. สวัสดีครับเพื่อนๆได้ฤกษ์ปล่อยสรุปทริปสักทีหลังจากบิ้วกันมานาน ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีธรรมชาติงดงามขั้นเทพ และอีกหนึ่งสิ่งที่ทุกคนคาดหวังคือ “การไปดูแสงเหนือ” ผมใช้เวลาวาดฝันทริปนี้ไว้มากกว่าสองปีนับตั้งแต่รู้จักประเทศนี้ครั้งแรก บล็อคนี้ผมจะมาสรุปสิ่งที่ควรรู้และแผนการเดินทางคร่าวๆเผื่อใครจะเอาไปเป็นแนวทางครับ
เที่ยวไอซ์แลนด์ช่วงเดือนไหนดี
จริงๆแล้วไอซ์แลนด์สามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาล แต่ให้ผมแนะนำจะมี 2 ช่วงครับคือ
- ฤดูหนาว ( winter )
. ช่วงเดือน ธันวาคม – มีนาคม ช่วงนี้ใครบางคนอาจกลัวหนาว แต่มีคนอีกมากมายที่สู้หนาวมาเพื่อล่าแสงออโรร่า ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มา เยือนประเทศเล็กๆประเทศนี้
- ฤดูร้อน ( summer )
. มิถุนายน – สิงหาคม ช่วงเวลาซัมเมอร์นี้ถือเป็นช่วงเวลาทองของผู้คนที่นี่ ด้วยอากาศที่สบายๆ กับเดย์ไลท์ที่ยาวนาน พระอาทิตย์จะตกดินช่วงเวลาเที่ยงคืน ซัมเมอร์เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาดี ดี ที่จะได้ภาพสวยๆ เพราะดอกไม้สีสวย ใบหญ้าสีสัน สัตว์เลี้ยงตามชายทุ่ง ลาวาหญ้ามอสเขียวขจี กับแสงพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่ยาวนาน ช่วงตั้งแต่ห้าทุ่มไปจนถึง ตีสาม เป็นแวลาที่ท้องฟ้าระบายสี
เอาแบบเจาะจงไปเลยสิช่วงไหนดีสุด?
ถ้ามาล่าแสงเหนือ … แนะนำให้ไปช่วงที่กลางวันกลางคืนพอๆกันคือ เดือน ตุลาคม หรือ มีนาคม ครับสองเดือนนี้สำหรับคนที่อยากไปล่าแสงเหนือด้วยและได้เที่ยวด้วย
แต่หน้าร้อนช่วง summer ก็บรรยากาศข้างทางเขียวขจี น้ำตกมีน้ำเยอะ ก็สวยไปอีกแบบนะครับแล้วแต่เลือก (ถ้าให้ดีมาสองครั้ง)
สงกรานต์มีแสงเหนือไหม?
เอ้าหล่ะคำถามสำคัญสำหรับมนุษย์เงินเดือน เพราะไอซ์แลนด์ควรไปทั้งทริปประมาณ 2 สัปดาห์แล้วช่วงที่มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายจะไปได้ยาวๆขนาดนั้นคือ สงกรานต์ คำตอบเลยนะครับคือ ไปได้และมีโอกาสเห็นแสงเหนือ แต่ด้วยความที่คืนสั้นเพียงประมาณ 10 ชั่วโมงตัดหัวท้ายออกแปลว่า จะมืดสนิทจริงๆให้มีโอกาสล่าแสงเหนือ 6 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นอยู่ที่ดวงแล้วหล่ะครับว่าจะดวงดีได้เห็นไหมในช่วง 6 ชั่วโมงนี้ ( ซึ่งผมก็โชคดีได้เห็น )
ต้องมีประกันเดินทาง
. ประกันเดินทางสำหรับการมาไอซ์แลนด์ถือว่าสำคัญมาก เพราะ
- ไม่มีไฟล์ทบินตรงจากไทย เราจะต้องต่อเครื่อง ถ้าแผนเพี้ยนตกเครื่องขาหนึ่งอีกขาหนึ่งที่จองไว้ก็มีโอกาสพลาดและพังแบบโดมิโน่ได้
- สภาพอากาศที่เลวร้าย สภาพอากาศไอซ์แลนด์ดุจริงจัง ลมแรงขนาดพัดคนปลิวได้ เช้าฝน บ่ายแดด เย็นหิมะ อาจทำให้ป่วยได้ง่ายๆ
- ค่าครองชีพแพง ค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุใดๆก็จะแพงตามไปด้วย
- จำเป็นต้องทำ ใช่ครับถึงแม้ว่าคุณจะมองโลกแบบไม่กังวลใดๆเลย แต่ประกันเดินทางเราต้องทำอยู่ดีถ้าจะขอวีซ่าเชงเก้น
. อย่างที่เขียนไปในบล็อค ขอวีซ่าเชงเก้น ทริปนี้ผมเลือกใช้บริการประกันภัยเดินทางของ บริษัททิพยประกันภัย เพราะว่าเป็นบริษัทที่มีความน่
รถบ้าน หรือ โรงแรม
. แน่นอนครับว่าในไอซ์แลนด์คุณต้องเช่ารถขับ แต่คงสงสัยว่าจะนอนรถบ้านหรือนอนโรงแรมดี เอาแบบตามความเห็นผมคือ ควรเช่ารถบ้านครับ และไปนอนโรงบ้างทุก 3-4 วัน เพราะอะไร ก็เพราะว่าการนอนรถบ้านมันสะดวกต่อการล่าแสงเหนือมากๆ คุณขับไปจอดที่ตรงพื้นที่โล่งได้เลย ในขณะที่คนที่นอนโรงแรมต้องขับรถออกจากโรงแรมมาล่าแสง
. แต่เช่นกันถ้าจะงกนอนรถบ้านตลอดทุกวันก็คงลำบากไป(แต่ก็ได้) ให้ตัวเองได้นอนดีๆบ้าง ได้ซักผ้า ได้ล้างจาน จัดกระเป๋าไรบ้าง สัก 3-4 วันไปเช่า Apartment สักวันจัดการเสื้อผ้า จะกำลังดี
เงินทอง
เงินที่ไอซ์แลนด์ใช้สกุลเงินของเค้าเองหน่วยเป็น ISK แต่คุณไม่จำเป็นต้องแลกเงินไปสักบาทเพราะที่นี่ใช้บัตรเครดิตได้ทุกที่จริงๆ แม้กระทั่งห้องน้ำ สรุปว่าแลกเงินยูโรติดตัวไว้นิดๆหน่อยๆพอครับ แล้วเอาบัตรเครดิตไป
ค่าใช้จ่าย
ประมาณ 35,000 บาทสำหรับค่าใช้จ่ายในประเทศไอซ์แลนด์ตลอด 11 วัน ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน และ ค่าประกัน และวีซ่า
เส้นทางภาพรวม
เส้นทางขับรถรอบเกาะไอซ์แลนด์มีชื่อเรียกว่า Ring road คือขับตามถนนสายหลักหมายเลข 1 ไปจนทั่วเกาะครับ
โอเคพร้อมแล้วมาดูรายละเอียดคร่าวๆและภาพปังๆจากทริปนี้กันเถอะ
Day 1 : นั่งเครื่องจาก Bergen -> Reykjavik
- รับรถบ้าน Go camper ช็อปปิ้งตุนอาหารที่ Bónus Supermarket
- เที่ยวอุทยานแห่งชาติ Þingvallavegur
- ชมน้ำพุที่พุ่งมาจากใต้ดิน Geysir และ น้ำตก Gullfoss
Day 2 : เที่ยวน้ำตก Seljalandsfoss และ Skógafoss
Day 3 : ไปเที่ยวเมือง Vík แวะชม Mossy Lava rock ไปค้างคืนดูแสงเหนือที่ Skaftafell
Day 4 : เที่ยวน้ำตก Skaftafell แล้วไปดูวิวเทพๆที่ Jökulsárlón กับ Jökulsárlón Ice Beach
Day 5 : เดิน Glacier Walk , กิน Lobster ที่เมือง Hofn , ดู Vesturhorn Mountain
Day 6 : ขับรถยาวผ่านเมือง Breiðdalsvík ไปแวะนอนสบายๆที่ Egilsstaðir town
Day 7 : บ่อพลังงานใต้พิภพ Hverir , Myvatn lake , Dimmuborgir , น้ำตก Goðafoss จอดรถนอนเมืองน่ารัก Akureri
Day 8 : แช่น้ำร้อนที่สระว่ายน้ำเมือง Akureri , จอดถ่ายรูปหินไดโนเสาร์ (Hvitserkur)
Day 9 : Kirkjufel , næfellsnes peninsula และชมแสงเหนือ KP5
Day 10 : เที่ยวเมือง Reykjavik และบ่อน้ำร้อน Blue lagoon
Day 11 : จบทริปบินกลับ
. ผมหวังว่าทริป 11 วันกับความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติคงมีประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจแรงๆออกไปเจออะไรดีๆนะครับ 🙂
มี Trip plan ให้ดาวโหลดด้วยแต่อาจจะไม่เหมือนกับที่ไปเป้ะๆนะลองดูที่ผมเขียนในบล็อกนี้ประกอบอีกทีครับ ICELAND_2016_shared
Instragram :@ChillJourneyTHติดตามการเดินทางของชิวตามไปที่ ::
Facebook Page : Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Youtube : ChillJourney
Blog แนะนำเคล็ดลับการจองที่พัก อ่านเถอะจะได้ไม่พลาดอีก!