. สวัสดีครับวันนี้พาไปเที่ยวฮ่องกงอีกแล้ว รอบนี้แปลกและแหวกแนวไปกว่าเคย ไม่ลุ้นไม่เหนื่อย ไม่หลง(มั้ง) ทริปพาแม่ไหว้พระเบาๆ ทริปนี้เกิดขึ้นจากเคยสัญญาไว้กับแม่ไว้ว่าจะพาไปฮ่องกงตั้ง 2 ปีที่แล้ว พอสบโอกาสมีวันหยุดช่วงปิยะก็เลยจัดทริปไหว้พระ(และกิน)ขึ้นมาครับ
. ในรีวิวนี้จะพยายามลงแผนการเที่ยวให้ละเอียด เพราะเวลาพาผู้สูงอายุไปสิ่งสำคัญคือพยายามอย่าหลง อย่าเดินวนไปวนมาขาเค้าไม่ดีจะเดินเยอะมากไม่ได้ ดังนั้นแผนต้องเป้ะกันนิดหนึ่ง
[ Sponsorship ]
- จองแพคเกตที่พักและตั๋วเครื่องบินผ่าน www.expedia.co.th
- ภาพถ่ายทั้งหมดจากกล้อง Canon EOS M3 , เลนส์ KIT 18-55 และ Fix 22 f2 ครับ
โหลดแบบ Excel ได้ที่ => HK_Tripplan
ค่าใช้จ่าย
. ทริปนี้เรากินเที่ยวกันเต็มที่มากๆ พาแม่ไปครับไม่ประหยัด ในมาเก๊าก็นั่งแท็กซี่หลายรอบ ลองหักค่าช็อปปิ้งออกแล้วทริปนี้ใช้ไปประมาณ 20,000 ต่อคน โดยประกอบไปด้วย
- ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ 8,760 บาทต่อคน (จองกระชั้นชิดค่าตั๋วแพงมากครับปกติควรอยู่ที่ 4-6 พัน )
- ค่าที่พัก 3 คืน 4,700 บาทต่อคน
- ค่ากินค่าเดินทางประมาณ 6,500 ต่อคน
เตรียมตัว
. ทริปนี้จองที่พักและตั๋วเครื่องบินผ่าน www.expedia.co.th ครับโดยเว็บ expedia ก็จะเป็นเว็บ agency ในการจองตั๋วและที่พักออนไลน์ที่มีชื่อเสียง มั่นใจได้ว่าจองแล้วจะไม่แป๊ก (อย่างน้อยที่จองมา 3 ปีก็ไม่เคยมีปัญหานะ )
. มาเริ่มจองตั๋วกันครับพอเข้าเว็บ Expedia แล้วคลิกที่ Flight ใส่ข้อมูลไปกดค้นหา Expedia ก็จะลิสต์แสดงรายการตั๋วเครื่องบินมาให้จะเรียงตามราคาให้เสร็จเรียบร้อย ถ้าใครอยากบินไปถึงเช้าให้ออกเช้าๆเลือก Early morning ระบบก็จะไปกรองมาให้ครับ ( ตอนผมจองถ้าจะให้ถึงเช้า Hongkong airline ถูกสุดครับ )
พอเลือกไฟล์ทที่เราถูกใจได้แล้วเค้าก็จะถามว่าจะจองโรงแรมด้วยเลยไหมเดียวฉันลดให้ 25% ก็กดไปจองที่พักต่อครับ
ทางไปจองแบบแพคเกต >> http://bit.ly/EXPPG4
Day 1 : มุ่งหน้าสู่ฮ่องกง
. สองแม่ลูกออกเดินทางจากกรุงเทพด้วยสายการบิน Hongkong Airline สายการบิน full service ที่หาได้ถูกที่สุด ณ จังหว่ะนั้น โหลดกระเป๋า บรรยากาศในเครื่อง การเสริฟน้ำ โอเคหมดครับ
. แต่พออาหารมาเสริฟปุ๊ปผมยังต้องอึ้ง! เพราะด้วยความคาดหวังว่าขึ้น full service มันต้องได้อาหารเป็นเซ็ตสิ แต่กลับได้เพียงขนมปังแฮมชีสเพียงแค่ชิ้นเดียว
. ถ้าถามว่าแนะนำไหม?…ก็แนะนำนะเพราะเจ้านี้ปล่อยโปรไม่ถึง 6,000 มาบ่อยๆได้แค่นี้ก็โอเคแล้ว แต่อย่าให้เทียบกับ Cathay , TG เลยอันนั้นดีกว่าเยอะ…ถ้าราคาใกล้กันเลือกสองเจ้าหลังเถอะ
. ตัดฉากมาที่สนามบินฮ่องกง เรามาถึงประมาณตี 5 แต่ในขณะที่ฮ่องกงเป็นเมืองตื่นสาย ควรเข้าเมืองไปสัก 7-8 โน้นหน่ะครับ เมื่อคืนไม่ได้นอนก็เลยพาแม่ “นอนสนามบิน” ให้พอรับรู้รสชาติความลำบากเวลาลูกไป backpack บ้าง นอนพอหายเพลีย 7 โมงเราก็เข้าเมืองกัน
บัตร octopus
ก่อนอื่นมาถึงสนามบินก็ขอแนะนำให้ซื้อบัตรเจ้าปลาหมึกก่อน ชีวิตคุณจะดีขึ้นอีกเยอะ เพียงแค่เติมเงินเข้าไปในบัตรต่อจากนี้จะไปไหนมาไหน จะซื้อของก็แค่แปะบัตรนี้ลงไปเท่านั้นเองง่ายมากๆ บัตรนี้ซื้อหาได้ที่ Counter ของ Airport Express หรือ Customer Service Centre ของรถไฟใต้ดินทุกสถานีครับ
ราคาในการซื้อครั้งแรก
– ผู้ใหญ่ ราคา HK$150 (มัดจำบัตร 50 และเป็นเงินที่ใช้ได้ในบัตร 100)
– เด็ก และผู้สูงอายุ ราคา HK$70 (มัดจำบัตร 50 และเป็นเงินที่ใช้ได้ในบัตร 20)
วิธีการเข้าเมือง
. วิธีการเข้าเมืองที่ง่ายและสะดวกที่สุดก็คือการนั่ง HK Express นั่งตรงจากสนามบินมุ่งหน้าสู่สถานี Kowloon หรือ Hong Kong ได้ภายใน 24 นาทีไวมากแต่ก็แพง แต่ถ้าใครงบน้อยผมแนะนำให้นั่งรถเมล์ CityFlyer สาย A21 ยอดนิยม มุ่งหน้าสู่ มงก๊ก-จอร์แดน-จิมซาจุ่ย ในราคาเพียง 33 HKD เท่านั้น
. วันนี้เราไม่รีบก็มานั่งบัสก่อนแล้วกัน พอลงสนามบินซื้อบัตร octopus ให้เรียบร้อยแล้ว ดูป้ายที่เขียนว่า “To city” เดินตรงต่อไปเจอป้าย “Bus” เดินตามป้ายไปเลยครับจะเจอรถจอดอยู่หลายสายหาป้าย A21 เข้าคิวรอเลย
. นั่งนานอยู่ครับสักชม.หนึ่งชมวิวเมืองไปเรื่อยๆ เช้านี้จะพาแม่มาทานโจ๊กร้านอร่อยกันก็เลยลงรถป้ายสถานี Jordan ป้ายรถบัสก็อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟแหละใช้แผนที่เดียวกันได้เลย
ร้านโจ๊ก “ซันเฮงจ๋าน”
ร้านนี้อยู่ใกล้กับสถานี Jordan พิกัดนี้ครับ GPS : 22.306454,114.1708059
. เดินมาตามพิกัด GPS ที่จดไว้คราวก่อนก็มาถึงร้านครับเป๊ะๆเลย หน้าตาแบบนี้ไม่ผิดแน่ ร้านดูบรรยากาศบ้านๆมากๆเป็นห้องแถวธรรมดา ร้านนี้เค้ามีทีเด็ดที่ปลาจีน ไม่ว่าจะเป็น ส่วนหัว ตัว หาง ท้อง มีหมดทุกส่วนสั่งได้ นอกจากปลาแล้วก็มี หมูและเครื่องใน ไข่เยี่ยวม้า ก็มีเช่นกันครบครันตามหลักสูตรโจ๊กฮ่องกง
. วิธีการสั่งร้านนี้คนขายพูดอังกฤษไม่ได้ ชี้เอาครับชี้ปลาได้ปลา ชี้หมูได้หมู ชี้หนูได้หนู…เฮ้ยไม่มี! แต่ตอนนั้นคนในร้านไม่มีใครกินหมูผมเลยได้กินหนู ยัง ยัง ไม่จบ.. ผมก็เลยเอาภาพเก่าที่เคยถ่ายไว้เปิดให้ดู ก็โอเคได้หมูกินสมใจ (อย่าลืมเซฟภาพไปนะ)
ปลานี้ชี้พลาดไปหน่อย ได้เนื้อปลาเล็กมา นายแม่อยากกินหัวปลาครับในร้านมีป้ายตัวปลาอยู่ชี้ใหม่ได้กินสมใจอยากเธอหล่ะ
. สรุปว่า ร้านนี้ยังอร่อยเหมือนเดิม เครื่องในอร่อยลวกได้เด้งดึ๋ง ชามที่เป็นปลาก็จะมีรสชาติแตกต่างจากชามหมู เพราะจะได้รสชาติหวานของเนื้อปลาลงไปคลุกเคล้าในเนื้อโจ๊กด้วย เนื้อปลาสดสะอาดไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่น้อย เนื้อโจ๊กเค้าต่างกับบ้านเราจะเป็นแนวครีมๆหน่อยแต่อร่อยตั้งแต่โจ๊กเปล่าๆแล้ว
ราคา
- ชามหมู และ เนื้อปลา 37 HKD
- ชามหัวปลา 45 HKD
- ปาท่องโก๋ 9 HKD
กินโจ๊กเสร็จแล้วก็นั่งรถไฟใต้ดินไป 1 สถานีไปยัง Tsim Sha Tsui ออก Exit B1 เราพักกันที่ Sunrise International – Boutique Hotel จองผ่าน Expedia เป็นแพคเกตคู่ตั๋วเครื่องบินได้ราคามาดีมากขนาดวันหยุดหน้าไฮแล้วก็คืนประมาณ 3,000 เอง
ทางไปจอง >> http://bit.ly/EXPHT4
. ที่พักก็จะอารมณ์แบบเหมือนเกสเฮ้าส์นิดหนึ่ง ที่เลือกเพราะเรตติ้งดีมากครับ มีแต่คนชมเรื่อง Location ว่ามันใกล้แบบใกล้โคตรๆ เจ้าของนิสัยดี ( เหตุผลที่เลือกคือเรื่องใกล้สถานีครับแม่เดินเยอะไม่ไหว )
. ก่อนเราจะเข้าพักเค้าจะเมลล์มาถามว่าเราจะมากี่โมง แต่เค้าจะมา 10 โมงเป็นต้นไป (แล้วจะถามทำไม?) ระหว่างรอสิบโมงก็เดินสำรวจย่านนี้กันเช้าๆฮ่องกงเงียบมากกกกก แต่ถ้าเจอรถแท็กซี่สีแดง และ ป้ายเยอะๆรกๆเนี้ยมาถึงฮ่องกงแล้วหล่ะ
. 10 โมงเจ้าของมาแล้วก็เช็คอินเข้าที่พักกันครับ ห้องพักก็ดีครับ สะอาดสะอ้านน่าพัก แล้วก็ใกล้สถานีจริงๆเดินประมาณ 3 ก้าวถึง ทำเลดีแบบ ดีกว่านี้คงอยู่ในสถานีแล้วหล่ะ ห้องพักดูปลอดภัยด้วยการกดรหัสเข้าแยกห้อง
. แต่ขนาดห้องพักฮ่องกงต้องทำใจ เรียกได้ว่า “หนูดิ้นตาย” เอาไว้นอนอย่างเดียวครับ ถ้าเอาไว้นอนถือว่าที่นี่สอบผ่านเลยครบทั้ง ทำเล สะอาด ปลอดภัย
ตะลุยไหว้พระ
. นอนพักเอาแรงสักหน่อยแล้วไปต่อ วัดที่คนไทยเรียกว่า “หวังต้าเซียน” แต่คนฮ่องกงอ่านว่า “หว่อง ไท่ ซิน” (Wong tai sin) วัดนี้เป็นวัดที่โด่งดังอันดับต้นๆ ของฮ่องกง คนไหนมาฮ่องกงแล้วไม่ได้มาไหว้วัดนี้ถือว่าผิด เพราะมีความเชื่อว่าการได้มากราบไหว้ขอพรจากองค์เทพเจ้าหวังต้าเซียนจะทำให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ รวมทั้งสมความปรารถนา
การเดินทาง : MTR สายสีเขียว TKL สถานี Wong Tai Sin ทางออก B3 จากนั้นเดินผ่านห้าง Lung Cheung Plaza ออกมาแล้วเดิน อีกประมาณ 50 เมตร จะถึงวัด
วัดนางชี (Chi Lin Nunnery) กับ สวนสวย Nan Lian Garden
วัดนางชี หรือ Chi Lin Nunnery นี่สร้างในรูปแบบของราชวงศ์ถัง ซึ่งการสร้างวัดนี้จะไม่ใช้ตะปูเลย สวยงามและเงียบสงบมาก ในวัดจะมีบ่อบัว และต้นบอนไซดัดได้รูปทรงสวยงาม ข้างในวัดแต่ละห้องก็จะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ด้านใน
วิธีการเดินทาง : นั่ง MRT ต่อมาอีกสถานีมาลงสถานี Dimond Hill จากนั้นเดินออกประตู Exit C2
ด้านข้างของวัดจะเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นถ้ามีเวลาน่าไปเดินเล่นครับ
วัดกังหัน ( Che Kung Temple )
วัดกังหันนี้ไม่ได้อยู่ในแผนครับแต่เธอไปฟังคนอื่นพูดมา “วัดกังหันเป็นวัดดังต้องไปนะ” โอเคไปก็ไปต่อรถไฟมาครับอยู่ไม่ไกลกันมากฮ่องกงนั่งรถไฟไปได้ทั่วอยู่แล้วดีกว่าวนกลับเข้าเมืองแล้วออกมาใหม่
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงสถานี Che Kung Temple Station ( หรือ Tai wai station เดินออกทางด้านหลังสถานีแล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปสัก 400 เมตร )
. ก่อนกลับตรงสถานี Tai wai อีกด้านเป็นชุมชนคล้ายตลาดย่อมๆก็น่าเดินครับ ตามใจคุณนายไปเดินกัน เดินได้นิดหน่อยคุณนายเมื่อยขาครับ แล้วตรงข้ามสถานีเลยมีร้านอาหารที่ติดป้ายว่าแบบดารามากินเยอะแยะเลย ก็เลยจัดซะหน่อย
. สั่งไป 5 เมนูแต่ที่แนะนำให้กินแค่ 2 เมนูนี้ครับ ขนมจีบกุ้ง กับ ซาลาเปาหมูแดง อร่อยมากๆ ส่วนฮะเก๋านึ่งแป้งเละไปหน่อย
. จากนั้นนั่งรถไฟสายสีฟ้าอ่อนสีเดียวครับยิงยาวจาก สถานี Tai wai มายังสถานี East Tsim Sha Tsui ออกจากสถานีเดินไปยัง Avenue star เพื่อรอชม The Symphony of Lights การแสดงโชว์แสงสีเสียงกลางแจ้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแบบฟรีๆกันได้เลย
. ตอนนี้ Avenue star ปิดปรับปรุงแต่ทางด้านขวาก็จะเป็นทางเดินเลียบแม่น้ำ รอชม The Symphony of Lights ตอน 2 ทุ่มได้ตลอดทางเลยครับ ทริปนี้ตามที่บอกว่าไม่ได้หยิบกล้องใหญ่มายืม Canon EOS M3 มาใช้ เที่ยวกับแม่จะได้ไม่ต้องแบกกล้องหนักๆเป็นภาระ ตอนแรกไม่คาดหวังไรมากแต่ใช้แล้วก็ชอบนะ เป็นกล้องตัวเล็กใช้งานง่าย เมนูปรับได้เยอะคล้ายกล้องโปร และคุณภาพไม่เล็กตามตัว ถ่ายออกมาได้ตามใจคิดเลย
( เริ่มยิงไฟกันประมาณ 20:00 – 20:15 ครับควรมาก่อนสัก 30 นาทีเพื่อจับจองพื้นที่ดีๆ )
Day2 : ไหว้พระใหญ่ กินห่านย่าง ดูวิวมุมสูง The peak
. เช้านี้พาไปไหว้พระใหญ่กัน ให้นั่ง MTR สายสีส้ม ไปลงที่สถานี Tung Chung ทางออก B เดินมานิดเดียวก็ถึงทางขึ้นกระเช้าแล้วครับ วันธรรมดาเปิด 10 โมง เสาร์อาทิตย์เปิด 9 โมง ถ้ามาสายแดดจะร้อนคิวก็ยาวมาก ให้มาตั้งแต่เช้าเลยคือถ้ามาสายคิวรอ 2 ชม.นะครับเดียวจะหาว่าไม่เตือน หรือ ถ้าให้แนะนำควรจองออนไลน์มาครับ จะได้เดินปลิวไปได้เลย จองได้ที่เว็บนี้นะ http://www.np360.com.hk/en/cable-car/
บันไดมีภาษาไทยด้วยนะ แต่ไม่เดินหรอกขึ้นบันไดเลื่อนดีกว่า
กระเช้านั่งเพลินวิวสวยครับ นั่งชมวิวสนุกเลย
นั่งกระเช้าประมาณ 30 นาทีข้ามเขา 3-4 ลูกเพลินๆก็มาถึงครับครับ ถึงแล้วมองขวาไปเห็นพระใหญ่อยู่ลิบๆ
บันไดประมาณ 370 ขั้นมั้งครับ ตอนแรกก็กังวลอยู่ว่าแม่จะขึ้นไหวไหม เพราะขาไม่ดีแล้ว
ใจสู้ซะอย่าง ฉันไหว ด้วยแรงศรัทธาและแรงลูกดึง ^^
วิวด้านบนจะมองเห็นวัด เดียวเราลงไปไปแวะกัน
ณ จุดนี้เค้าบอกว่าเป็นจุดที่สวรรค์บรรจบกับโลกมนุษย์ ไหว้พระกัน
นั่งกระเช้าลงมาย้อนทางเดิมครับอีกสัก 30 นาทีก็จะมาถึง เดินไป 5 นาทีก็เจอห้างดังยอดนิยมทัวร์ไทย City gate outlet เราไปเล่นกันหน่อยแต่ไม่ได้ซื้ออะไร ผมว่าของไม่ถูกเท่าไหรนะห้างนี้ ถูกเป็นบางอย่าง แต่เห็นแก๊งคนไทยซื้อ Giordano เยอะยั่งกับแจกฟรีแหนะ ก็ลองไปชมกันดู
เที่ยงแล้วไปหาของอร่อยกินต่อ อยากพาแม่มาทานร้านห่านที่ได้ มิชิลิน ตรงสถานี Central นั่ง MRT ต่อมาเลยครับ
พิกัด : MRT central ออก Exit D2 เดินมาตรงจุดสีน้ำเงิน
เห็นด้าน Coach เดินตรงไปเลี้ยวขวา เดินไปสักครึ่งซอยเจอหน้าร้านแบบนี้มาไม่ผิดแน่ ยืนต่อคิวกันสักพักครับคนมากินเยอะ
สั่งมาแบบจัดเต็มครับอยากให้ทานคงไม่ได้มาบ่อยๆ
- ห่านย่าง1/4 ตัว + น่อง 1 จาน
- หมูแดง+หมูกรอบ 1 จาน
- บะหมี่ คนละจาน
. เอาแบบไม่ต้องอวยนะ ผมว่าเค้าย่างได้ดีครับ แต่วันนี้ “เค็มมาก” ทั้งห่านและบะหมี่เลย (ซึ่งรอบที่แล้วห่านมันไป แต่รสโอเค) หมูแดงหมูกรอบอร่อยครับ ผมว่าร้านนี้ขายดีเกินจนควบคุมคุณภาพไม่อยู่ ใครจะมาชิมอาจจะต้องเสี่ยงดวงกันหน่อย มื้อนี้หมดไปประมาณ 1,600 บาทไทยครับ แพงมากกก แต่ร้านดังก็ต้องมาลองซะหน่อยให้ได้รู้ว่าเป็นยังไง
. กินอิ่มแล้วไปเดินเล่นต่อครับ ตอนแรกว่าจะพานั่งรถรางไป Cause way bay ย่านไฮโซ แต่พอรถผ่านย่าน สถานี Wan chai มีคนขายของเยอะแม่อยากลงก็ตามใจครับ ลงก็ลง มาลองเที่ยวย่านใหม่ๆบ้าง
ตรงนี้ก็จะอารมณ์คล้ายตลาดนัด เยาวราช สำเพ็ง มีของขายเยอะครับ เสื้อผ้าแบบตลาดนัด มีของสดขายเยอะแยะ เป็นย่านไม่หรู ก็น่าเดินอยู่นะ
. เดินเล่นพอได้เวลาก็นั่งรถรางกลับไปสถานี Central เราจะนั่งรถบัสสาย 15 ไป The peak กันอันนี้ตอบสนองความอยากลูกบ้าง อยากไปถ่ายรูปมุมที่เห็นฮ่องกงทั้งเมืองมานานแล้วครับ
วิธีการเดินทาง :
- นั่ง Tram ไป ราคาแพงและคิวนาน แต่ก็เท่ดีคนนิยม (สถานีCentral เดินไป400 เมตรหาป้าย Peak tram)
- นั่งรถบัสสาย 15 จากสถานี Central เดินข้ามถนนไปตรงตึก Exchange ลงมาชั้นล่างจะมีท่ารถบัส แค่ 10 HKD ถึงเลย
( เดินผ่านสวนสวยๆแบบนี้พอถึงตึกทางขวาแล้วลงไปชั้นล่าง )
พอลงรถบัสเดินเข้าห้าง The peak Gallery เลยครับแล้วเดินมาตรง Observatory deck ชมฟรี วิวข้างบนสวยมากไม่ควรพลาดอย่างยิ่งครับ
. ค่ำแล้วกลับห้องพักกันดีกว่า คืนนี้ขอส่งภาพจากกล้องผ่าน Wifi เข้ามือถืออัพเฟซหน่อย กล้องเดียวนี้ใช้ง่ายหน้าจอเป็น touch screen กดๆจิ้มๆได้เหมือนมือถือเลย
Day 3 : ตะลุยมาเก๊า
. ให้ข้อมูลก่อน ท่าเรือที่จะไปจะข้ามไปมาเก๊ามี 2 ที่ถ้าพักแถวจิมซาจุ่ย ไม่ต้องข้ามไปขึ้นสถานี Central ขึ้นตรงนี้ได้เลยครับ หรือถ้าใครพักฝั่งฮ่องกง ก็ไปขึ้นที่สถานี Central นะครับ ใกล้อันไหนไปอันนั้น
เรือจะมี 2 เจ้า
- Turbo Jet เรือลำใหญ่ แต่มักจะเต็มไวถ้าไม่ไปจองไว้ก่อนอาจจะต้องรอนาน
- Cotai Jet เรือเล็กกว่า นั่งสบายน้อยกว่านิด แต่ไม่ค่อยเต็ม
ทั้งสองอันราคาพอๆกันครับประมาณ 153-173 HKD ต่อเที่ยว ขาไปผมนั่ง Cotai Jet เพราะขี้เกียจรอ Turbo คิวถัดไปอีกตั้ง 2 ชม.
เมื่อมาถึงท่าเรือมาเก๊า ออกจากตม. มาได้ก็จะเจอ shuttle bus ของคาซิโนทั้งหลายเยอะแยะเลยครับเราเลือกจะไป The Venetian ก่อนเลย
The venetian นี่จำลอง (ลอก) มาจากเมืองเวนิส ประเทศอิตาลีครับ บรรยากาศข้างในสวยมากเลยหล่ะ ท้องฟ้าก็เป็นฟ้าจำลองสว่างตลอดเวลา
เดินเล่นนิดหน่อยแล้วมาต่อคิว ซื้อทาร์ตไข่ ชื่อดังร้าน Lord stow สุดอร่อยชิ้นละ 10 HKD ( เอาเงินฮ่องกงไปใช้มาเก๊าได้เลย )
ออกจาก The venetian แค่เดินข้ามถนนไปก็จะเป็น City of dream อีกหนึ่งคาซิโนชื่อดัง ในนี้ก็จะมีร้านให้ช็อปปิ้งเยอะ เดินเล่นได้เพลินๆ
จาก City of dream นั่งรถบัสฟรีของที่นี่ไปยัง Macao tower จากนั้นต่อแท็กซี่ไปวัด A-ma วัดเก่าแก่ชื่อดังของที่นี่กันครับ ( ประมาณ 20 HKD )
หมายเหตุ : ที่ Macao tower ก็มีอะไรน่าเดินเช่น Toys”R”Us หรือมีพวก bungy jump แต่เราเดินเล่นนิดหน่อยแล้วไปต่อ
วัดอาม่า หรือ ศาลเจ้าแม่ทับทิม ตั้งอยู่บริเวณเขาบาร์ร่า สร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายให้กับอาม่า องค์เทพธิดาแห่งท้องทะเล ภายในมีศาลเจ้า และก้อนหินขนาดใหญ่ ซึ่งแกะสลักเป็นรูปเรือสำเภาโบราณ เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าบริเวณนี้คือจุดแรก ที่เจ้าแม่อาม่าย่างเท้าก้าวขึ้นสู่ผืนดินมาเก๊า
จากวัด A-ma นั่งรถบัสสาย 18 ไป Senado square ถ้าเห็นคนเยอะๆก็เริ่มลงได้แล้วครับ ( จริงๆมีหลายสายนะ )
ตรงจุดนี้เป็นจุดที่ผมชอบสุดในมาเก๊าเลยครับจะมีร้านขายของเยอะแยะ ทั้งขนมทั้งอาหารก็เยอะ ร้านให้ช็อปก็แยะเดินได้หลายชั่วโมงเลยหล่ะ
หมายเหตุ : ถ้าดูจากรูปจะเห็น Hotel Grand Lisboa อยู่ลิปๆถ้ามาจากท่าเรือนั่งรถฟรีของโรงแรมมาแล้วเดินต่อมาก็ได้เช่นกันครับ
เดินไปเดินมาผิดทางมาโผล่ Saint Dominic’s Church (ถ้าไม่ผิดนะ) ก็สวยดี ศิลปะแบบยุโรปเลย
เดินจับทิศใหม่ครับหาป้ายที่เขียนว่าไป Ruins of St. Paul’s
ถ้าเริ่มได้ชิมหมูแผ่นตลอดทาง แปลว่ามาถูกแล้วหล่ะ ชิมทั้งหมูแผ่นทั้งคุกกี้ อิ่มๆฟรีๆฟินๆกันเลย
เห็นแล้วครับ Ruins of St. Paul’s เดิมเป็นโบสถ์คาทอลิกที่สำคัญในมาเก๊า ซึ่งถูกเพลิงไหม้และพายุไต้ฝุ่นถล่มในช่วงปี ค.ศ. 1835 จนเหลือเพียงซากประตูโบสถ์ มีแค่ประตูโบถส์จริงๆเหมือนสร้างมาหลอกเป็นฉากในหนังเลย
ตรงนี้เห็นคนอื่นถ่าย Selfie กันเยอะ หน้าจอ Canon EOS M3 พับกลับมาถ่ายตัวเองได้เลยขอชักภาพตัวเองสักรูปไว้เป็นที่ระทึกซะหน่อย
ก่อนเรียกแท็กซี่ไปโรงแรมเจอร้านข้าวหน้าเป็ดอร่อย เลยมาบอกพิกัดกันอยู่ใกล้ Senado square หาใน google ได้เลยชื่อ Chan Kong Kei Roast Duck อร่อยโคตรรรรร อร่อยกว่าร้านมิชิลินเมื่อวานตั้งเยอะถูกด้วยครับ
เป็ดเป็นชิ้น ข้าวเยอะ หอมพริกไทย น่าจะสัก 40 HKD นะ
ในมาเก๊าเราพักกันที่ Grand Lapa , Macau เป็นโรงแรมหรูเลยหล่ะครับ จองเป็นแพคเกตได้ดีลผ่าน Expedia มาได้ 3,000 เท่านั้นเอง โรงแรมนี้ดีทีเดียวครับ แต่อาจจะเดินทางมายากหน่อย แต่เค้ามี shuttle bus รับส่งจากท่าเรือนะ
ตอนนี้ทาง Expedia เค้าก็มีโปรแกรมสะสมแต้มสำหรับสมาชิกแล้วด้วย เวลาเราจองที่พักจองตั๋วเครื่องบินผ่าน expedia เราก็จะได้แต้มไปเรื่อยๆเอาไว้แลกที่พักฟรีในอนาคตได้คล้ายแต้มบัตรเครดิตหน่ะแหละ อ่านต่อ >> คลิก <<
Day 4 : มาเก๊า – ฮ่องกง – กรุงเทพ
. เช้านี้ก่อนกลับจากมาเก๊าเราจะไปไหว้พระวัดที่เก่าแก่ที่สุดของมาเก๊ากันชื่อวัด Kun Iam Temple เรียกแท็กซี่จากโรงแรมไปเลยครับประมาณ 40 HKD หรือ 200 บาท หรือนั่งบัสได้ที่สาย 6, 12, 17, 18, 19, 22, 23, 28C
. วัดนี้เป็นวัดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า มีอายุกว่า 600 ปี สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 นอกจากนั้นแล้วยังเป็นสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์การเมือง มีโต๊ะหินที่ใช้เป็นสถานที่ลงนามในสนธิสัญญาทางมิตรภาพระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีน เมื่อปีค.ศ.1844 อีกด้วย
แม่สังเกตเห็นคนหิ้วถุงอะไรมาคล้ายมาจากตลาด ก็เลยถามๆเค้ามีตลาดจริงๆด้วย เป็นตลาดคนมาเก๊าแท้ๆเลยน่ามาเดินมากๆ เดินจากวัดไม่ไกลครับพิกัดแถวๆนี้ 22.202875, 113.545893
หมูกรอบ หมูหัน ร้านนี้อร่อยมากๆ วิธีสั่งก็ใช้วิธีนิ้วชี้เช่นเคยครับได้ทาน
จากหน้าวัด เราก็นั่งรถบัสสาย 23 ( นั่งบัสได้ที่สาย 6, 12, 17, 18, 19, 22, 23, 28C ) กลับไปท่าเรือนั่งกลับไปฮ่องกงครับ
รอบนี้เรานั่งของฝั่ง Turbo jet มั่ง ผมว่าดีกว่า Cotai jet นะเรือใหญ่กว่าและที่นั่งก็ดูใหม่กว่าด้วย
กิน กิน
พอข้ามกลับมาฝั่งฮ่องกงแล้วก็ไปทานติมซำ ที่อยากแนะนำเพราะทั้งอร่อยและไม่แพงชื่อว่า Tao Heung Restaurant
พิกัด : 22.296212,114.173685 , เดินออกจากใต้ดิน Tsim Sha Tsui ทางออก N5 เดินตรงมาพอเจอห้าง K11 ให้เลี้ยวขวาเข้าไปจนสุดซอยเลยครับร้านใหญ่ๆอยู่ทางขวามือบรรยากาศในร้านใหญ่โตเลย
มีเมนูแบบภาพให้ครับไม่ต้องกังวลไป อร่อยทุกเมนูครับ โดยเฉพาะ ฮะเก๋า กับ ที่เป็นคล้ายข้าวเกรียบห่อกุ้ง ( ร้านนี้เรามากินซ้ำ 2 รอบเชียว )
ค่าเสียหายไม่แพงครับประมาณ 110-120 HKD ต่อสองคน
ช็อป ช็อป
. วันสุดท้ายแล้วครับก็มาช็อปพวกเครื่องสำอางค์กลับไทยกัน ร้านหลักก็เป็นร้าน SASA กับร้าน BONJOUR สองร้านนี้ถูกกว่าไปซื้อในสนามบินเยอะครับ HK เป็น Duty free อยู่แล้วเครื่องสำอางค์จะค่อนข้างถูกกว่าที่ขายในไทยพอสมควรเลย ( แต่ละสาขาของมีไม่เท่ากันเดินหาหลายๆร้าน ในย่านจิมซาจุ่ยมีเยอะครับเดินไปนิดๆก็เจอ )
ช็อปย่าน Tsim tsa tsui เสร็จแล้วก็นั่งใต้ดินต่อพามาเดินย่าน Cause way bay ย่านนี้เป็นย่านที่ผมชอบมากๆเป็นย่านวัยรุ่น วัยทำงานมาเดินเล่นกัน มีทั้งของแพง และ ของแพงมาก ( ฮ่องกงของจะแพงไปไหน 555 ) แต่น่าเดินครับห้างตรงนี้อย่างเยอะเดินเพลินๆคล้าย ชิบูย่า ของญี่ปุ่นนะ
. 6 โมงครึ่งถึงเวลาที่ต้องไปสนามบินแล้ว เรานั่ง MRT ย้อนกลับไปยังสถานี Central ครับแล้วเดินต่อไปยัง Airport Express ราคาบัตรไปสนามบินถ้าซื้อหลายคนจะถูกกว่าครับ ก็จะมีตั๋ว 2 คน ตั๋ว 4 คน เรามาสองคนจะได้ราคา 160 HKD ( จากราคาใบละ 100 )
บรรยากาศในรถไฟไฮโซอลังการมาก นั่งเพียง 24 นาทีเท่านั้นเองถึงสนามบินแล้ว
ถึงสนามบินอย่างรวดเร็ว เดินไปเช็คอินจากนั้นเราก็บินกลับไทยอย่างปลอดภัยและเต็มไปด้วยรอยยิ้มในความทรงจำ 🙂
มาพูดคุยกับชิล มนุษย์เงินเดือนที่ฝันจะไปรอบโลกได้ที่ช่องทางนี้เลย
Facebook : http://www.fb.com/ChillJourney
Instagram : @ChillJourneyTH
Instragram :@ChillJourneyTHติดตามการเดินทางของชิวตามไปที่ ::
Facebook Page : Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Youtube : ChillJourney
Blog แนะนำเคล็ดลับการจองที่พัก อ่านเถอะจะได้ไม่พลาดอีก!