บล็อกนี้ชิลจะพาไปท้าร้อนที่ยุโรปกับการแบกกล้องเดินเที่ยวท้าแดด โดยเริ่มจากใจกลางกรุง Brussel เมืองหลวงของประเทศเบลเยี่ยม และ แวะไปเมืองข้างเคียงที่น่ารัก Leuven และ Mechelen จากนั้นกลับมานอนที่บลัสเซลล์อีกครั้ง
จริงๆสองเมืองข้างเคียงนี้ไม่อยู่ในแผนการเที่ยวของผม แต่เนื่องด้วยบลัสเซลล์ไม่มีอะไรเที่ยวมากนักครับ ถ้าไม่ได้เจาะที่เที่ยวอื่นๆนอกจากแถว จัตุรัสกรองด์ปลาซ (grand place) เพียงเดินแค่ครึ่งวันก็หมดแล้วหล่ะครับ
ผมขอเริ่มต้นด้วยสถานีรถไฟ Brussel station ออกจากสถานีให้เดินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสถานี เดินไปนิดๆก็จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของประเทศเบลเยี่ยมแล้วหล่ะ สองข้างทางก็จะเต็มไปด้วยร้านค้าน่ารักจุ๊กจิ๊กมากมาย ที่แตะตาและมีมากที่สุดคงหนีไม่พ้นร้านช็อกโกแลต และ ของหวานทั้งหลาย เดินตรงจากสถานีไม่ถึง 10 นาทีก็จะทะลุเข้าสู่ จัตุรัสกรองด์ปลาซ (grand place) ครับ จตุรัสที่ขึ้นชื่อว่าอยู่ในลิสต์ของจตุรัสที่สวยที่สุดในโลกเลยนะ จึงไม่แปลกใจที่ใครมาเบลเยี่ยมต้องมาเดินแถวนี้ ไม่งั้นมาไม่ถึงจริงๆ
เดินเล่นถ่ายรูปเรียบร้อยเดินวนๆไปเรื่อยๆก็จะเจอห้างดังขายของไฮโซชื่อ Les Galeries Royales Saint-Hubert (อ่านว่าอะไรกันหล่ะเนี้ย??) เดินวนช็อปด้วยสายตาไปก่อน อ้อ..สองข้างทางในห้างนี้ก็จะมีร้านขนมไฮโซเช่นกัน ยกตัวอย่างแบรนด์ที่น่าจะรู้จักกันก็คือ Godiva ไงหล่ะ
เดินวนไปวนแถวจตุรัส สองข้างทางก็จะเจอนักดนตรีเปิดหมวกมาช่วยสร้างบรรยากาศเพิ่มเสริมเข้าไปทำให้เรายิ่งเดินยิ่งสนุกขึ้นไปอีก เผลอๆก็แวะเข้าร้านไปหาอะไรอร่อยๆทานมั่ง ชิลสุดๆ วันนี้เดินกันเบาๆ ก่อนเข้าพักที่โฮสเทลใกล้ๆจตุรัสนี่แหละ
เช้าวันที่สองในเบลเยี่ยม
. ผมตัดสินใจเปลี่ยนแผนกระทันหันไป 2 เมืองใกล้เคียงในรัศมีการนั่งรถไฟไม่เกิน 20 นาทีสองเมืองที่ผมเลือกคือ Leuven และ Mechelen ในเมื่อมีเวลาเหลือจะปล่อยให้ว่างทำไมใช่ไหม
. รีบตื่นมาทานข้าวอาบน้ำ และ ไม่ลืมทากันแดด Neutrogena COOLDRY Sport ครีมกันแดดคู่ใจ สำหรับ Backpacker กับการเจอแดด เจอรังสี UV เป็นของคู่กันไปเที่ยวยังไงก็เจอ อ้อถ้าใครคิดว่าแดดยุโรปไม่แรงคิดผิดแล้วครับ แดดที่นั่นก็มี UV คอยทำร้ายผิวของเท่าใกล้เคียงกับบ้านเราแหละครับ แถมช่วงหน้าร้อนก็ร้อนจนเหงื่อไหลไคลย้อยเลยแหละ ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบทาครีมกันแดดที่ตัวและหน้า เพราะรู้สึกเน้อะหน้ะ แต่พักหลังมองแขนและหน้าตัวเองที่ออกสีน้ำตาลจนเห็นแยกเป็นสองสีก็รู้สึกไม่ได้แล้วหว่ะ ต้องหากันแดดแล้ว
. ผมชอบกันแดด COOLDRY SPORT ตัวนี้สุดๆ บนหลอดเขียนว่า มีคุณสมบัติ “เหงื่อระเหยได้” เพราะมีเทคโนโลยี Micromesh ที่ทำให้กันแดดคงประสิทธิภาพการปกป้องสูง ต่างจากกันแดดยี่ห้ออื่นๆ ซึ่งกันแดดทั่วไปหากเจอเหงื่อเยอะๆ เหงื่อจะไปชะล้างกันแดด ทำให้กันแดดเสื่อมประสิทธิภาพทันที ผิวเลยไหม้เสียได้ง่าย ไม่รู้ตัวเลยครับ
. เมื่อเสื้อผ้าหน้าผมรวมทั้งผิว พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกัน ให้เราเดินย้อนกลับไปที่สถานี Brussel station ต่อแถวซื้อตั๋วกับเจ้าหน้าที่ได้เลยครับ บอกเค้าไปเลยว่าเราจะไป 2 เมือง Leuven และ Mechelen และกลับมาที่ Brussel อีกรอบเราจะได้ตั๋วมาใบเดียวเลย ไม่ต้องไปต่อแถวซื้ออีกบ่อยๆ ( ไม่ต้องจองล่วงหน้าเพราะราคาเท่ากันกับซื้อที่สถานี ) นั่งรถไฟเพียง 20 นาทีก็จะมาถึงเมือง Leuven ครับเมืองนี้มีร้านค้าน่ารักๆเยอะมาก เมืองนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมือง มหาวิทยาลัยของ Belgium ครับดังนั้นก็ไม่แปลกเน้อะที่จะเต็มไปด้วยคาเฟ่ และร้านสำหรับนักศึกษา เดินไปชิลไปฟินไป
. เริ่มเดินเข้าเมืองกันดีกว่า ตรงข้ามจากสถานีก็เดินตรงไปตามถนน Bondgnotenlaan เลยครับ จะตรงไปหา Grote Markt เดินตากแดดไปครับ ระยะเวลาประมาณ 30 นาทีแต่รับรองว่าไม่เบื่อเพราะสองข้างทางก็สวยแล้ว
เดินสัก 20 นาทีก็จะเจอกับ St-Pieterskerk church ครับ เป็นศิลปะแบบ Gothic สวยมากกก
เดินผ่านไปอีกนิด หรือ ภาพขวาล่างจะเป็น Stadhuis หรือ ศาลาว่าการเมืองครับ สวยงามอลังการอีกแล้ว
เดินมาเรื่อยๆครับ ฟ้าใสแบบนี้ถ่ายรูปสวย แต่แดดแรงได้ใจเลยจริงๆ แต่เราทากันแดดมาแล้วลุยครับลุย มาเที่ยวปล่อยผิวให้กันแดดเค้าปกป้องไป หน้าที่เรามีหน้าที่เดินก็เดินไป เป้าหมายถัดไปคือ Groot Begijnhof มหาลัยเก่าแก่ซึ่ง… เดินไกลมากอีกประมาณ 1 กิโลและไม่ค่อยมีอะไร ถ้าคิดว่าเดินไม่ไกลผมว่าไม่มาก็ถือว่าไม่เสียหายนะ
ที่ผมชอบคือแถวกลางๆเมืองย่านกินดื่ม Oude Markt นั่นแหละครับร้านรวงน่ารักเยอะเชียว
Leuven ใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมงเป็นอันจบหลักสูตรเมือง Leuven ได้เวลากระโดดขึ้นรถไฟไปต่อที่เมือง Mechelen แล้วครับ วิธีการเที่ยวเบลเยี่ยมนี่ง่ายมาก ไม่ต้องจองอะไรเลย ไปดูป้ายว่ารถปลายทางเราอยู่ Platform ไหนแล้วขึ้นได้เลยจาก Leuven ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีก็จะมาถึง Mechelen ครับ โดยมีรถไฟวิ่งตรง ชมละขบวน แนะนำให้เช็คเวลาจาก web ก่อนครับ http://www.belgianrail.be/en/Default.aspx
เมื่อถึงเมือง Mechelen ตอนนี้ก็ผ่านมาสัก 4 ชั่วโมงนับตั้งแต่ผมทากันแดด แดดแรงมากครับ เลยต้องเติมกันแดดซักหน่อยเพื่อประสิทธิภาพการกันแดด จากสถานีรถไฟให้เดินตรงไปโดยหาป้ายที่เขียนว่า Centrum เดินตรงไปเลยครับไม่หลงแน่นอน เมืองนี้เป็นเมืองช็อปปิ้งก็ว่าได้ ทั้งสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านที่ติดป้าย Sale 80% ตัวใหญ่หลอกล่อให้เราเสียตัง เดินไปเรื่อยๆเพลินๆครับประมาณ 20 นาทีก็จะมาถึงบริเวณจัตุรัสกลางเมืองหรือ Grote Markt ครับ
Stadhuis
ฝั่งตรงข้ามกับ Stadhuis จะเป็นโบสถ์ใหญ่ประจำเมืองชื่อว่า St-Romboutskathedraal ที่โบถส์นี้มี Tower สูงให้เราเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อดูวิวมุมสูงได้ครับ ( แต่เสียเงินผมเลยไม่ได้ขึ้นนะ )
ยุโรปหน้าร้านนี่ก็ร้อนจริงๆครับ ประมาณ 30-33 องศาเลยหล่ะ หลบร้อนเข้าโบถส์กันดีกว่าครับ (เข้าฟรี) ภายในโบถส์สวยมากๆแถมแอร์เย็นอีกตังหาก ^^
หลบร้อนนั่งเล่นเน็ตให้พอหายเหนื่อยก็ออกเดินท้าแดดกันต่อครับ ก็คือเดินย้อนทางเดินกลับไปถึงสถานีรถไฟหน่ะแหละ
สำหรับเมืองนี้ใช้เวลาเดินประมาณ 3 ชั่วโมงเช่นเดียวกันครับ ถึงตอนนี้ก็จะแถวๆเย็นพอดีนั่งรถไฟกลับ Brussel ได้เลยครับ กลับไปเดินเล่นชมเมืองแถวจัตุรัสกรองด์ปลาซ เดิน กิน ชิว ไปเรื่อยรอฟ้าเริ่มมืดเราก็จะได้ชมวิวกลางคืนก็สวยไปอีกแบบ ถือเป็นอันจบทริป 1 วันครึ่งในกรุงบลัสเซลล์และผองเพื่อนครับ ^^
เที่ยวจบแต่เรื่องผิวยังไม่จบ หลายคนคงสงสัยถึงประสิทธิภาพการกันแดดของ Neutrogena COOLDRY Sport หน้าและแขนผมยังสภาพดีอยู่หลังจากการตากแดดตลอด 10 วัน ตัวนี้ถือเป็นกันแดดในดวงใจตอนนี้เลย ทำได้ดีมากเรื่องการปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยคุณสมบัติ “เหงื่อระเหยออกได้” เรื่องของผิวสัมผัสหลังทาก็เกลี่ยและซึมไวมาก ใช้แล้วเย็นสบายผิวไม่มีความเหนียวส่วนเกินแบบยี่ห้ออื่นๆที่ผมเคยใช้งาน สามารถใช้กับทั้งตัวและหน้า และในราคาที่จับต้องได้ ถือว่าเป็นกันแดดในดวงใจตอนนี้และจะใช้ไปเรื่อยๆเลยครับ