ภาพนาขั้นบรรได เทือกเขาสวยงาม กับบ้านเมืองสไตล์กลิ่นอายสไตล์ยุโรป เส้นทาง ฮานอย-ซาปา ชิวอยากไปมานานมากๆแล้ว พอได้สบโอกาสทางสายการบินนกแอร์ชวนผมไปร่วมทริปก็เลยตัดสินใจตอบรับอย่างรวดเร็ว จึงเกิดเป็นรีวิวอันนี้แหละครับ ตามมาเที่ยวเลย
ข้อควรรู้ก่อนไปเวียดนามเหนือ
- ใช้เงินสกุลดอง สามารถเอาเงินไทยไปแลกที่สนามบินได้เลย เงินไทยเรทพอๆกะแลก US ห่างกันนิดหน่อย
- ซื้อซิมได้ที่สนามบินเช่นกัน แนะนำยี่ห้อ Viettel สัญญาณดีสุด
- ไม่ต้องขอวีซ่าคนไทยยื่นพาสปอร์ตเข้าได้เลย
- ปลั๊กไฟเป็นแบบหัวแบน บ้านเราไม่ต้องพกหัวแปลงไป
- แท็กซี่ในฮานอย มีมิเตอร์หมดแล้ว เรื่องโกงลดลงแต่ก็ยังมีเรื่อยๆลองหาอ่านดู
- คนเวียดนามนิสัยดีนะผมว่า
- อากาศฤดูกาลเหมือนบ้านเรา หน้าหนาวคือ high season
Day1 : กรุงเทพ – ฮานอย – ซาปา
04:00 คือเวลาเจอสนามบิน ใช่ครับ ทริปเริ่มเช้ามากกกกก เพราะนกแอร์ไฟล์ทบินไปฮานอยออกเวลา 06:10 และจะถึงเวลา 8:20 เรียกได้ว่าเวลาดีสุดๆสำหรับนักท่องเที่ยวถึงเช้าตรู่เข้าเมืองแล้วเที่ยวได้ทันที (แถมไฟล์ทกลับยังค่ำอีกคือได้วันเต็มมากทั้งขาไปขากลับ)
นกแอร์เป็นสายการบิน low cost ก็จริงแต่เที่ยวบินระหว่างประเทศสามารถโหลดกระเป๋าได้ฟรีถึง 30 กิโลกรัม และ มีนกขนม ( น้ำและขนม ) ให้ทานบนเครื่องครับ
เข้าเมือง … พอมาถึงสนามบินฮานอยแล้ว สามารถเข้าเมืองได้ 2 วิธีคือ
- รถประจำทาง เดินออกมาหน้าสนามบินครับมีท่ารถอยู่หาไม่ยาก
- รถสาย 7 หรือ 17 ค่าโดยสาร 5,000 VND (3 USD) ต่อคนใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.
- Taxi
- ประมาณ 320,000 VND ใช้เวลา 30 นาที
ข้อมูลจาก : http://www.hanoiairportonline.com/hanoi-airport-transportation/
ฮานอย -> ซาปา
จากนั้นพอถึงตัวเมืองฮานอยแล้วจะไปซาปา(ลาวไก) มีอีก 2 ช่องทาง
- ไปรถบัส เนื่องจากทางด่วนเสร็จแล้วนั่งประมาณ 5 ชั่วโมงถึง (ลาวไก)
- ไปรถไฟ อันนี้นานหน่อยนั่งข้ามคืนเอาครับ ลองหารีวิวเอาคนน่าจะรีวิวเยอะ
ยังครับยังไม่จบ พอถึง เมือง ลาวไก แล้วต่อรถอีกรอบไปเมืองซาปาครับ อันนี้หารถหน้าสถานีรถไฟลาวไก ไม่ยากครับ รถเวียดนามเค้าจะไปส่งให้ถึงที่พักอยู่แล้ว (ซาปาเป็นเมืองเล็กๆเดินได้ทั่ว) ตัดฉากมาที่ซาปาวันแรกนั่งรถยาวๆถึงก็ประมาณ 4 โมงแล้วครับ เช็คอินเข้าโรงแรมริมทะเลสาบ เสร็จก็ออกมาเดินเล่นรอบทะเลสาบกัน
จริงๆแล้วตัวเมืองซาปาค่อนข้างเล็กมากครับ ผมว่ารัศมีไม่เกิน 3 กิโลด้วยซ้ำไม่ต้องเช่ารถเลยครับเดินไปเรื่อยๆ ผมออกเดินจากโรงแรม เดินเลาะทางซ้ายรอบทะเลสาบไปจนสุด แล้วเดินไปจนถึงตลาด บรรยากาศชาวบ้านๆเลย แต่ไม่กล้ากิน 555
เสร็จจากตลาดก็เดินวนกลับรอบทะเลสาบอีกรอบทางด้านขวาบ้างครับ เดินๆอยู่เห็นพระอาทิตย์กำลังจะตกพอดีเลยไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกริมทะเลสาบ สุดยอดแห่งความชิลล์
พอตกค่ำ เราไปช็อปปิ้งที่ night market กันครับซึ่งก็อยู่แถวๆนั้นแหละ (มันใกล้กันหมด) เดินช็อปเอาเลยครับ north fake อุปกรณ์กันหนาวก็อปเกรด AAAA มีเยอะแยะมากมายราคาไม่แพง ถ้าสนใจจะซื้อก็ลองไล่ๆถามเอาหลายๆร้าน บางร้านถูกบางร้านก็อย่างแพงทั้งๆที่ของเหมือนๆกัน รวมทั้งอาหารจำพวกปิ้งย่างก็ขึ้นชื่อ
Day2 : แว๊นซ์มอไซด์ในซาปา
การมาเที่ยวซาปานอกจากตัวเมืองแล้วก็จะเป็นการเที่ยวรอบๆหุบเขาครับ ซึ่งที่นิยมจะมี 2 วิธีคือ
- การซื้อ day tour สามารถติดต่อที่โรงแรมได้เลย
- การเช่ามอไซด์ขับเอง
แต่พวกผมเป็นวิธีที่ 3 ซึ่งคือทัวร์มอไซด์ หมายถึงเราขับมอไซด์เอง แต่มีไกด์นำทางครับ ผมว่าทางเลือกนี้ก็ดีนะปลอดภัยกว่าด้วย โดยไกด์จะพาลัดเลาะดูนาขั้นบรรไดและจุดไฮไลท์ทั้งหลายของซาปาครับ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงก็ถือว่าเก็บได้ทั่วแล้วหล่ะครับ
พอประมาณบ่ายๆหลังทานข้าวเราก็ไปขึ้นกระเช้าสู่ยอดฟานซิปันกันครับ ยอดเขาฟานซิปัน (Fansipan) เค้าเคลมตัวเองว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดใน indochina ซึ่งหมายถึง ไทย – เขมร – เวียดนาม – ลาว นั่นแหละแปลว่าสูงสุดใน 4 ประเทศนี้แหม เคลมซะใหญ่โต (แถมไม่นับพม่าด้วยนะ 555 )
ทีนี้แต่ก่อนที่ยังไม่มีกระเช้าเนี้ยก็ถือว่าโหดมากเลยครับกว่าจะเดินถึงยอด ต้อง trekking กันเป็นวันๆ ยอดนี้สูงถึง 3,143 เมตร สูงกว่ายอดเขาที่สูงสุดบ้านเราไปเยอะ แต่ตอนนี้มีกระเช้าลอยฟ้าแล้วไปง่ายมากกก ก.ไก่ล้านตัว นั่งกระเช้าใหญ่ๆลอยละล่อง นั่งเม้ามอยถ่ายรูปชมวิวกะเพื่อนข้างๆไป บรรยากาศดีมากกก
แต่เดียวก่อน! กระเช้ามันไม่ได้ถึงยอดอย่างที่คิด เพราะต้องเดินต่อขึ้นบรรไดไปอีก 600 ขั้นพอให้น่องได้สั่นเอาเซลลูไลท์ออกไปซะบ้าง รับรองไม่เหนื่อยถึงขนาดเหงื่อออก ( เพราะหนาวววว )
พอเดินถึงยอดแล้วจะเจอจุดถ่ายรูป ซึ่งทุกคนเตือนว่าโอกาสยากมากที่เราจะได้ถ่ายภาพกะยอดเหล็กนั้น ต้องแย่งชิงจังหว่ะกับแก๊งคนจีนสุดฤทธ์ แต่ชิวทำได้ !
ถามว่าบนยอดมีอะไร บนยอดมีวิวสวยๆแบบนี้เลยครับเพราะเราอยู่สูงเหนือเมฆไปอีก
ข้อมูล : Tickets cost VND600,000 ($27) for adults, VND400,000 ($18) for children up to 1.3 meters tall and children below one meter tall can travel for free.
Day3 : ชิลล์ในซาปา และ เก็บตก
. จริงๆซาปามีที่เดินลัดเลาะซอกซอย นั่งชิล นอนชิลอีกเยอะครับ โดยเฉพาะจุดชมวิวเขาฮามรอง (hamrong) จุดชมวิวสวยที่สุด เมืองซาปาก็ห้ามพลาดเลยครับ แต่ชิวไปนอนโฮมสเตย์ที่หมู่บ้าน อีตี้ ( Y Tý ) มาซึ่งผมว่าไม่ค่อยเวิคเลยไม่แนะนำครับ (จะสวยมากเฉพาะตอนฤดูข้าวแตกรวงเท่านั้น ผมไปหลังเก็บเกี่ยวแล้วเลยไม่สวย) เสร็จจากซาปาบ่ายๆก็นั่งรถกลับมานอนที่ฮานอย
. สรุปซาปา ใช้เวลาเที่ยว 2 วัน 1 คืนก็เพียงพอครับ แต่ถ้าเอาชิลล์ก็จัดไป 3 วัน 2 คืน อีกวันที่ไม่ได้ออกไปไหนก็แวะร้านกาแฟชมวิว เดินเล่น นอนชิล วนไปครับ อากาศที่เมืองซาปานี้ดีมากกกกกกก อากาศเย็นตลอดปี อย่าลืมพกเสื้อหนาวบางๆมาด้วยหล่ะ ( หรือจะมาซื้อที่นี่ก็ได้ไม่แพง )
Day4 : ตะลุยฮานอย !
เหลือ 2 วันเต็มกับฮานอยกับการไม่ได้วางแผนอะไรเลย หากันสดๆที่โรงแรมวันนั้นเองครับ (ซึ่งไร้ปัญหา ปกติก็ทำงี้ทุกทริป 555 ) สรุปแผนเที่ยวมาได้ดังนี้!
- Temple of Literature (วัดวันเหมียว วิหารวรรณกรรม)
- Quảng trường Ba Đình (สุสานลุงโฮ)
- Chùa Một Cột (เจดีย์เสาเดียว)
- Defence Ministry
- หนึ่งในเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดในฮานอย Chùa Trấn Quốc
- กำแพงเซรามิค Con đường Gốm sứ
- Hanoi old quarter ( ย่านเมืองเก่า ) ซึ่งรวมที่เที่ยวมากมายอยู่ในนั้น ซึ่งประกอบด้วย
- ร้านกาแฟไข่ชื่อดัง Giảng Cafe
- ดูโชว์หุ่นกระบอกน้ำ
- โบถส์ St Joseph Cathedral
- วัด Ngoc Son Temple
- Hanoi Opera House
คำแนะนำ
- วิธีการเดินทางในฮานอย
ผมไม่แนะนำให้เช่ามอไซด์ขับครับเพราะมอไซด์ที่นี่เยอะมากๆๆๆๆ ผมว่าขับยาก แนะนำวิธีเดินและนั่งแท็กซี่เอา ถ้ารู้สึกว่าไกลก็นั่งแท็กซี่ ครั้งละประมาณ 100 บาทต่อ 2-3 กิโล ประมาณเนี้ยครับไม่แพงมาก (ยกเว้นเจอขับอ้อม ผมโดนไปรอบหนึ่ง)
- ที่พัก
ถ้าหาที่พักแถว old town จะดีมากเลยครับ พวกโฮสเทลเพียบ แต่ถ้าจะจะเอาแบบโรงแรมอาจจะต้องออกมาไกลหน่อยสัก 2-3 กิโลแล้วนั่งรถเข้าไปเที่ยวเอาครับ
เอ้าเริ่ม … เนื่องจากโรงแรมเราใกล้ วิหารวรรณกรรม(วัดวันเหมียว) สุดเราเลยไปเที่ยวที่นี่ก่อนครับ วัดวันเหมียวแห่งนี้เป็นวัดขงจื๊อ เริ่มสร้างเมื่อปี 1070 เพื่อเป็นการเชิดชูให้เกียรติแด่ขงจื๊อโดยสร้างขึ้นให้มีองค์ประกอบตรงตามหลักฮวงจุ้ย ในอีก 6 ปีต่อมามีการสร้างโรงเรียนสำหรับเหล่าขุนนางขึ้นมาภายในบริเวณวัดซึ่งถือได้ว่านี่คือมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนามครับ
ค่าเข้า : 30,000 ดอง (ถ้าจำไม่ผิด)
พอเดินถึงชั้นในสุดจะมีรูปปั้นเทพอยู่ครับ
อะแถมภาพสาวๆเวียดนามในชุดเต็ม 🙂
เสร็จแล้วเดินต่อไปสุสานลุงโฮกัน ระยะประมาณ 1 กิโลจากวัด เดินได้ชิวๆ ถึงแล้วก็แวะถ่ายรูปสักหน่อย
ข้อห้าม!
- ห้ามนักท่องเที่ยวล้ำเส้นเหลืองที่เค้าขีดไว้เด็ดขาด
- ห้ามแสดงท่าทางไม่เคารพลุงโฮเด็ดขาด เช่น กระโดดถ่ายรูป
ติดกันกับสุสานด้านหลังจะเป็นบ้านลุงโฮ คือ สถานที่ๆลุงโฮทำงานจริงๆ เสียค่าเข้าอีก 30,000 ดอง เข้าไปเดินชมกันครับ
ชมเสร็จให้เดินไปตามทางเรื่อยๆ จนสุดทางเราจะเจอทางไปวัดเจดีย์เสาเดียว ซึ่งเจดีย์นี้ถือว่าดังมากๆ นักท่องเที่ยวอย่างเยอะเลยครับ แต่ดูภาพสิ… มันแปลกยังไงก็แค่เจดีย์ที่สร้างขึ้นบนเสาค่ำใหญ่ๆอันเดียว บ้านเราก็มี แฮะๆ
ตอนแรกจะไปเที่ยวอีกหลายที่แถวๆนี้ เช่น Defence Ministry , วัด Chùa Trấn Quốc , กำแพงเซรามิค Con đường Gốm sứ แต่ตอนนี้สัก 10:30 ร้อนมากกกกกกกก แดดร้อนแบบไม่ไหวจะทน เลยล้มเลิกภารกิจทั้งหมดนั่งแท็กซี่ไปชิลที่ old town ดีกว่า จริงๆระยะทางมันใกล้มากแค่ 3 กิโลเองมั้ง แต่โดนจนได้ โดนคนขับพาอ้อมจ้า ขับอ้อมขึ้นเหนือก่อนแล้วค่อยวนลงมาส่ง !! โดนค่ารถไป 200 กว่าๆทั้งๆที่มันควรจ่ายแค่ไม่ถึงร้อย = =”
คือ old town นี้คือหลงรักมาก ลองนึกภาพถนนคนเดินดังๆบ้านเราสักที่ แล้วเอา 10 คูณเข้าไป คือมันใหญ่มากเป็นถนน ประมาณ 8 เหลี่ยม ซ้อน 3 ถนนต่อกันอะเดินกันจนเหนื่อยยังเก็บไม่หมดเลย แต่คือมันดีมาก ของกินแพง(ย่านนักท่องเที่ยว)แต่อร่อยๆทั้งนั้น
ภารกิจแรกคือไปซื้อตั๋ว โชว์หุ่นกระบอกน้ำ ก่อนเลยกลางวันร้อนหลบแดดไปนั่งดูโชว์หน่อย ใครๆก็บอกว่ามาเวียดนามต้องไปดูนะหุ่นกระบอกน้ำเนี้ย เอ้าเอาก็เอา จริงๆมีหลายเจ้านะแต่ผมดู Thang Long Water Puppet Theatre ราคา 100,000VND/ticket จองรอบไวสุดเลยบ่าย 3
ดูรอบที่เว็บ >> http://thanglongwaterpuppet.org/en/
ระหว่างนั้นก็ถึงเวลาตะลุยกินครับ กลางวันร้อนๆก็ กินข้าว กินกาแฟ วนไปครับ ร้านแรกที่หมายปองคือ บุ๋นจ่า (Bun cha) หมูห่อใบชะพลูย่าง กินกับขนมจีน และน้ำซุปเปรี้ยวๆหวานๆคล้ายอาจาดที่มากับหมูสเต๊ะเลย
เมนูนี้เด็ดมาก เอาไปเลยสิบดาว หาทานได้ทั่วไปชุดละประมาณ 60-80 บาทไทย วิธีทานคือเอาขนมจีนใส่ลงไปในน้ำซุปแล้วตัดกินพร้อมกับหมู ฟินมาก ชิวกินทุกวันเลย
คาวแล้วต่อหวาน เค้าว่า (เค้าไหนวะ) บอกอีกแล้วว่ามาฮานอยต้อง “กาแฟไข่” เจอ tourist information กลางเมืองพอดีเลยเข้าไปถาม “แนะนำร้านกาแฟไข่ที่เด็ดที่สุดให้หน่อยครับ” แล้วเราก็ได้พิกัดมาชื่อ Giảng Cafe (หาใน google map ได้เลย พิกัดตรง) เดินจากกลางเมืองไปประมาณ 500 เมตรก็จะถึงทางเข้าเป็นตรอกแคบๆจนน่าตกใจ แต่มาถูกแล้ว
พอเดินเข้าไปในตรอกแล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นบรรไดไปชั้น 2 จะพบกับร้านกาแฟร่มรื่นที่ซ่อนอยู่ บรรยากาศดีมาก มากันสองคนแต่จัดกาแฟไป 3 แก้ว
- กาแฟไข่(ร้อน) => อร่อยมาก เค้าเอาไข่ไปผสมนมข้น ให้อารมณ์ทีรามิซุ
- กาแฟโยเกิร์ต(เย็น) => เฉยๆ แปลกดี
- ช็อคโกแล็ตไข่(ร้อน) => อร่อย แต่หวานมากกกก
จำราคาไม่ได้แต่ 3 แก้วประมาณ 170 บาทถือว่าไม่แพงนะถ้าเทียบกับข้าวของที่เวียดนาม highly recommend ต้องมาต้องมา!
ดูนาฬิกาอีกทีใกล้บ่าย 3 แล้วหลบแดดไปดูโชว์หุ่นกระบอกน้ำกัน ก็ดูเพลินๆฆ่าเวลา แต่หลังๆก็แอบหลับนะแอร์เย็นๆ 555
ตื่นมาอีกทีหลังจบโชว์ประมาณ 3:45 มั้งก็ไปเดินเล่นต่อ แถว old town ตอนนี้อากาศเย็นขึ้นละแดดเริ่มหมด บรรยากาศแถว old town ดีมากจนน่าอิจฉาเวียดนาม คือเสาร์อาทิตย์เค้าจะปิดถนนชั้นในเลยครับแล้วทำเป็นถนนคนเดิน จะมีคนมาเล่นดนตรี เด็กๆมานั่งร้องเพลง มีคนมาถ่ายรูปชิคๆ กิจกรรมเยอะเลยครับ ผมชอบมากกกกกกกกกกกกก
ใน Old town ก็จะมีวัด Ngoc Son Temple เป็นวัดดัง landmark ของแถวนี้ครับ ก็แวะเข้าไปชมกันสักหน่อย
ผมเดินวนรอบทะเลสาปจนสุดทางเปิด map ดูก็เจอว่า Hanoi Opera House อยู่ไม่ไกลเลยเดินไปถ่ายรูปสักหน่อย ( ระหว่างทางเดินไปก็มีร้านชิคๆตลอดแนว งานดีมาก )
ผมอยู่แถวนี้จนถึงค่ำเลยครับ ทานข้าวทานขนม เดินชิว ยิ่งดึกยิ่งคึกคัก มืดๆก็นั่งแท็กซี่กลับโรงแรม
Day 5 : วันสุดท้าย
วันนี้ไม่ได้ทำอะไรมากครับ นอนตื่นสายหน่อย แล้วไปเก็บตกหลายๆที่ในฮานอย เน้นเดินเล่นไปเรื่อยๆ นั่งกินกาแฟแถว old town ชิวๆเรื่อยๆ ซื้อของฝาก กินโน้นนี่นั้นโน้น แล้วพอเย็นๆก็นั่งรถไปสนามบิน ขึ้นนกแอร์กลับบ้านครับ ประทับใจมากจริงๆเวียดนามเหนือ ต้องกลับมาอีกรอบแน่ๆเลย สำหรับทริปนี้ผมประเมินคร่าวๆ ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ15,000 บาท ต่อคนครับ ( รวมทุกอย่าง )