ทำไมต้องโครเอเชีย! คำตอบมันอยู่ในคำถามอยู่แล้ว จากภาพที่เราเคยเห็นผ่านสายตามานาน โดยน้ำสวยๆป่าเขียวๆของเฉพาะ Plitvice lake และเมืองที่สวยระดับตำนานอย่าง Dubrovnik ทำให้เราเก็บไปฝันตลอดมา พอได้โอกาสตะลุยยุโรปตะวันออกชิวก็รีบบรรจุโครเอเชียเข้าไปโดยอัตโนมัติ แล้วก็ไม่ผิดหวัง คือมันสวยมากกกกกกก
โครเอเชียวันนี้เข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิมมาก พอได้รู้ว่าสามารถใช้วีซ่าเชงเก้นเข้าได้ยิ่งสบายใหญ่ แถมตั๋วไปยุโรปตอนนี้ก็แข่งกันถูกเว่อร์ สองหมื่นก็สามารถซื้อตั๋ว full service 5 ดาวไปได้แล้ว โครเอเชียเป็นประเทศที่สวยมาก สวยแบบควรค่าแก่การมาเที่ยวสักครั้งในชีวิต รับรองติดใจ!
แผนเที่ยว
แผนการเที่ยวของเราในทริปนี้ก็จะพยายามใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด และเก็บไฮไลท์ของประเทศนี้ให้ครบถ้วน ซึ่งเพื่อนๆสามารถเอาไอเดียนี้ไปลอกได้เลยครับ อาจจะเหนื่อยสักเล็กน้อยในบางวัน แต่รับรองว่าคุ้มค่าและครบถ้วนที่ต้องไปแน่นอน
Day1 : Zagreb
Day2 : Plitvice Lake
Day3 : Split
Day4 : Dubrovnik
Day5 : Dubrovnik
ข้อควรรู้ก่อนไปโครเอเชีย
ใช้วีซ่าอะไร?
บอกก่อนว่าโครเอเชียสำหรับนักท่องเที่ยวไทยสามารถเข้าได้ด้วย 2 วีซ่า อ่านดีๆนะเราจะพยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุด
1. ใช้ วีซ่าเชงเก้น แบบ multiple
สำหรับคนที่เที่ยวหลายประเทศเช่น ยุโรปตะวันออก + โครเอเชีย ให้ยื่นแบบนี้เลยจะง่ายสุด คือไปยื่นวีซ่าเชงเก้นแบบปกติ แต่ตอนยื่นให้ทำแผนเที่ยวใส่โครเอเชียเข้าไปด้วย เช่น ออสเตรีย-ฮังการี่-สโลวีเนีย-โครเอเชีย-ฮังการี่-เช็ก แล้วก็ติ๊กช่องขอแบบ multiple ไปจากนั้นก็ลุ้นลุ้นลุ้น ซึ่งเค้าน่าจะให้แบบไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เราก็จะได้วีซ่าเชงเก้นแบบ multiple มากอดและสามารถเข้าประเทศโครเอเชียได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่าโครเอเชียเพิ่มอีก
2. วีซ่าโครเอเชีย
อันนี้สำหรับเคสคนที่จะไปเที่ยวโครเอเชียประเทศเดียว ก็ไม่ต้องไปทำไปลุ้นกับวีซ่าเชงเก้น ยื่นเฉพาะโครเอเชียได้เลย ไปดูเพิ่มที่เว็บนี้แล้วกันนะ เราไม่เคยขอเหมือนกัน http://www.vfsglobal.com/croatia/thailand/Thai/Tourist.html
ประกันเดินทาง?
มาส่วนของประกันเดินทาง ที่บอกทุกครั้งว่า “ต้องซืิ้อ” มันคือสิ่งจำเป็นที่สุดในโลกของการเดินทาง จ่ายเงินหลักร้อยคุ้มครองหลักล้านบาท เจ็บป่วยและอุบัติเหตุเกิดได้เสมออย่าประมาท ซึ่งถึงแม้จะไม่อยากทำเพื่อนๆก็ต้องทำอยู่ดีแหละ เพราะการยื่นวีซ่าบังคับให้ซื้อ
แล้วชิวไปเจอตัวช่วยหาประกันมา ! เราเชื่อว่าหลายคนชอบของถูก ชอบเปรียบเทียบว่าอันคุ้มสุด ยิ่งได้ส่วนลดยิ่งดี! เพื่อนๆไม่ต้องไล่เปรียบเทียบประกันการเดินทางอีกต่อไปเข้าเว็บ https://www.gettgo.com ได้เลย เว็บนี้จะเป็นตัวกลางในการค้นหาเปรียบเทียบประกันเดินทางแต่ละเจ้าให้เสร็จสรรพ (นึกถึงใช้ skyscanner ค้นหาตั๋วเครื่องบิน ) แถมได้ลดราคาอีกเมื่อใส่ code หรือชวนเพื่อนมาซื้อด้วยกัน คือมันดีย์ ! ( อย่าลืมใส่ code GETTGOxCHILLJ ได้ลดเพิ่มอีก5% จากโปรโมชั่นด้วย รวมส่วนลดสูงสุด 15% เลยนะ )
วิธีการใช้ก็ง่ายมากคือ สมัครสมาชิก > เข้าไปเลือกๆว่าจะไปที่ไหน วันเดินทางวันไหนแล้วกดค้นหา ระบบมันจะไปค้นมาให้หลายๆแผนหลายยี่ห้อ เราก็เลือกเปรียบเทียบกันได้เลย มีหลากหลายมาก ไม่ต้องนั่งดูไล่ทีละแบรนด์อีกต่อไป !
และถ้าแบบยังไม่สุด สามารถคลิกเลือก ประกันที่เราสนใจเช่นเห็นราคาใกล้ๆกันเอามาเทียบแบบละเอียดได้อีก ระบบก็จะไฮไลท์ให้เลย อันไหนดีกว่าอันไหนตรงไหน
ถูกใจอันไหนก็คลิกซื้อประกันเลย จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตแล้วก็จะได้ประกันการเดินทางส่งเข้า email ปริ้นแล้วไปยื่นวีซ่าได้เลย ง่ายมาก
ซิมการ์ด?
. สำหรับทริปนี้ชิวเที่ยวยุโรปตะวันออกไล่ลงมาตั้งแต่ ออสเตรีย เช็ก ฮังการี่ สโลวีเนีย และมาถึงโครเอเชีย ทั้งหมดระยะเวลาประมาณ 15 วัน เราก็เลยเลือกใช้ AIS SIM2FLY จะราคา 899 บาท เล่นได้ 4 GB ใช้ได้ทุกประเทศที่เราเขียนข้างบน สำหรับเราว่า options นี้คือคุ้มสุดสำหรับชิวเราเลยเอาอันนี้
. แต่สำหรับคนที่ไปแค่โครเอเชียอย่างเดียวชิวลองค้นข้อมูลมา เค้าว่ามี Tourist sim ราคา 85 kn ( ประมาณ 470 บาท ) ใช้ได้แบบไม่จำกัดในระยะเวลา 7 วัน สะดวกแบบไหนก็ใช้อันนั้นเน้อ อ้างอิงข้อมูลจาก http://prepaid-data-sim-card.wikia.com/wiki/Croatia
สกุลเงิน?
โครเอเชียมีสกุลเงินคือ คูนา (HKR) คิดง่ายๆ 1 คูนา = 5.5 บาท การแลกเงินไปจากไทยเลยชิวว่าน่าจะหายากมาก ไม่ก็คงเรทไม่ดี เราแนะนำให้แลกเป็นสกุลยูโร (EUR) ไปก่อนแล้วค่อยไปแลกร้านแลกเงินที่โน้นอีกที โดยเรทก็จะประมาณ 1 ยูโร แลกได้ 7.44 คูนา เฉพาะร้านใหญ่ๆเค้าก็รับบัตรเครดิตนะ แต่ร้านเล็กๆร้านอาหารร้านทั่วไปเค้ายังใช้เงินสดเป็นส่วนใหญ่
ค่าใช้จ่าย
สำหรับ 5 วันที่เราอยู่ในโครเอเชีย เราใช้เงินกันประมาณ 10,000 บาทครับ ถือว่าค่าครองชีพไม่ได้แพงเลย
Day1 : Zagreb
. เริ่มต้นที่เมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย (Zagreb) ซึ่งทุกคนน่าจะเริ่มต้นกันที่เมืองนี้เหมือนชิวแหละ พวกเราเข้าโครเอเชียผ่านทางประเทศ Slovenia ผ่านทางการนั่งรถบัส โดยใช้สิทธิ์ถือวีซ่าเชงเก้นแบบ multiple เข้าได้แบบสบายๆไม่ทงไม่ถามอะไรทั้งสิ้น ตอนนั่งบัสผ่านชายแดน แค่เอาพาสปอร์ตเราไปปั้มเข้าประเทศแค่นั้นเอง จบแบบง่ายเวอร์
. ซึ่งพอมาถึงสถานีรถบัสของ Zagreb อะแนะนำให้ไปซื้อตั๋วรถบัสไป Plitvice Lake เลยสำหรับวันพรุ่งนี้ (ให้ไปแต่เช้า) หรือจะใช้บริการซื้อออนไลน์ก็ได้พวกเราใช้เว็บ https://getbybus.com/en/ เป็นหลักสำหรับรถบัสใน Croatia ส่วนวิธีการเดินทางในเมือง Zagreb จะเป็นนั่งรถ Tram ซึ่งเราจะนั่งแค่ 2 ครั้งเท่านั้นเองคือตอนที่นั่งจากสถานีรถบัสเข้ามายังตัวเมือง และในวันพรุ่งนี้ที่นั่งกลับไปยังสถานีรถบัส ส่วนในตัวเมืองนั้นไม่ใหญ่สามารถเดินเที่ยวตามสถานที่สำคัญทั้งหมดได้เลยฮะ
. ส่วนของเมือง Zagreb นั้นมีที่เที่ยวไม่เยอะนักเอาจริงๆเที่ยวครึ่งวันก็หมดละ ก่อนไปมีคนบอกว่า Zagreb เป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีอะไร ซึ่งเราว่ามันมีนะ มีโบถส์สวยๆ มีบ้านเมืองที่สวยงามน่าสนใจ มีตลาดผลไม้ขนาดใหญ่ มีรถรางไต่เขาที่สั้นสุดในโลก (มันน่าภูมิใจตรงไหน!! ) และมีมุมน่ารักๆเยอะเลย วันเดียวเที่ยวครบ จบเลย เดินวนไปค่ะ
Day2 : Plitvice Lake
. เราเชื่อว่าทุกคนต้องเคยเห็นภาพอุทยาน Plitvice แห่งนี้ด้วยภาพสวยงามอลังการแบบเทพนิยาย น้ำสีสวยมากกกกกกกกกกกกกก มีความเป็นสถานที่ในฝันขั้นสุด ซึ่งเราก็อยากมามากเหมือนกันฮะ เริ่มต้นจากตอนเช้าเราก็รีบออกจากที่พัก นั่งเทรมไปสถานีรถบัส จากนั้นขึ้นบัสคันที่เราจองไว้ รถจะมาส่งที่หน้าอุทยานเลย แล้วให้รีบไปต่อแถวซื้อตั๋วเข้าเลยเพราะแถวจะยาวมากพอตัว แบบต่อสักครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อยแน่ๆอะ
. ระหว่างนั้นให้เพื่อนอีกคนกระเป๋าเสื้อผ้าไปฝากซะ สามารถฝากได้ฟรีแต่แบบมันจะเป็นห้องๆที่ใครก็ขอกุญแจพนักงานไปเปิดได้ ดังนั้นก็ระวังของมีค่าอย่าเอาใส่เข้าไปในกระเป๋าเดินทางหล่ะ … เอ้าาาาพอเสียตังจ่ายเงินค่าเข้าเรียบร้อยก็เข้าไปเลยฮะ บอกไว้ก่อนว่าอุทยานนี้ใหญ่มากกกกกกกกกกก ฟิตร่างกายมานิดหนึ่งเพราะระยะทางเดินทั้งหมดไม่น้อยเลย เค้าจะมีเส้นทางให้เลือก แบบเดิน 2-3 ชั่วโมง กับแบบ 6-8 ชั่วโมง ซึ่งเราเวลาเยอะมากกกกกกกกกกอยู่ได้ทั้งวันก็จัดไปฮะเส้น 6-8 ชั่วโมง (ก็ไม่ได้กะเดินครบหรอกนะ แบบเหนื่อยก็เลิกงี้ 555 )
. วิธีการเที่ยวไม่ต้องคิดไรมาก เดิน ถ่ายรูป เดิน ถ่ายรูป มันจะมีเส้นทางที่เค้าทำทางเดินเอาไว้อยู่แล้ว เราก็เดินตามๆไปนั่นแหละฮะ ขอเม้ามอยให้ฟังนิดหนึ่งคือชิวก็เดินตามเส้นทางของเค้า เดินไปนานมากละสัก 4 ชั่วโมงก็ไม่เจอมุมที่อยากได้สักที … เริ่มคิดว่า มันอยู่ตรงไหนวะ เริ่มถามคนอื่น สรุปว่ามันอยู่ใกล้ปากทางเข้า 1 ที่เราเดินมาโคตรไกลแล้วก็เลยตัดสินใจย้อนกลับทางเดิม เพราะคิดว่า ” ไม่ได้ กูจะมาเที่ยวที่นี่โดยไม่มีมุมยอดฮิตกลับไปไม่ด้ายยยยยย ”
ควรรู้ : ถ้าอยากได้ภาพสวยๆให้หาทางเดินขึ้นไปด้านบนนะ วิวด้านบนสวยมากกกกกกกก สวยกว่าด้านล่างเยอะเลย ( วิวดีๆอยู่ด้านบนใกล้ทางเข้า 1 นั่นแหละ)
น้ำในทะเลสาบคือสีสวยมากกกกกกกกกก สีนี้เลยไม่ต้องแต่งภาพ
มุมนี้ที่ชิวตามหามาทั้งวัน มันอยู่ใกล้ๆปากทางเข้า 1 นั่นแหละ… แต่ทางเดินที่เค้าแนะนำมันดันไม่ผ่านจุดนี้ เพื่ออออ!! (ให้เดินเลยจุดเลี้ยวลงไปอีกนิดนะ ก็จะเจอ)
ส่วนวิวนี้อยู่ด้านบนเหมือนกัน ชิวจำได้ว่าเราเจอกันแบบงงๆอะ แต่มี blogger ฝรั่งเขียนทางไว้ละเอียดก็ลองไปดู blog นี้เด้อ
รถบัสเที่ยงคืน!
อุทยานจะปิดประมาณ 18:00 ครับ ส่วนรถบัสที่เราจองมาก็รอบ 23:40 ( เนื่องจากมันไม่มีรอบหลังจาก 18:00 ที่ไวกว่านี้แล้ว ) ซึ่งงงงบอกตรงว่าเป็นอะไรที่ลุ้นมาก เริ่มจากพออุทยานปิด เราก็นั่งเล่นกันแถวนั้นจนเกือบมืด พอมืดแล้วเดินข้ามถนนไปสิงอยู่ร้านอาหารตรงข้ามชื่อ Highland house อยู่จนร้านปิด 23:00 แล้วระเห็ดออกมาฝ่าหนาวรอรถที่ลุ้นว่ามันจะมาไม๊ !!!! มืดก็มืดบรรยากาศคือแอบหลอนอะบอกเลย จริงๆไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก แต่กลัวรถไม่มา 555
พอสัก 23:20 ก็เริ่มเจอเพื่อนร่วมทาง เจอสองสาวชาวเมกา ก็เลยชวนคุยกันเพิ่มความมั่นใจ นางก็แบบขอเปิดเพลงนะหนาวจะเต้น เอ้าาาาาาาาาาาาา เต้นกันกลางถนนงี้เลย 555 แล้ว 23:40 รถก็ไม่มาตามนัดดดด นี่เริ่มใจเสียนิดๆละดีนะอยู่กันหลายคน ……. แล้วบัสก็มาตอนเกือบเที่ยงคืน เย้!! คืนนี้รอดแล้วเว้ย
Day3 : Split
นั่ง night bus จากเมื่อคืนมาถึง Split ตอนประมาณตี 5 เมืองนี้เงียบเชียว เราก็ลากกระเป๋าเดินไปโฮสเทลใจกลางเมืองเก่า ใจจริงนี่อยากนอนมาก คือง่วงแต่ทำไม่ได้…ชั้นล่างเค้าเป็นร้านอาหาร ส่วนชั้นโฮสเทลเค้าไม่ให้ขึ้น ก็เลยฝากกระเป๋าไว้แล้วออกมาเดินเล่นดูพระอาทิตย์ขึ้นซะเลย
เมือง Split เป็นเมืองที่ชิวไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ไม่ได้คาดคิดอะไรมาก พี่ที่ไปด้วยเค้าใส่มาเพราะแบบมันเป็นเมืองกึ่งกลางประเทศพอดี จะนั่งบัสตรงยาวไป ดูบรอฟนิคเลยก็ไกลไป แต่ผิดคาดมันสวยมากกกกกกกกก แนะนำทุกคนให้มานะเราชอบเมืองนี้มากเลย
วิวจากเขา Marjan Hill เดินมานิดหนึ่งออกกำลังกายยามเช้า ฮึบ!
พอดูพระอาทิตย์ขึ้นบนเขาเรียบร้อยก็ชิวๆฮะ ตอนเช้าในเมืองมีตลาดปลาด้วยนะ ปลาสดๆน่ากินมาก เสียดายโฮสเทลเราไม่มีครัวให้ไม่งั้นจะจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบละ
ส่วนของเมืองนั้นก็เป็นเมืองท่าที่เจริญมากในอดีต มีศิลปะสวยๆ เป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากเป็นเมืองท่าทางประวัติศาสตร์นับพันปีมาแล้ว !
มาเมืองทะเลก็ต้องลอง Fish and chip ซักหน่อย ถือว่าดีใช้ได้เลย แต่เมืองนี้เป็นเมืองท่า เมืองท่องเที่ยวอะนะ ค่าครองชีพแพงนะบอกเลย อาหารแต่ละอย่างแต่ละร้านนี้ซี้ดมากกกกกก ( แต่ยังถูกกว่าที่ดูบรอฟนิค อันนั้นโคตรแพง)
เออเมืองนี้เค้าก็มีทะเลด้วย บรรยากาศคือคูลมาก น้ำสีสวยมาก วิวดีมาก เรามานั่งอยู่แถวนี้เกือบครึ่งวัน ชอบมากกกกกกกกกกกกกกก
หลังจากชิลล์อยู่แถบทะเลได้สักพักใหญ่ พอตกบ่ายเราก็ไม่ไหวแล้วววววว ง่วงเวอร์ก็เลยนอนในโฮสเทลยาวไปเลยจ้า นัดพี่เค้าอีกทีตอนเย็นที่หอคอยเลย จะไปดูพระอาทิตย์ตกกันที่หอคอยใจกลางเมือง (เสียค่าขึ้นด้วยแต่จำราคาไม่ได้ แต่ไม่แพง)
วิวข้างบนคือดีมากกกกกกกก แนะนำเลยนะสำหรับคนที่ชอบดูวิว แต่ข้อเสียก็มีคือ “มันปิดไว” เราคุ้นๆว่าสัก 18:30 ก็ปิดแล้วอะ ดังนั้นตอนชิวไปมันแอบๆเป็นปลายๆ summer พอดีฟ้ายังไม่มืดพอให้เราถ่ายวิวเมือง แอบเสียดาย เราเลยมาถ่ายจากตึกตรงข้ามแทน เมืองตอนกลางคืนคือสวยมากจริงๆเหมือนเทพนิยายเลย
Day4 : Dubrovnik
จาก Split เราก็นั่งรถบัสมายังเมือง Dubrovnik เมืองปลายทางความฝัน เมืองที่สวยสุดอยากมาสุดของโครเอเชียแบบห้ามพลาด! ระหว่างทางที่ไป Dubrovnik คือวิวข้างทางสวยมากกกกกกกก จะเป็นทางลัดเลาะไปตามเขาตลอดทาง ขวาทะเล ซ้ายเขา สลับๆไปตลอดทางคือหลับไม่ลงอะ
และในที่สุดก็มาถึง Dubrovnik จนได้ ใช้เวลานานเหมือนกันมาถึงก็สักบ่ายแก่ๆละ เราเก็บกระเป๋าที่พักแล้วออกเดินสำรวจกันในทันใด สิ่งแรกที่ผ่านประตูเมืองเข้ามาคือ “คนเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เยอะแบบแทบกรี้ด เมืองท่องเที่ยวที่แท้ทรู แต่ต้องยอมรับเลยว่าแบบเมืองมันสวยงามมากจริงๆ ส่วนแพลนวันแรกเราจะเดินเล่นๆไปเรื่อยๆก่อนแล้วจะไปรอดูพระอาทิตย์ตกที่มุมเทพ ยังไม่ขึ้นกำแพงเมือง เดียวพรุ่งนี้ค่อยมาเดิน
เมืองสวยเวอร์ เหมาะแล้วกับเป็นฉากหนังหลายเรื่อง แต่ที่ดังสุดๆที่พวกเธอคงรู้จักก็ Game of throne อะ
โบถส์เค้าก็ดีงามอยู่
เดินมาเรื่อยๆทะลุออกทางท่าเรือ ตรงนี้คือบรรยากาศดีกว่าเดิม คนน้อยลงกว่าตรงปากทางเยอะเลย คือเราชอบโซนนี้นะ มันจะมีชีวิตชีวา มีกิจกรรม มีคนพายเรือ มีคนคายัค มีอาหารขาย มีคนเล่นน้ำ คือชิลล์มาแถวนี้เราชอบบบบบบบบบ มานั่งได้นานเลย
พอเห็นเค้าพายคายัคเที่ยว นี่อยากเลยแต่ไม่ได้เตรียมเวลามาชิลล์ขนาดนั้น ฮืออออออออ
หมายเหตุ : ที่นี่กิจกรรมมีให้ทำเยอะมากถ้าใครชอบแนวนี้แนะนำมาอยู่สัก 3-4 วันได้เลย
ชิลล์ไปเรื่อย นั่งบ้างเดินบ้างสำรวจหลายๆมุมของเมืองก็ถึงเวลาอันควรก่อนพระอาทิตย์ตกสัก 1 ชั่วโมง ก็เริ่มเดินขึ้นเขาไปหามุมถ่ายรูปกัน (พิกัด 42.642691, 18.120166 ) เดินไม่ยากก็จะเป็นทางบันไดตลอดแหละ เดินไปเรื่อยๆยิ่งสูงยิ่งสวย พอเจอจุดที่ถูกใจแล้วก็ปักหลักนั่งมองกันยาวๆไปเลย ค่อยๆดูแสงสีทองอาบเมือง จนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ในขณะนั้นแสงเมืองก็จะเริ่มเปิดสู้ความมืด ตอนจังหว่ะ Twilight คือสุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด สวยแบบอยากทำอะไรก็ได้ให้เก็บความทรงจำอันนี้
อันนี้ลองเดินขึ้นไปสูงอีกมันจะมีอุโมงข้ามถนนเส้นนี้ไป
แต่เราว่าวิวตรงจุดนี้ไม่สวยเท่าด้านล่างแฮะ ก็เลยเดินย้อนกลับไปเตี้ยหน่อยตรงพิกัดที่ให้ไว้หน่ะ
ตอน Twlight สวยมาก สวยแบบน้ำตาจิไหล สวยยยยยยยยยยยยยยยยย
Day5 : Dubrovnik
วันสุดท้ายในโครเอเชีย กับการขึ้นไปเดินชมเมืองมุมสูง Dubrovnik ควรมีเวลาอย่างน้อยครึ่งวันสำหรับการเดินบนกำแพงเมืองนี้ คือมันสูงและยาวมาก รอบเมืองจริงจัง แล้วระหว่างทางคือสวยหมดเชื่อเหอะว่าจะอยากแวะถ่ายรูปตลอดเวลา มุมโน้นก็ดี มุมนี้ก็ใช่
หลังจากซื้อตั๋วราคาแพงระยับ! 150 kn ประมาณ 800 บาท (แพงกว่าที่คิดมาก พวกเราถึงกับต้องไปแลกเงินเพิ่มกันเลยทีเดียว 555 ) ก็ได้เวลาปีนบันไดขึ้นสู่กำแพงเมืองด้านบนแล้ว สำหรับทางขึ้นลงนั้นมีทางเดียวไปตามนั้น ตามฝูงชนไปเลยจ้า
พอขึ้นมาอยู่บนกำแพงเมืองแล้วต้องว้าวแน่นอน มุมมองมันเปลี่ยนไปเห็นวิวแบบ 360 องศาเลย
อย่างที่บอกว่ากำแพงเมืองมันล้อมรอบเมือง ดังนั้นระยะทางยาวมาก มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก เดินๆพักๆไปเรื่อยๆ อ๋อ!แดดแรงขั้นสุดอย่าลืมทากันแดดมาล่ะ
ระหว่างทางจะมีคาเฟ่เล็กๆเป็นระยะ สามารถแวะได้ วิวดีอย่างแรง!
นี่ดูสิขนาดเห็นวิวเกือบทั้งเมืองแล้ว ก็ยังอยู่บนกำแพงเมืองมันยาวจริงจัง ตอนนี้รู้สึกคุ้มละกับ 800 บาทที่จ่ายไป
สำหรับกำแพงเมืองพวกเราเดินจนครบรอบสำรวจทุกซอกทุกมุมเรียบร้อยใช้เวลาประมาณครึ่งวันอะกำลังดี เมืองดูบรอฟนิคเป็นเมืองที่อยู่ด้านล่างสุดของประเทศโครเอเชีย โดยเราสามารถไปเที่ยวต่อประเทศข้างเคียงได้ 4 ทาง
- ลงล่าง ประเทศ montenegro
- ทางขวาก็เป็นประเทศ บอสเนีย
- นั่งเรือข้ามทะเลไปก็จะไปเจอกับ อิตาลี
- หรือนั่งเครื่องไปที่ไหนก็ได้เพราะเค้ามีสนามบินเช่นเดียวกัน
ส่งท้าย
โครเอเชียเป็นประเทศที่สวยมากกกกกกกกกก สวยแบบสวยตายไปเลย สวยแบบครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาให้ได้ การเดินทางไปเที่ยวนั้นถือว่าง่ายมาก มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ค่าครองชีพไม่แพง จะมีแพงแบบรู้สึกว่าแพงมากก็คือเมือง Dubrovnik เมืองเดียวแต่ก็ไม่ได้แพงแบบน่าเกลียดอะไร ก็คือๆกับยุโรปตะวันตกแหละครับ เราว่าโครเอเชียเป็นประเทศที่ไม่ต้องรอพ่วงกับประเทศไหน คือเอามันเป็นประเทศหลักแล้วค่อยคิดแผนว่าจะเข้าออกประเทศผ่านทางประเทศไหนแค่นั้นพอ เพราะมันดี!
Instragram :@ChillJourneyTHติดตามการเดินทางของชิวตามไปที่ ::
Facebook Page : Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Youtube : ChillJourney
Blog แนะนำเคล็ดลับการจองที่พัก อ่านเถอะจะได้ไม่พลาดอีก!