่างหนิหว่า ส่วนคิวที่ต่อยาวเป็นครึ่งกิโลนั่นคือเค้าต่อแถวซื้อกับพนักงานกัน เราก็เลยเดินไปซื้อตั๋วผ่านตู้เลยสบายแฮ ไม่ต้องต่อคิว ราคา 500 รูเบิ้ลต่อคนนะ
เอ้าได้ตั๋วมาแล้วเข้าเครมลินกันจ้า คนเยอะมากจริงจัง เข้ามาด้านในสถานที่แรกที่พบก่อนเลยคือ ที่ทำการประธานาธิบดีอยู่ทางขวามือนะ ที่นี่ค่อนข้างเคร่งครัดมากเรื่องทางเดิน เราต้องเดินตามฝั่งที่เค้ากำหนดเท่านั้น ถ้าเดินล้ำเส้นมีทหารเป่านกหวีดไล่นาจา
ระฆังใบเบิ้ม Tsar-Bell เป็นระฆังใบใหญ่ที่สุดในโลก แต่ไม่เคยถูกยกขึ้นแขวนจริง ว่ากันว่าระฆังใบนี้ถูกสาปและในการพยายามหล่อก็เกิดอุปสรรค เมื่อเกิดความร้อนสูงเกินไปขณะหล่อและพยายามที่จะทำให้เย็นลงก็ไม่สมดุล จึงเกิดรอยแตกขึ้น ตรงนี้คนรอถ่ายรูปเป็นล้าน ข้าพเจ้าขอยอมแพ
เดินต่อเข้าด้านในจะเป็นส่วนวัง ส่วนโบสถ์ สวยมากกกกกกกกกก เป็นศิลปะแบบรัสเซียจริงจังอะ มองเห็นก็รู้เลยว่ารัสเซีย มันจะเป็นโดมๆ ทองๆงี้ ใช่เลย
เดินออกจากพระราชวังเคลมลินมุ่งหน้าสู่ St. Basil’s Cathedral (วิหารเซ็นบาซิล) จะเป็นทางเดินออกพอดี พอออกมาก็จะเจอเข้าอย่างจัง … เจอเต้นท์อะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมดเลยฮืออออ โคตรโชคร้ายช่วงที่ชิวไปเค้ามีกั้นลานตรงกลาง ( Red square ) เตรียมจัดงานพอดี โอ้โหกั้นแบบไม่มีทางเข้าไม่มีเหลือมุมให้ถ่ายรูปสวยๆได้เลยโคตรเสียดาย !
เอ้ามาแล้วก็ไปต่อตรงลานเค้ากั้นไปแล้วแต่ข้างๆยังขายของและคนเดินคึกคักอยู่ เราก็เดินเล่นได้นะ บรรยากาศดีเลย แต่ก็แอบกังวลเพราะเสียงเล่าว่าตรงนี้โจรชุกมากระวังกระเป๋ากันด้วยนะใครไปตรงนั้น มันเบียดพอสมควรเลยโจรชอบ
ตรง Red square นี่มีสถานที่สำคัญ เป็นแลนด์มาร์คสวยๆหลายอันเชียว เช่น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติรัสเซีย ,สุสานเลนิน , ห้างสรรพสินค้ากูม เดินเล่นเพลินๆไปเราชอบตรงนี้มากอะ
ห้างกูม หรูหราไฮโซไฮซ้อมาก
และจุดสุดท้ายของวันนี้! ตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ตกกันที่มุมสูงของเมืองที่ moscow university ตรงนั้นนอกจากจะมีมหาลัยสวยๆให้ชื่นชมแล้วยังมีลานดูวิวเมืองด้วยนะ มองไกลสุดลูกหูลูกตาเลย วันนี้ชิวก็เที่ยวกระหน่ำมากกว่าพระอาทิตย์จะตกก็ 3 ทุ่มโน้น โหยยยเที่ยวกันร่างพังกันไป
วันที่ 16 วันนี้เราตื่นสายมากกกกก พักร่าง เอาผ้าไปลงเครื่อง นั่งจองที่พัก รถบัส รถไฟอะไรมากมายต่อจากนี้อีก 7 วันกว่าจะเสร็จธุระออกที่พักก็เที่ยงแล้ว วันนี้เราจะไปเก็บตกสิ่งที่เหลือนิดหน่อยคือถนนคนเดิน Arbat Street ถนนช็อปปิ้งถนนท่องเที่ยวที่ฮิตสุดในโลกล้า เราชอบบรรยากาศที่ถนนนี้มากอะ มันมีความหมายมันมีความสนุก มันมีความผู้คนรัสเซียผสมนักท่องเที่ยวแฝงอยู่ เดินเพลินมากกกกก แนะนำแบบสุดๆเลยให้มา ถนนจะเป็นทางยาวระหว่างสถานี Arbatskaya กับ Smolenskaya จะเริ่มลงสถานีไหนก่อนก็ได้แล้วก็กลับอีกสถานีนั่นล่ะ
ยังเก็บตกต่อที่สุดท้ายคือ Cathedral of Christ the Saviour อีกหนึ่งโบส์ถที่ดังและสวยมากๆของมอสโกว์ ที่นี่สามารถเข้าด้านในได้ด้วยนะด้านในสวยมากๆๆๆๆๆ เติม S ไปล้านตัวเลย แต่เสียดายเค้าไม่ให้ถ่ายรูปด้านในเลยอดเอาภาพมาอวดกัน
พอเดินออกจากโบสถ์แล้วจะเป็นแม่น้ำสายยาวสองฝั่งเป็นไฮไลท์ของรัสเซียทั้งคู่ ชิวเดินเรื่อยๆเปื่อยๆทอดใจไปตามริมแม่น้ำ แวะดูโน้นนี่นั่นถ่ายรูป ก่อนเดินไปสุดที่ Red square มอสโกว์ปลายทางของรถไฟสายทรานไซบีเรียในที่สุดความฝันของเราก็เป็นจริง เราเดินทางมาถึงเป้าหมายแรกเรียบร้อยแล้ว สถานีหน้าเจอกันที่เซ็นต์ปีเตอร์เบิกก่อนเข้ายุโรป แล้วเจอกันรีวิวหน้านะ !!
Instragram :@ChillJourneyTHติดตามการเดินทางของชิวตามไปที่ ::
Facebook Page : Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Youtube : ChillJourney
Blog แนะนำเคล็ดลับการจองที่พัก อ่านเถอะจะได้ไม่พลาดอีก!