การมีรอยย่นบ่นหน้าผากหรือมีริ้วรอยแห่งวัยนั้นไม่ใช่ปัญหากวนใจสาวๆ อีกต่อไป เพราะสามารถแก้ไขได้ด้วยการ ฉีดโบท็อกซ์ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในประเทศไทยเองและในต่างประเทศ โดยเราสามารถสังเกตเห็นได้ว่าคลินิกความงามหลายๆ แห่งได้มีการจัดโปรโมชั่นฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยกันมากมาย เพื่อดึงดูดสาวๆ ที่มีปัญหาริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า ซึ่งหลายคนอาจกำลังรู้สึกลังเลว่าการฉีดโบท็อกซ์นั้นจะช่วยลดริ้วรอยแห่งวัยได้จริงหรือไม่? แล้วมีข้อควรระวังหรือผลข้างเคียงอะไรบ้าง? วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมาให้ทุกคนได้ศึกษากัน มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยได้จริงหรือ?
การฉีดโบท็อกซ์นั้นเป็นการเสริมความงามด้วยการฉีดโบทูลินัม ท็อกซินเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้า โดยมีคุณสมบัติช่วยลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า และช่วยทำให้ผิวหน้าดูเต่งตึงขึ้น ซึ่งมักฉีดเพื่อแก้ปัญหารอยตีนกา รอยย่นบนหน้าผาก เส้นขมวดคิ้ว และริ้วรอยร่องแก้ม อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยคงอยู่ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยได้อย่างถาวร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีประสิทธิภาพอยู่นานประมาณ 6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ฉีดและการดูแลตัวเองของผู้ฉีดด้วย
ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยปลอดภัยหรือไม่?
การฉีดโบท็อกซ์นั้นค่อนข้างมีความปลอดภัย หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง ที่สำคัญคือต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าโบท็อกซ์ที่ใช้นั้นเป็นของแท้และผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย.
เตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย?
เพื่อความปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ก่อนการฉีดโบท็อกซ์ควรศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับคลินิกรวมถึงปรึกษาแพทย์ให้ดีก่อน ทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่ายโดยประมาณ จุดที่ควรฉีด ปริมาณที่ควรฉีด ยี่ห้อโบท็อกซ์ที่เหมาะสม รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดด้วย ทั้งนี้ คลินิกที่เลือกนั้นจะต้องมีสุขลักษณะที่ดี และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาตรับรองการประกอบอาชีพอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อกซ์ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ทั้งนี้ หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้วควรดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำ และห้ามนวดหรือถูบริเวณที่ฉีดเป็นระยะเวลา 3 วันหลังการฉีด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยนั้นจะปลอดภัยแต่ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงซึ่งเป็นอาการทั่วไปได้ เช่น มีรอยช้ำหรือมีรอยบวมแดงบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ หรือมีอาการคล้ายไข้หวัด ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ 1-2 วันหลังการฉีด ทั้งนี้ หากพบว่าหลังฉีดมีอาการที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น มองเห็นภาพเบลอ มองเห็นภาพซ้อน หายใจลำบาก หรือหายใจติดขัด ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาทันที