ใครเป็นคนชอบท่องเที่ยวสไตล์ธรรมชาติ ชอบเดินป่า ใกล้ชิดธรรมชาติ สูดออกซิเจนให้ฉ่ำปอด พักสไตล์แคมป์ปิ้ง การจะไปเที่ยวแคมป์ปิ้งนั้น ก็จะต้องจัดเตรียมอุปกรณ์เดินป่าให้พร้อมก่อนออกเดินทาง และอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับคนที่หลงใหลในการเดินป่านั่นก็คือ “เต็นท์” ซึ่งการเที่ยวสไตล์ธรรมชาติได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้เต็นท์มีให้เลือกหลายยี่ห้อ หลายรูปแตกต่างกันไป จนทำให้คนซื้ออย่างเราเกิดสับสัน เลือกซื้อเต็นท์ไม่ถูกว่าจะเอาแบบไหนดีที่เหมาะกับสไตล์ของตัวเอง และวันนี้เราขอเอาใจสายเดินป่ากันหน่อย ด้วยการแนะนำวิธีการเลือกซื้อเต็นท์อย่างไรให้ได้เต็นท์ที่ดีและเหมาะกับตัวเองมากที่สุด
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเต็นท์
ก่อนจะไปเลือกซื้อเต็นท์แบบไหนดีที่เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ของเรานั้น คุณก็ควรที่จะมีความรู้พื้นฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับเต็นท์สักหน่อย ซึ่งเต็นท์เป็นอุปกรณ์ในการอยู่อาศัยชั่วคราว (Temporary Shelter) มีลักษณะเหมือนกระโจม ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย สามารถติดตั้ง รื้อถอนเคลื่อนย้ายได้สะดวก เหมาะสำหรับการเดินทางหรือเดินป่า ส่วนใหญ่แล้วเต็นท์ทำมาจากผ้าใยสังเคราะห์หรือผ้าดิบ สามารถช่วยป้องกันจากฝน ลม แดด และหิมะได้ โดยส่วนประกอบของเต็นท์จะมี ดังนี้ ตัวโครงสร้าง (Pole) เต็นท์ภายใน (Canopy or inner tent) ผ้าคลุมด้านบน (Rain or fly sheet) ผ้าปูพื้น (Ground sheet) หมุด (Stake หรือ Peg) และเชือกขึง (Guyout หรือ Guyline) ซึ่งส่วนประกอบหลัก ๆ ของเต็นท์ก็จะประมาณนี้ ไม่ว่าจะเป็นเต็นท์ราคาแพงหรือถูก หรือว่าจะเป็นของแบรนด์ชั้นนำอย่าง เต็นท์ Quechua, เต็นท์ Karana, เต็นท์ Nordisk, เต็นท์ Naturehike เป็นต้น ล้วนก็ต้องมีส่วนประกอบหลักเหมือนกันทั้งนั้น
5 วิธีการเลือกซื้อเต็นท์ สำหรับมือใหม่ ที่ควรต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ
เมื่อได้รู้จักข้อมูลเบื้องต้นของเต็นท์กันไปบ้างแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องไปเลือกซื้อเต็นท์มาไว้ใช้ออกทริปเที่ยว ชวนครอบครัว นัดเพื่อนไปเที่ยว ว่าแต่การจะเลือกซื้อเต็นท์สักหลังนั้น ต้องมีวิธีการเลือกอย่างไรเพื่อให้ตรงกับความต้องการ สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเราได้ ลองมาดูกันสิมีอะไรบ้างที่ต้องพิจารณาก่อนที่จะควักเงินซื้อเต็นท์ มาดูกัน
1.เลือกประเภทเต็นท์ให้เหมาะกับทริปเที่ยว
สิ่งแรกที่จะต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ ต้องเลือกประเภทของเต็นท์ที่ให้เข้ากับทริป ซึ่งเต็นท์มีให้เลือกหลายประเภท มีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เต็นท์สามารถแบ่งประเภทออกได้มากถึง 9 ประเภท ได้แก่
- เต็นท์โดม (Dome Tent) นิยมใช้กันมากเป็นอันดับต้น ๆ น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ติดตั้งง่าย แถมยังได้พื้นที่ใช้สอยเยอะ กางโดยไม่ต้องใช้สมอบก ใช้เพียงแค่เสาเต็นท์ 2 เสาต่อไขว้กันประกอบขึ้นเป็นทรงโดม ฐานจะเป็นสี่เหลี่ยม มีให้เลือกหลายรุ่น หลายขนาดตามจำนวนคน
- เต็นท์ป๊อปอัพ (Pop-up Tent) หรือที่หลายคนเรียกกันว้า เต็นท์สปริง เหมาะสำหรับมือใหม่มาก ๆ หรือใครที่อยากเที่ยวแบบชิล ๆ ไม่ต้องเหนื่อยกับกางเต็นท์ เพียงแค่ดึงออกมาจากกระเป๋า เต็นท์ก็จะกางให้พร้อมนอนได้ทันที ใช้งานเสร็จก็แค่พับใส่กระเป๋า น้ำหนักเบา พกพาได้ง่าย แต่ข้อเสียก็มีตรงที่ไม่ค่อยแข็งแรง ถ้าเกิดลมแรง ๆ อาจทำให้เต็นท์พังได้
- เต็นท์อุโมงค์ (Tunnel Tent) มีลักษณะรูปทรงยาวลึกคล้ายอุโมงค์ นอนยืดแข้งยืดขาได้เต็มที่ ทำให้รู้สึกนอนสบาย ยังมีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้างมาก ทำให้นอนด้วยกันได้หลายคนได้สบาย ไม่ต้องนอนเบียดกันให้อึดอัด หรือใครมีสัมภาระเยอะก็ไม่ต้องหวั่น สามารถจัดวางไว้ในเต็นท์ได้สบาย แม้ว่าเต็นท์จะกว้างใหญ่นอนสบาย แต่ก็ต้องแลกมากับความเหนื่อยในการกางเต็นท์ ต้องช่วยกันหลายคน ติดตั้งยากกว่าจะเสร็จเรียกเหงื่อได้ดีเลยล่ะ
- เต็นท์สามเหลี่ยม (Ridge Tent) หรือ เต็นท์ทรงมาตรฐาน เมื่อก่อนจะพบเห็นกันบ่อยมาก ๆ เดี๋ยวนี้อาจหาซื้อได้ยากด้วยความนิยมที่ค่อย ๆ ลดลง ซึ่งเต็นท์ประเภทนี้จะมีรูปทรงสี่เหลี่ยม ติดตั้งง่าย โดยมีเสาค้ำยันอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง พักได้ประมาณ 2 คน มีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างน้อย แถมมีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ
- เต็นท์แบบเคบิน (Cabin Tent) เต็นท์ขนาดใหญ่เหมาะสำหรับครอบครัว สามารถพักด้วยกันได้มากถึง 10 คน พื้นที่ใช้สอยด้านในกว้างขว้าง เหมือนกับห้องนอนใหญ่ ๆ หนึ่งห้อง มีเพดานมีความสูงมากในระดับที่คนยืนได้ สะดวกสบายในการนอนพักอย่างมาก และเต็นท์ยังมีโครงสร้างที่แข็งแรง ทำให้กันแดด กันลม กันฝนได้ดี แต่อาจจะไม่สะดวกการเคลื่อนย้ายบ่อย ๆ ด้วยที่มีน้ำหนักมาก และการติดตั้งค่อนข้างยุ่งยากมีความซับซ้อน จึงต้องใช้เวลาในการติดตั้ง
- เต็นท์พีระมิด (Pyramid Tent) เหมาะสำหรับการเที่ยวออกทริปไปเดินป่า ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก กางเต็นท์ง่ายใช้แค่เสาอลูมิเนียมวางไว้กึ่งกลาง แล้วตอกสมอเพื่อยึด และก็ให้ดึงเชือกในการกางเต็นท์ มีความทนทานค่อนข้างสูง แม้สภาพอากาศแย่แค่ไหนเต็นท์พีระมิดเอาอยู่ได้หมด
- เต็นท์สูบลม (Inflatable Tent) หมดปัญหายุ่งยากเสียเวลาไปกับการกางเต็นท์ ไม่ต้องใช้เสา ใช้แค่เครื่องสูบลมก็สร้างเต็นท์นอนให้กับคุณได้ เหมาะมากสำหรับสายแคมป์ปิ้งมือใหม่ หรือสายเที่ยวแบบชิล ๆ และแน่นอนเมื่อมีความสะดวกสบายขนาดนี้ ไม่ยุ่งยากในการติดตั้ง แต่ก็ต้องแลกมากับนักหนักของเต็นท์ที่หนักมาก แล้วไหนจะต้องพกเครื่องสูบลมไปด้วยอีก จึงเหมาะสำหรับคนที่มีรถยนต์
- เต็นท์กระโจม (Bell Tent) เต็นท์ประเภทนี้จะมีลักษณะโดดเด่นมาก ๆ ส่วนบนของยอดจะแหลม ๆ คล้ายกับกระโจมของพวกอินเดียแดง ติดตั้งง่าย ใช้เสาตรงกลางแค่เพียงต้นเดียว แล้วก็ให้นำผ้าเต็นท์มาคลุม ยึดปลายผ้าด้วยสมอบกเพื่อให้แข็งแรง ส่วนใหญ่เต็นท์จะทำด้วยผ้าแคนวาส (Canvas) ทำให้สามารถควบคุมอุณหภูมิในเต็นท์ได้เป็นอย่างดี กันหนาวได้ดี แต่จะไม่สามารถกันฝนได้ เพราะน้ำอาจเข้าเต็นท์ได้ จึงเหมาะในช่วงฤดูหนาวมากกว่า
- เต็นท์หลายห้อง (Multi room Tent) ใครต้องการเต็นท์ขนาดใหญ่ ๆ มีพื้นที่ใช้สอยกว้างกว่าเต็นท์แบบเคบินล่ะก็ แนะนำให้เลือกเป็นเต็นท์หลายห้อง ซึ่งเป็นเต็นท์ที่มีขนาดใหญ่ พื้นที่เยอะ พักด้วยกันได้หลายคน เหมาะสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน ภายในเต็นท์ก็จะแยกเป็นสัดส่วนห้องใครห้องมัน ความสูงก็ใช้ได้ ทำให้ใช้งานได้สะดวกสบาย แต่ก็ต้องแลกมากับน้ำหนักของเต็นท์ และต้องใช้เวลาในการกางเต็นท์ที่นานหน่อย ต้องช่วยกันหลายคนเพราะด้วยขนาดของเต็นท์ที่ใหญ่นั่นเอง
2.ขนาดความกว้างใหญ่ของเต็นท์
ขนาดของเต็นท์ก็สำคัญต่อการตัดสินใจเลือกซื้อ แนะนำให้เลือกเต็นท์ที่มีขนาดเหมาะพอดีกับจำนวนคนที่จะนอนพักด้วยกัน เนื่องจากขนาดของเต็นท์นั้นมีผลต่ออะไรหลายอย่างเช่น น้ำหนักยิ่งเต็นท์ที่มีขนาดใหญ่จะมีน้ำหนักมาก ต้องคำนึกด้วยความในการเดินทางนั้น คุณไม่ได้แบกแค่เต็นท์อย่างเดียว ยังต้องมีสัมภาระอย่างอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็น ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว อาหาร เครื่องดื่ม กระบอกน้ำ รวมไปถึงถุงนอน ฉะนั้นจะต้องบวกน้ำหนักของเต็นท์เข้าไปด้วย
3.เต็นท์ที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้ดี
ส่วนใหญ่สายเที่ยวแคมป์ปิ้ง ชอบไปเที่ยวเดินป่าในช่วงซัมเมอร์ ที่มีอากาศหนาวเย็น ไปกางเต็นท์นอนตามยอดดอย ท่ามกลางป่าธรรมชาติ และในหน้าหนาวของเมืองไทยในช่วงเวลากลางคืนนั้น ก็มักจะมีน้ำค้างตกลงมาใส่เต็นท์ และถ้าเต็นท์กันน้ำไม่ได้ก็จะไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิภายในเต็นท์ได้ ตื่นเช้ามาคุณอาจจะเป็นหวัดก็ได้ หรืออาจจะเกิดฝนตกในระหว่างการนอนพักผ่อนในเต็นท์ ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดแนะนำให้เลือกเต็นท์ที่กันน้ำได้ดี
4.เต็นท์ที่การะบายอากาศได้ดี
คุณสมบัติของเต็นท์ที่ดีคือจะต้องสามารถระบายอากาศได้ดี ต้องคำนึงว่าคุณจะต้องนอนอาศัยอยู่ภายในเต็นท์ตลอดทั้งคืน หากไม่สามารถระบายอากาศได้ หรือมีกลิ่นเหม็นอับก็อาจจะทำให้เสียบรรยากาศในการพักผ่อนก็ได้ หรือเวลานอนอาจทำให้หายใจไม่สะดวก ฉะนั้นแนะนะให้เลือกเต็นท์ที่ระบายอากาศได้ดี เช่น มีหน้าต่างให้สามารถเปิดปิดได้ ช่วยให้อากาศภายในเต็นท์ถ่ายเทไหลเวียนได้อย่างสะดวก ช่วยลดกลิ่นอับ และลดความชื้นภายในเต็นท์ได้อีกด้วย
5.ลักษณะเนื้อผ้าของเต็นท์
นอกจากจะต้องใส่ใจเลือกประเภทเต็นท์ ขนาด คุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ ของเต็นท์แล้ว การเลือกลักษณะเนื้อผ้าของเต็นท์ก็สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าหากเลือกผ้าที่บางจนเกินไป มีลักษณะโปร่งแสง ด้วยความเชื่อว่าจะช่วยให้ระบายอากาศได้ดี พอไปใช้งานจริงอาจจะไม่สะดวก ด้วยความบางและโปร่งแสงของเต็นท์ จึงทำให้คนจากด้านนอกมองเห็นคุณได้ชัดเจน หรือมีแสงแดดส่องมายังตัวเต็นท์ทำให้นอนได้ไม่เต็มที่ แนะนำให้เลือกเต็นท์ที่มีใช้วัสดุทึบแสง สามารถกันแดด กันลม และกันฝนได้ดี ลักษณะเนื้อผ้ามีความหยืดหยุ่น แข็งแรง ทนทานในการใช้งานได้ดี และถ้าจะให้ดีอาจเลือกเต็นท์ที่ใช้เทคโนโลยี Blackout จะช่วยบดบังแสงแดดยามเช้าได้ดี และช่วยลดอุณหภูมิตอนกลางคืนได้ดีอีกด้วย
พออ่านจบปุ๊บ! เชื่อว่าทุกคนน่าจะไปเลือกซื้อเต็นท์ที่เหมาะสมกับตัวเองกันได้ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีเต็นท์ให้เลือกหลายประเภท ราคาก็มีให้เลือกหลายระดับตั้งแต่รุ่นที่ถูกไปจนถึงรุ่นที่แพง สามารถเลือกซื้อตามความชอบของแต่ละคนกันได้เลย และสำหรับใครที่วางแพลนซัมเมอร์นี้จะจัดทริปออกเที่ยวเดินป่า ชมธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ สัมผัสอากาศเย็นสบาย อย่าลืม จัดเตรียมอุปกรณ์เดินป่าที่จำเป็นให้พร้อมก่อนออกเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น เต็นท์นอน ถุงนอน กระเป๋าเดินป่าแนะนำให้เลือกเป็นกระเป๋ากันน้ำได้ รองเท้าเดินป่า ไม้เท้าเดินป่า พาวเวอร์แบงค์ เปลญวนหรือเปลเดินป่า ไฟฉายหรืออุปกรณ์อะไรก็ได้ที่ให้แสงสว่างได้ และอย่าลืมพกสเปรย์กันยุงไปด้วย และยังมีอุปกรณ์จำเป็นอื่น ๆ อีกมากมาย ยังไงก่อนออกเดินทางแนะนำให้สำรวจข้าวของเครื่องใช้ให้พร้อมกันด้วยน้า
Shopee 2.2 Cashback Sale คืน คอยน์ คุ้ม ช้อปรับเงินคืนสุดคุ้มค่าไปกับขบวนสินค้าจากแบรนด์ดังมากมาย พบกับโปรโมชั่นโค้ดรับเงินคืน 15% สินค้าลดราคาพิเศษ Flash Sale 9.- พร้อมให้คุณมาเก็บโค้ดส่งฟรี* ขั้นต่ำ 0.- เริ่มช้อปพร้อมกันได้ตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. – 1 ก.พ. นี้เท่านั้นที่ Shopee Thailand