หูย! ฝรั่งเศส งบหลักพัน ลาวันเดียวก็ไปได้
ก็เค้าทำได้เหมือนขนาดนี้ อากาศก็ได้อยู่คือเย็นสบายตลอดปี
ลบภาพเวียดนามเที่ยวยากไปเลย ยุคนี้เค้าเรียก Grab ได้แล้วไม่ต้องกลัวโกง
รีวิวนี้กล้าตั้งชื่อว่า Easy guide เพราะเชื่อว่าไม่มีอะไรง่ายกว่านี้แล้ว!
ไปพักผ่อนชิวๆบนหมู่บ้านฝรั่งเศส นอนกลิ้งรับลมหนาวในห้องพักสไตล์ยุโรป
แวะเที่ยวเมืองเว้ ย้อนเวลากลับไปดูวังเวียดนามสมัยอดีต
โซ้ยก๋วยเตี๋ยวเมืองเว้ รสไม่เหมือนใคร จากนั้นไปถ่ายอัพไอจีรัวๆที่ ฮอยอัน
เที่ยวทั้งทีเอาให้โลกรู้ ว่าหนูมาเวียดนาม !
เริ่ม!
ทริปนี้เกิดจากความอยากไปสัมผัสบรรยากาศยุโรปด้วยงบเบาๆที่ Ba Na Hills และไปเดินเล่นชิลๆที่ Hoi An ล้วนๆเลย ทำเอาหน้ามืดกดตั๋วไปแบบงงๆ แล้วแพลนที่ออกมาได้ก็จะประมานนี้ ซึ่งจริงๆแล้วที่เรานอนค้าง Da Nang คืนสุดท้ายเพราะเค้ามีงาน Danang International Firework Festival ที่นั่น ถ้าใครไม่ได้มาตรงกับงานพลุก็เชิญหด plan เหลือแค่ 4 วัน 3 คืนก็พอนะเราว่า
ถามมาเยอะมากกกกกกก ที่พักสวยๆชื่อ Mercure Danang French Village Bana Hills ครับ
จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน booking.com >>> Click <<<
จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน agoda.com >>> Click <<<
จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน Expedia.com >>> Click <<<
Day 1: Bangkok – Ba Na Hills
เช้าวันแรกเราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองด้วยสายการบิน Airasia ซึ่งตอนนี้ปล่อยโปรหนักถูกมากกกก แล้วแนะนำว่าให้ซื้อ Value Pack ด้วยไปเลย เพราะคุ้มมากประหยัดเยอะมากสูงสุด 20% เพราะปกติคือชิวซื้อกระเป๋าโหลดเสมออยู่ละ ( เนื่องจากเป็นมนุษย์สายแบก แบกเข้าไป ชุดต้องพร้อมใช่ป่ะ ) แล้วใน Package ก็จะได้อาหารร้อน + เลือกที่นั่ง และโหลดกระเป๋าเดินทาง 20KG รวมประกันเดินทางในราคาลดกว่าซื้อแยกสัก 20% ได้อะ ขึ้นเครื่องแบบสบายๆ กินอิ่มๆ ขนพร็อพไปถ่ายรูปเต็มๆกันไป
ทางไปจอง :: https://www.airasia.com/th/th
จากสนามบินมา Banahill ประมาณ 40 นาทีได้ จริงๆระยะทางมันใกล้มากแต่เค้าขับช้ามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แล้วที่ Ba Na Hills เค้าแยกกระเช้าสำหรับลูกค้าทั่วไปกับลูกค้าที่มาพักข้างบนนะ ต้องบอกยามข้างหน้านิดนึงว่าเราจะมาพักโรงแรม เค้าจะให้รถขับเข้าไปส่งข้างในถึง Reception โรงแรมเลย แบบหรูๆรวยๆงี้
พอมาถึงก็มาติดต่อที่ Reception โรงแรมกันก่อน พนักงานก็จัดการเอกสารอะไรไปตามเรื่อง ไม่นานก็พาเราไปส่งขึ้นกระเช้าไปด้านบน ซึ่งขอบอกเลยว่า วิวระหว่างทางนี่สวยอยู่นะ เตรียมกล้องกันให้พร้อม ใช้เวลาเกือบ 20นาที เนื่องจากเป็นกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลกอะเนาะ ตั้ง 5กม. กว่าๆ เราก็มาถึง Ba Na Hills แล้ววว
Mercure Danang French Village Bana Hills
จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน booking.com >>> Click <<<
จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน agoda.com >>> Click <<<
จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน Expedia.com >>> Click <<<
Mercure Danang French Village Bana Hills
จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน booking.com >>> Click <<<
เอาภาพบรรยากาศ Ba Na Hills ตอนกลางคืนมาให้ดู เอาจริงๆเราว่าสวยกว่ากลางวันอีกนะเนี่ย ซึ่งเป็นอภิสิทธิ์สำหรับคนที่พักที่นั่นเท่านั้นอะ เป็นไงคุ้มค่าห้องยังงงง
บน Ba Na Hills เนี่ยก็มีร้านอาหารหลายร้าน มีทั้งอาหารฝรั่งเศษ อาหารไทย อาหารเวียดนาม เคบับแบบแขกๆก็มีนะ แต่ด้วยบรยากาศแบบนี้เราก็ต้องจัดอาหารฝรั่งเศสถูกมะ? ร้านที่เราเข้าไปทานชื่อ L’ETABLE นะอันนี้แนะนำว่าดีมากอะ
ขอบอกว่าเนื้อดีมากกก ดีแบบไม่คิดว่านั่งกินอยู่เวียดนามอะ.. อ๊ะ หรือว่านี่เราวาร์ปมาฝรั่งเศสแล้วจริงๆ 555
กินมื้อหลักเสร็จ ที่นี่เค้าก็มีความสนุกรอเราอยู่นะในตอนกลางคืน ทั้งร้านนั่งชิล มีคาราโอเกะ มีดนตรีสด ห้องเล่นเกมส์ก็มี เอากะเค้าสิ!!
เหนื่อยแล้วก็พัก กลับเข้าห้องไปนอนเถอะ 55 อย่าลืมว่าพรุ่งนี้เราต้องตื่นเช้าไปถ่ายรูปก่อนที่จะมีคนทะลักขึ้นมานะ
Day 2: Ba Na Hills – Hai Van Pass – Hue
ตื่นเช้ามา ตั้งแต่ประมาน 6โมงเช้ากันเลยทีเดียว เราก็ออกไปเดินเล่นถ่ายรูปละ เอาแบบไม่มีคนอะ 555 ทั้งเมืองเป็นของเรา วู้!
Mercure Danang French Village Bana Hills
จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน booking.com >>> Click <<<
จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน agoda.com >>> Click <<<
จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน Expedia.com >>> Click <<<
ถ่ายรูปกันให้สะใจ 7.15น. ต้องไปขึ้นกระเช้าเพื่อลงไป Golden Bridge รอบแรกนะ มีความสู้ไหมล่ะ! 55
จากตรงนี้ ถ้าเดินลึกเข้าไปจะมีสวนดอกไม้ด้วยนะ สวยๆสไตล์ยุโรปกันเลย
ถ่ายรูปกันจนสะใจ เราก็นั่งกระเช้ากลับไปกินอาหารเช้าของโรงแรม แล้วก็เก็บของเตรียมเช็คเอ้าท์ เพราะเราได้นัด Private Car มารับเพื่อไปเที่ยว Hai Van Pass ตอนเที่ยง
ถ้าถามว่า Hai Van Pass เป็นยังไง เราว่ามันก็คล้ายๆกับทางขึ้นเขาของภาคเหนือบ้านเราเนี่ยละนะ
พอลงจาก Hai Van Pass เราก็จะมาเจอกับเมืองข้างล่าง ซึ่งเมืองนี้มี Lang Co Beach อยู่ คนขับรถบอกว่าเมืองนี้ดังเรื่อง Oyster แหละ ขายกัน กก. ละ 5 USD เท่านั้น เราก็ไม่รอช้า บอกให้คนขับพาไปกินทันที 555
มื้อเที่ยงวันนี้คือฝากท้องไว้กับร้านริมทะเลเนี่ยละ Oyster ที่นี่ถูกจริง แต่ไม่ได้ตัวใหญ่เท่าบ้านเรา ขนาดต้องยอม แต่ความสดเค้าก็สู้ไม่ถอยนะ กินสดๆกับวาซาบิคือดีอยู่ แต่เมนูอื่นเราว่าไม่ค่อยผ่าน 55
จากนั้นคนขับก็พาเราไป Lagoon แถวๆนั้นแหละ นางบอกว่าเป็นที่ทำประมง เลี้ยง Oyster อะไรเทือกๆนี้นะ คือตรงไหนเป็นอะไรไม่รู้แหละ แต่ว่าสวยอยู่ ก็เลยเก็บภาพมาฝาก
เห็นเรือกลมๆนั่นมะ? เค้าบอกว่าที่นี่ฝรั่งเศสเก็บภาษีเรือประมง คนที่นี่ก็เลยไม่ใช้เรือ แต่ใช้กระด้งยักษ์นี่แทน จะได้ไม่ต้องเสียภาษี… เอ้า!! แบบนี้ก็ได้?
เที่ยวกันเสร็จคนขับก็พาเรามุ่งหน้าสู้ที่พักที่ Hue ของเราในคืนนี้
ที่พักของเราอยู่ไม่ไกลจาก Imperial City มากนัก อยู่ในระยะเดินได้อะเอาง่ายๆ แต่คือคนขี้เกียจอะเนาะ ไม่เดินอะ ไม่เอา พอดีที่พักมีจักรยานให้ยืมไง สบายเลย ปั่นจักรยานรอบนอก Imperial City กันซักรอบ
ปั่นเสร็จก็เหนื่อย เหนื่อยเสร็จก็หิว หิวเสร็จก็ต้องกิน!! ที่ Hue นี้ก๋วยเตี๋ยวขึ้นชื่อของเค้า ชื่อ Bun Bo (น่าจะอ่านว่าบุ๋นโบ๋นะ) เป็นเหมือนเส้นขนมจีนมาทำก๋วยเตี๋ยว แล้วก็ใส่เนื้อวัว (ภาษาเวียดนามวันละคำวันนี้เสนอ Bo แปลว่าเนื้อวัว) คน Hue บอกว่าน้ำซุปเค้าจะเข้มข้นกว่า Pho ปกติ เรากินดูก็พอกินได้อยู่นะ
กินอิ่มแล้วก็กลับไปนอนจ้า พรุ่งนี้ค่อยตื่นมาเที่ยวต่อ
Day 3: Hue – Hoi An
เช้าวันนี้ที่พักไม่มี Breakfast แต่ว่า staff แนะนำให้ไปกินก๋วยเตี๋ยว(อีกแล้ว)แถวๆที่พัก ซึ่งพอไปแล้วร้านเค้าก็ดู Local มากๆ รสชาติก็โอเค staff บอกว่าคนที่นี่เค้ากินก๋วยเตี๋ยวกันเป็นอาหารเช้าแหละ
กินเสร็จเราก็เดินไปซื้อตั๋วก่อน วันนี้เราซื้อตั๋วแบบ Package 3 ที่คือ Imperial City + Kai Dinh Tomb + Minh Mang Tomb ราคา… ถ้าจำไม่ผิด 270,000 ดอง ซื้อตั๋วเสร็จก็เข้าชม Imperial City กันก่อนเลย ที่ Imperial City นี่ดูภายนอกแล้วเหมือนพระราชวังต้องห้ามของปักกิ่งมากๆ เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนทั้งหมด พื้นที่ภายในกว้างมาก ใครอยากเดินให้ทั่วก็ต้องใช้เวลานานนิดนึงนะ
จาก Imperial City เราก็กลับที่พักไป Check out แล้วก็ไปเที่ยวกันต่อด้วย Private Car อีกแล้ว (รวยจริงๆทริปนี้ 55) ที่แรกที่จะไปก็คือ Minh Mang Tomb เป็นสุสานเก่าของกษัตริย์ที่นี่ ดูแล้วสวยดีเหมือนกัน
ปิดท้ายเมือง Hue กันด้วย Kai Dinh Tomb ซึ่งเป็นสุสานที่ดูงงๆนะ ข้างนอกดูจีนๆ แต่ชั้นในสุดดูคล้ายๆยุโรปซะงั้น อันนี้ถือเป็นไฮไลท์สำคัญเลย พวกเราชอบมากที่นี่
เที่ยวเสร็จ บอกคนขับรถไปว่าตอนนี้เราหิวแล้วนะ เค้าก็บอกว่ามีร้าน Pork Pie อร่อยอยู่ระหว่างทาง เดี๋ยวจะพาไปกิน (คุยกันผ่าน Google Translate อะ) เราก็งงๆ แต่ถ้าคน Local บอกว่าอร่อยเราก็ควรจะเชื่อนะ 555 ไปถึงมันคือหมูกรอบกินกับเส้นใหญ่ น้ำจิ้มอารมณ์อาจาดบ้านเราเนี่ย อร่อยมาก อร่อยสุดในทริปนี้ละ
พิกัด : https://www.google.co.th/maps/place/Bà+Sửu/@16.3307473,107.7487015,18.35z
กินข้าวเที่ยงเสร็จเราก็นั่งรถต่อกันยาวๆ ไปจนถึงที่พักที่ Hoi An กันเลย
มาถึงที่ Hoi An ประมานบ่ายสามโมง ก็ไปเดินเล่นในเมืองนิดหน่อย
เป้าหมายหลักของเย็นวันนี้คือร้าน Fai fo Coffee เป็น Café กลางเมืองที่มี Rooftop อะ ดูดีอยุ่นะวิวข้างบน เป็น IG spot ที่ทุกคนอยากมาถ่ายรูปกันงี้
เรานั่งดื่มด่ำกับกบรรยากาศข้างบนจนฟ้ามืดเลย ออกมาจากร้าน เราก็เดินเล่นหา street food แถวนั้นกินไปเรื่อย บรรยากาศดีกว่าตอนบ่ายๆเยอะอยู่นะ
เดินเล่นเสร็จก็กลับที่พัก ไปพักผ่อนกันจ้า
Day 4: Hoi An – Da Nang
เช้าวันนี้เราตื่นแต่เช้า ออกจากที่พักไปดูพระอาทิตย์ขึ้นในตัวเมือง Hoi An กัน หลังจากช่วงพระอาทิตย์ขึ้น บรรยากาศตอนเช้าที่นี่ดูดีมากๆ ไม่วุ่นวายเหมือนบ่ายๆ เย็นๆเมื่อวาน เป็นบรรยากาศที่ประทับใจมากๆ แต่ย้ำ ย้ำซ้ำๆหลายๆรอบให้ตื่นแต่เช้าก่อนคนจะมานะ พอตกสายๆหน่อย คนก็เยอะมากกกกกกกกกกกอีกแล้ว
จริงๆฮอยอันมีมุมถ่ายรูปเยอะมากแหละก็ถ่ายวนๆไปฮะช่วงเช้าๆ แสงอ่อนๆกำลังดีต่อการถ่ายรูปคน
เดินเล่นซักพัก แดดร้อนแผดเผามาก เราก็คิดว่าเข้าตลาดไปหาไรกินดีกว่า
เมนูดังที่ฮอยอันเค้าเรียกว่า “เกา-เหลา” แต่มันมีเส้นอะทุกคน ก็อร่อยดี มันจะคล้ายๆเส้นอูด้งนิดๆอะแต่ไม่หนึบ งงป่ะ เออสรุปมันกินได้นั่นแหละ พิกัดร้านดังคือห้อง 34 นะ
กินข้าวเสร็จเราก็กลับที่พักไป Check out แล้วก็นั่งรอ Private Car มารับไปส่งที่โรงแรมในเมือง Da Nang ที่ Da Nang วันนี้มีงาน Da Nang International Firework Festival ซึ่งเราก็ได้จองที่พักตรงข้ามที่จุดพลุไว้แล้วแหละ รออยู่ห้องสวยๆ ตากแอร์เย็นๆ ไม่ต้องไปซื้อตั๋วเข้างานด้วย 555 ก่อนที่จะมืด เราก็ออกไปเดินเล่นนิดหน่อย ตามภาพเลยยย
ประมาน 2 ทุ่ม งานก็เริ่ม มีการแสดงต่างๆบนเวทีด้านล่างด้วย เราก็นั่งดูกันเพลินๆ รอดูเค้าจุดพลุ แล้วก็ตามคาด พลุขึ้นตรงหน้าห้องพักเราพอดีเป๊ะเลย ดูพลุเสร็จก็ได้เวลาพักผ่อนจ้ะ นอนอีกแล้ว กินๆนอนๆที่แท้ทรู
พลุมาแล้ววววว อุส่าเปิดห้องราคาแพงรอเลยนะ คุ้มมากกกกกกก พลุจุดตรงหน้าเลยจ้า ฟินมาก
Day 5: Da Nang – Bangkok
วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เรามีแพลนกันแค่จะออกไปชิลริมหาด My Khe ซึ่งเป็นหาดที่กว้างและยาวมากๆๆๆๆๆๆ
มีเรือแบบเดิมเลย ไม่สิ เรียกว่าเรือไม่ได้ เดี๋ยวโดนฝรั่งเศสเก็บภาษี 555
แล้วก็ไปถ่ายรูปที่รูปปั้นมังกรกัน เราไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่มันเหมือน Merlion ที่สิงคโปร์เลย เพราะงั้นขอเรียกว่า Merdragon ก็แล้วกันนะ 😛
สรุป
เวียดนามกลางตอนนี้เที่ยวง่ายมากกกกกกกกกกกกกก ทั้งง่ายทั้งถูก ขอแค่มีเน็ตก่อนเลยแล้วจะไปไหนเรียก Grab โลดทุกคน เรื่องความปลอดภัยดีขึ้นมาก ค่าครองชีพก็ยังถูกเหมือนเดิม อาหารถูกปาก มีเวลาสัก 3-5 วันก็เที่ยวได้เลย ถ้าเธอมีวันลาวันเดียวก็ไปแค่ Banahill กับ Hoi an ก็พอเที่ยวชิลๆไม่ต้องรอบอส รีบเข้าเว็บ AirAsia ไปจองตั๋วโลดจ้า ตอนนี้นาทีทองเวอร์ตั๋วโปรเยอะมากจริงๆทุกคน
ถามมาเยอะมากกกกกกก ที่พักสวยๆชื่อ Mercure Danang French Village Bana Hills ครับ
จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน booking.com >>> Click <<<
จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน agoda.com >>> Click <<<
จองที่พักนี้ในราคาดีที่สุดผ่าน Expedia.com >>> Click <<<