คาเมรอนไฮแลนด์ รัฐปาหัง ประเทศมาเลเซีย

ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อ “คาเมรอนไฮแลนด์” เพราะไปเที่ยวที่ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ไกด์ก็ได้เล่าประวัติของ จิม ทอมป์สัน นักธุรกิจชาวอเมริกัน ที่มีชื่อเสียงจากการทำธุรกิจผ้าไหมในประเทศไทย แต่สุดท้ายได้หายตัวไปจากโรงแรมแห่งหนึ่งในคาเมรอนไฮแลนด์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 ขณะเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนวันหยุด และไม่มีใครทราบชะตากรรมของเขานับแต่นั้น

ซึ่งจริงๆ แล้วสำหรับทริปนี้ คาเมร่อนไฮแลนด์คือแผนสำรอง เหตุผลเพราะถ้ำ Gua Tempurung จุด unseen ของเมืองอิโปห์ ที่ตั้งใจจะไป ปิดช่วงนี้ชั่วคราว การเปลี่ยนแผนไปที่ราบสูงอากาศเย็นสบายตลอดปีอย่างคาเมรอนไฮแลนด์ หลังจากที่เกรียมแดดจากปีนังและอิโปห์มาแล้ว น่าจะเป็นความคิดที่ดีค่ะ

รีวิวเมืองอิโปห์ https://www.chilljourney.com/ตามหา-art-oldtown-และเดินเที่ยวเส/

สอบถามเจ้าหน้าที่ Ipoh Tourist Information Center ได้ความว่า เราต้องมาขึ้นบัสที่ Medan Kidd Bus Station ซึ่งถ้าเริ่มต้นจากสถานีรถไฟอิโปห์ ออกมาจากสถานีให้เลี้ยวขวาเดินตามถนนหลักมาประมาณ 700 เมตร จะผ่านสถานีตำรวจอยู่ซ้ายมือ จนมาถึงวงเวียน เลี้ยวขวาอีกทีก็จะเห็นสถานีรถบัสแล้วค่ะ

ที่สถานีรถบัส ช่องขายตั๋วไปคาเมรอนไฮแลนด์ก็หาไม่ยากนะ เดินเข้ามาประมาณบล๊อคที่สอง อยู่ด้านขวาสุด ซึ่งช่วงเวลาเดินทางขาไป อิโปห์ – คาเมรอนไฮแลนด์ มี 4 รอบตั้งแต่ 8.00, 11.00, 15.00 และรอบสุดท้าย 18.00 ส่วนขากลับจากคาเมรอนก็จะเป็นช่วงเวลาเดียวกับขาไปค่ะ

ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน เรามาขอซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้าค่ะ แต่พนักงานไม่ขายให้ บอกว่าให้มาซื้อตอนเช้าแล้วขึ้นรถได้เลยค่ะ

img_4885

ตั๋วของ Perak Transit จะระบุที่นั่งให้เรียบร้อยค่ะ

แต่….เราก็เพิ่งจะทราบเดี๋ยวนั้นเองค่ะ ว่าต้องนั่งรถเมล์สาย 116 จากที่นี่ไปขึ้นรถที่สถานี Amanjaya ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 30 นาที!!!

ตอนนั้นรู้สึกขอบคุณตัวเองมากๆ ที่มาก่อนเวลาเกือบชั่วโมง ทำให้มีเวลาพอที่จะไปทันขึ้นรถ โดยคนขายตั๋วก็จะเขียนหมายเลขรถกับเบอร์ช่องขายตั๋วไว้ด้านหลัง เราโชว์ตั๋วนี้ไม่ต้องเสียค่ารถเมล์ค่ะ

30 นาทีผ่านไป ก็มาถึงสถานี Amanjaya ที่นี่จะใหญ่กว่า มีร้านค้ามากมายเลย

ต่อไปก็ต้องมาเดินหาบูธ D3 ขอบอกว่าหายากมากกกก วิ่งหากับคนมาเลเซียอีกคนวุ่นวายไปหมด ถามคนแถวนั้นก็หาไม่เจอ…พอเดินเจอล่ะ ก็ต้องรีบมาถ่ายรูปไว้ทำรีวิวกันเลยทีเดียว ><

เราจะลงรถบัสที่ชั้นสอง หลังจากนั้นเดินลงบันไดเลื่อนนี้มาค่ะ

ลงบันไดเลื่อนมาแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายมาทางบูธ G1 ค่ะ ซึ่งบูธ D3 จะอยู่ด้านหลังตรงนี้ เอาตั๋วให้พนักงานดู เค้าจะบอกเราว่าให้ไปรอรถตรงไหนค่ะ

คันนี้ที่จะพาไปคาเมรอนไฮแลนด์ เลทไปตั้ง 40 นาทีแน่ะ!!!

เราได้นั่งหน้าวิวดี คนขับซิ่งมากมาย เป็นเส้นทางขึ้นเขาโค้งเหวี่ยงกันแบบไม่มีเบรค แถมพี่แกยังแกะขนมกิน คุยโทรศัพท์ ในระหว่างขับรถเฉยเลยค่ะ !!! – -“
มาเล่าเรื่องคาเมรอนไฮแลนด์สักนิด ก่อนไปเที่ยวกัน…
คาเมรอนไฮแลนด์ เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่บนเขาที่กว้างใหญ่ที่สุดของประเทศมาเลเซีย โดยมีขนาดเท่ากับประเทศสิงคโปร์ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 712 ตารางกิโลเมตร คนที่นั่นทำการเกษตรปลูกพืชเมืองหนาว พวกผัก ผลไม้ มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี (ยกเว้นวันที่เราไป ><) เป็นฟาร์มปิดซะส่วนใหญ่ แต่จะมีจุดที่เป็นฟาร์มเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเที่ยวชมกัน มีทั้งไร่ชา สวนสตรอเบอร์รี่ ฟาร์มผีเสื้อ ฟาร์มผึ้ง สวนกุหลาบ สวนกระบองเพชร ฯลฯ ค่ะ

หลังจากนั่งบัสซิ่งแบบหลับไม่ลงมาประมาณ 2 ชม. ก็มาถึง Tanah Rata Bus Terminal เป็นสถานีสุดท้าย และสำหรับคนที่มาเที่ยวแบบ One day trip ให้ซื้อตั๋วขากลับไว้เลยนะ เราวางแผนจะเที่ยวที่นี่ประมาณ 3 ชม. ก็ซื้อตั๋วรอบบ่าย 3 ไว้แล้วก็ฝากกระเป๋าเดินทางไว้ในห้องขายตั๋วได้เลยค่ะ
ตั๋วขากลับจะแพงกว่าขามานิดหน่อยค่ะ เพราะรถดีกว่า
3 ชม.ที่นี่ เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการงมทางเอง เราเหมาแท็กซี่เที่ยวค่ะ คนขับก็จะคอยเป็นไกด์ให้ด้วย แต่ถ้าเหมาเที่ยวแบบนี้ ต้องคิดราคาอย่างต่ำ 3 ชม. เป็นราคามาตรฐาน มีคิวรถ ป้ายแจ้งราคาชัดเจน อยู่ตรงสถานีบัสที่เราลงเลยค่ะ
คนขับรถและไกด์ของเราวันนี้ โอเคเลย สื่อสารภาษาอังกฤษใช้ได้ ใจเย็น คอยถามไถ่ว่าสนุกไหม ชอบที่นี่รึเปล่า เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังตลอดทาง
มาเริ่มเที่ยวที่แรก กับไร่ชาสีเขียวๆ ท้องฟ้าใสๆ ของคาเมรอนไฮแลนด์กันค่ะ 😀
“Boh Plantation” เป็นไร่ชาใหญ่มากกกกกกก มีโรงงานผลิตชา และคาเฟ่ที่สร้างยื่นออกไปชมวิวของภูเขาไร่ชา ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย
คนขับรถเล่าให้ฟังว่านี่เป็นการปลูกชาแบบดั้งเดิม แล้วถามกลับมาว่าบ้านเราปลูกแบบนี้ไหม…เท่าที่เคยเห็น ที่แม่ฮ่องสอนกับเชียงราย ก็ไม่เหมือนนะ บ้านเราปลูกเป็นแถวเดียวยาวๆ สวยเหมือนกัน แต่ไม่กว้างขวางยิ่งใหญ่อลังการขนาดนี้
นี่คือจุดที่หลายคนเห็นรูปแล้ว เกิดแรงบันดาลใจให้มาที่นี่ ก็คือคาเฟ่ที่ยื่นออกไปท่ามกลางวิวไร่ชาสวยๆแบบนี้ค่ะ
ทางเดินไปที่คาเฟ่ค่ะ ระหว่างทางเดิน ก็จะมีป้ายโชว์ประวัติความเป็นมาของที่นี่ไว้ด้วย
ที่คาเฟ่มีขายพวกเค้ก ขนมปัง แซนวิช เครื่องดื่มทั่วไปค่ะ
ลองสั่งเค้กชาเขียวกับชาร้อนให้เข้ากับบรรยากาศไร่ชากันสักหน่อย
มีร้านขายผลิตภัณฑ์ใบชาให้ซื้อกลับด้วยค่ะ
วิวไร่ชาสวยๆ จากคาเฟ่
คนขับรถของเราชี้เป้ามา ให้เดินอ้อมด้านหลังของคาเฟ่ จะมีจุดชมวิวอีกมุมสวยๆค่ะ
มาที่โรงงานผลิตใบชากันต่อค่ะ
สามารถเดินเข้าไปชมเองได้เลย
ก็จะมีจัดแสดงเครื่องมือเกี่ยวกับการเก็บ การผลิตชาอะไรประมาณนี้
ออกมาจาก Boh Plantation แล้ว แอบบ่นกับคนขับรถว่าไม่มีที่ให้เดินลงไปถ่ายรูปใกล้ๆ ไร่ชาเลย ปิดซ่อมทางเดินซะหมด พี่แกเลยหาที่จอดรถข้างทาง จัดให้เราได้เดินถ่ายรูปกันเต็มที่เลย

มาต่อกันที่ “Butterfly Farm & Butterfly Garden” ไฮไลท์ของที่นี่คือผีเสื้อราจาบรูค (Raja Brooke Butterfly) ค้นพบโดยเซอร์เจมส์ บรูค ในป่าดิบบนเกาะบอร์เนียวของมาเลเซีย ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนที่ใกล้สูญพันธุ์ค่ะ

อย่าถามว่าตัวไหน….ไม่รู้เหมือนกันค่ะ 555

ความคิดเห็นส่วนตัว…ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไร ผีเสื้อก็โดนตาข่ายขังมันไว้ ไม่ตื่นเต้นเท่ากับที่เราได้เห็นมันอยู่ตามธรรมชาติเหมือนที่เมืองไทย มีงูโชว์อยู่ในตู้ มีกบ คางคก กระต่าย กับดอกไม้เมืองร้อนทั่วไปค่ะ

ฟาร์มต่อไป “Rose Valley” ที่นี่มีดอกกุหลาบเกือบ 100 สายพันธุ์ สีแปลกๆ อย่าง สีเขียว ดำ น้ำเงิน (คนถ่ายรูปเยอะ เราก็ข้ามๆไป ไม่ได้สักรูป) มีพันธุ์ดอกใหญ่ๆ พันธ์ุไม่มีหนาม ให้ชมค่ะ แต่ช่วงฤดูร้อนที่เราไปแทบจะหาดอกสวยๆถ่ายรูปไม่ได้เลย น่าจะเป็นเพราะอากาศที่ร้อนมากนั่นเอง

ด้วยความที่กุหลาบก็งั้นๆ เลยมาหานั่งถ่ายรูปกับรูปปั้นเล่นค่ะ 555

ที่สุดท้ายล่ะ….แอบบอกดังๆ ว่าชอบฟาร์มนี้ที่สุดบนคาเมร่อนไฮแลนด์ ^^

“Big Red Strawberry Farm” เป็นสวนสตรอเบอร์รี่และผัก Hydroponics ที่มีให้เดินชม มีแบบขายสด และแปรรูปมากมาย ที่สำคัญคือ มันถูกมากกกก มีเมนูเช่น ช๊อคโกแลตร้อน มัฟฟิน ไอศกรีม ขนมปัง สลัดตักเองไม่ต้องยั้ง มิลค์เชค โยเกิร์ตปั่น แพนเค้ก ชีสเค้ก ฯลฯ ที่ทำจากสตรอเบอร์รี่ทั้งหมด ในราคาประมาณ 40-60 บาทเองค่ะ ???

ฟาร์มนี้เข้าฟรีด้วยนะ ??

ที่ปลื้มมาก เพราะเราชอบทานผัก ผลไม้อยู่แล้ว แต่ช่วงเดินทางเนี่ย จะไม่ค่อยได้ทานของพวกนี้เท่าไร…มันก็เลยท้องผูกอยู่บ่อยๆ ^^”

โมเม้นท์ที่ได้กินสลัด กับน้ำสตรอเบอร์รี่สดๆ ท่ามกลางสวนผักไฮโดรสวยๆ อากาศกำลังดีในตอนนั้น….มันฟินสุดๆไปเลยยย 😀

ทุกเมนูทำจากสตรอเบอร์รี่หมดเลย ???เวลาออเดอร์ ดูรูปแล้วให้จำหมายเลขไปบอกที่เค้าเตอร์แคชเชียร์ได้เลยนะ
มีไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ด้วย
จบ 3 ชม. ที่คาเมรอนไฮแลนด์ กลับมาถึงสถานี รถก็มารอรับล่ะค่ะ
เบาะใหญ่นั่งสบายกว่าตอนขามา แพงกว่านิดหน่อย ^^”

สำหรับคาเมรอนไฮแลนส์อาจจะไม่น่าสนใจ ใครๆก็บอกว่าไม่ค่อยมีอะไร (แม้แต่คนมาเลเซียเอง) แต่ก็ขอมาพิสูจน์ด้วยตาตัวเองดีกว่า และไม่ว่าจะยังไง เจอวิวไม่ปัง อาหารไม่อร่อย ที่เที่ยวก็งั้นๆ แต่เราเชื่อว่า นักเดินทางตัวจริงมักจะมีความสุขกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ รอบตัวได้เสมอ ^^

แต่นอกจากที่โพสมาทั้งหมดในคาเมรอนไฮแลนด์แล้ว ยังมีฟาร์มผึ้ง ฟาร์มกระบอกเพชร ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีการเกษตร และวัด ซึ่งเราไม่ได้ไปเพราะเวลาไม่พอ แต่ถ้ามีเวลาหรือค้างคืนที่นี่ ก็จะมี Night Market กับ Market Square ที่ขายผลผลิตท้องถิ่นพวกผัก ผลไม้ให้ได้เดินซื้อกันด้วย

ค่าใช้จ่าย อิโปห์ – คาเมรอนไฮแลนด์
– ซื้อตั๋วที่สถานีรถบัส Medan Kidd Bus ราคา 18.50 ริงกิต (165 บาท)
– เหมาแท๊กซี่ต่อ ชั่วโมงล่ะ 25 ริงกิต แต่ต้องเหมาอย่างต่ำ 3 ชม. 75 ริงกิต (670 บาท) นั่งได้ 3-4 คน เที่ยวได้ประมาณ 5 จุด ก็หมดเวลาล่ะ
– มีผัก ผลไม้ เค้ก ชา ขายตามฟาร์มที่เราไปเที่ยว วันนี้กินไป 25 ริงกิต (223 บาท)
– ค่าเข้าฟาร์มผีเสื้อ กับสวนกุหลาบ ที่ล่ะ 5 เป็น 10 ริงกิต (90 บาท)
– ขากลับเหมือนเดิม แต่ตั๋วแพงกว่าเดิมเป็น 22.30 ริงกิต (200 บาท) เพราะรถนั่งสบายกว่านิดนึง มาลงสถานี Amanjaya แล้วต่อรถบัสฟรีสาย 116 เข้ามาในเมืองที่สถานี Medan ค่ะ
– อาหารเย็นที่ Old Town White Coffee ตรงข้ามสถานีรถไฟ 11 ริงกิต (98 บาท)

จบ One day trip ที่คาเมรอนไฮแลนด์ จะมาเดินเล่นต่อในเมืองอิโปห์หรือต่อรถไฟไปกัวลาลัมเปอร์หรือปีนัง เดินมาสถานีรถไฟอีกแค่ 10 นาทีเองค่ะ ^^

ติดตามข้อมูล รีวิวการเดินทาง พูดคุยกับผู้เขียนได้ที่…

Fanpage : https://www.facebook.com/Mytravelholicdiary/

Instagram : https://www.instagram.com/my_travelholic_diary/

ติดตามการเดินทางของชิวตามไปที่ ::

Instragram :@ChillJourneyTH
Facebook Page : Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Youtube : ChillJourney

Blog แนะนำเคล็ดลับการจองที่พัก อ่านเถอะจะได้ไม่พลาดอีก!