บ้านรักไทย ปางอุ๋ง สะพานซูตองเป้ แค่3ชื่อนี้ก็ทำให้เราตัดสินใจไปแม่ฮ่องสอนแบบไม่คิด เพราะรู้ว่ายังไงก็ฟินแน่! เราเพิ่งไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนมาแหละ ฟินมากจนอยากให้ทุกคนรีบไปตามรอย วิวหลักล้านจ่ายหลักพันของจริงก็ต้องที่นี่! สวยไม่แพ้เมืองนอกแน่นอน หลายๆคนอาจจะไม่รู้ว่า การเที่ยวป่าเที่ยวเขาในฤดูฝนเนี่ย มันสวยมากเลยนะ มองไปทางไหนก็เขียวไปหมด แล้วด้วยที่อากาศมันชื้น ก็เลยมีโอกาสเจอหมอกมากกว่าฤดูอื่นด้วย เรารู้สึกว่าแม่ฮ่องสอนสามารถให้พลังแง่บวกเราเสมอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าไหนนางก็มีหมอกมาให้เราได้เชยชมไม่ขาดสาย ขนาดทริปนี้ฝนตกแบบตกจริงจังก็ยังสวยประทับใจเลยแกร! ทริป3วัน2คืน ที่แม่ฮ่องสอนจะเป็นยังไง จะชิลล์แค่ไหน ตามเรามาสิ
Day 1
จริงๆแล้วแม่ฮ่องสอนนี่เป็นจังหวัดที่ขับรถนานเหมือนกันนะ ถ้าใครขี้เกียจขับรถ หรือมีเวลาน้อยต้องเซฟวันลา ลองเลือกบินไปถึงแม่ฮ่องสอนเลยก็ถือว่าเป็นการใช้เงินที่คุ้มค่า ไม่ต้องนั่งผ่านร้อยแปดพันโค้งให้ปวดหัว! ทริปนี้เราบินมาด้วย Bangkok Airways นะ ขึ้นเครื่องจากสุวรรณภูมิเกร๋ๆ ใช้เวลาบินไม่นาน ก็มาถึงสนามบินเชียงใหม่แล้ว เรามารอต่อเครื่องที่นี่ประมาน 2 ชั่วโมง ระหว่างนั้นก็สามารถไปพักผ่อนใน Lounge ของ Bangkok Airways ได้ มีข้าวต้มมัดให้กินเหมือนที่สุวรรณภูมิแหละ ก็กินไปชิลล์ไปเรื่อย รอประกาศแล้วก็เดินนวยนาดขึ้นเครื่องไปจ้า เราจะบินกันต่ออีกตุ๊บไปถึงแม่ฮ่องสอนเลย
จากสนามบินเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน เราจะได้บินกับเครื่องบินแบบใบพัดนะ ใครไม่เคยนั่งก็ไม่ต้องกลัวไป นิ่งเหมือนเครื่องใหญ่ปกติแหละ เรานั่งรุ่นนี้มาหลาย Route แล้ว ระหว่างทางที่บินไปแม่ฮ่องสอน ขอให้ดูวิวให้ดีๆ เราว่ายังไม่ทันถึงแม่ฮ่องสอนวิวจากบนเครื่องก็หลักล้านแล้วอะเอาจริง พอถึงแล้วค่อยไปเช่ารถจากสนามบินแม่ฮ่องสอนขับเที่ยวเอา ค่าเช่ารถมันละประมาน 1,500บาท สำหรับความสะดวกสบายที่ไม่ต้องขับรถไปแล้ว เราว่าคุ้มอยู่ (อ้อ เราได้ข่าวมาว่า ช่วง ต.ค. ปีนี้ นกแอร์จะเพิ่มเส้นทางบินจากดอนเมืองมาแม่ฮ่องสอนแล้วนะ สะดวกขึ้นไปอี๊กกกก)
เรามาถึงที่สนามบินแม่ฮ่องสอนกันประมานสี่โมงเย็น ซึ่งสนามบินที่นี่อยู่กลางตัวเมืองเลยจ้า ถ้าวันแรกใครเที่ยวในเมืองก็สบายไป แต่วันนี้เราจะไปค้างที่บ้านรักไทยกัน ก็ต้องขับรถต่อออกไปหน่อยน๊า ระหว่างทางก็มีหมอกมาเรื่อยๆเลย แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมาไง เพราะทางมันโค้งตลอด มึนเบาๆ 55 ประมานชั่วโมงนิดๆจากสนามบิน เราก็มาถึงบ้านรักไทย
ที่บ้านรักไทยนี่เป็นชุมชนคนจีนที่ย้ายมาอาศัยอยู่ในไทยกันนานแล้วแหละ บรรยากาศก็จะมีกลิ่นอายของเมืองจีนอยู่หน่อยๆ รวมถึงรีสอร์ทชื่อดังของที่นี่ “ลีไวน์รักไทย” ที่จองยากมากกก ก.ไก่ ล้านตัวไปเลย ถ้าใครอยากนอนที่นี่ก็ลองติดต่อจองล่วงหน้านานๆดู
พอเดินชมหมู่บ้านและรีสอร์ทกันจนพอใจ เราก็แนะนำว่า มากินมื้อเย็นที่ลีไวน์รักไทยนี่แหละ ไม่ต้องไปไหนไกล รสชาติใช้ได้อยู่นะ จะได้ชมบรรยากาศหมู่บ้านจากริมน้ำระหว่างกินข้าวไปด้วย
Day 2
เช้าวันที่สอง เราตื่นกันแต่เช้า เพื่อไปซึมซับบรรยากาศที่ปางอุ๋งกัน คือปางอุ๋งนี่ก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านรักไทย เดินทางประมาน 30นาทีเท่านั้นเอง ปางอุ๋งคือโครงการพระราชดำริปางตอง2 บางคนก็แบบพูดไปว่าคือสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยขนาดนั้น!
หลังจากเสพบรรยากาศที่ปางอุ๋งกันชนชุ่มปอดแล้ว พอสายๆ เราก็กลับไปที่ลีไวน์รักไทยอีกครั้งเพื่อไปกินอาหารเช้า และไปนั่งชิลที่ร้านกาแฟริมน้ำของรีสอร์ท
นั่งชิลกันจนรากงอกแล้วก็นึกได้ว่าควรจะ Check out แล้วออกไปเที่ยวต่อกันเถอะ 555
คราวนี้เราจะเริ่มเข้าไปเที่ยวในตัวเมืองกัน แต่ระหว่างทางที่จะเข้าไปในตัวเมือง ก็จะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวด้วยนะ ที่เราคิดว่าน่าสนใจก็เช่น
น้ำตกผาเสื่อ เป็นน้ำตกที่เดินไม่ไกลก็ถึง แต่ว่าด้วยความที่น้ำมันแรง เค้าเลยไม่ให้ลงเล่นน้ำนะที่นี่
จากนั้นเราก็ไปที่ร้านถั่วสายฟ้า เป็นร้านที่มีถั่วขายหลากหลายชนิด ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือถั่วลายเสือคั่ว ซึ่งเราได้ชิมตอนเค้าคั่วมาใหม่ๆ อร่อยมากกกกก ตอนที่ไปเค้ากำลังทำกันอยู่เลย ตั้งแต่คัดถั่วเลยอะ แบบนี้ไม่อร่อยก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว
คืนที่ 2 นี้เราพักที่ เฟิร์นริมธาร รีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทแนวรักธรรมชาตินะ มี gimmick ตั้งแต่ welcome drink ไปจนถึงสบู่ในห้องน้ำเลย อยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องไปลองพักดู 555 นอกจากจะ eco friendly แล้วก็ยังสวยด้วย คือดีขนาดที่ว่าาาาาา อันนี้พนักงานบอกมานะ ว่า Angelina Jolie มาที่นี่หลายรอบแล้วเพราะติดใจ ไม่รู้ว่าจริงขนาดไหน ใครมีแหล่งข่าวชัดเจนช่วย confirm ด้วยยย
นอนพักกันซักชั่วโมงพอหายเหนื่อย ก็ออกไปลุยกันต่อ หลังจากเมื่อเช้าเราไปเที่ยวธรรมชาติกันมาแล้ว ช่วงเย็นนี้เรามาเที่ยววัดในตัวเมืองกันบ้าง เริ่มจากวัดหัวเวียง วัดหัวเวียงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2406 และเป็นวัดหลังที่สองของเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งคำว่า หัวเวียง นั้นก็คือหัวเมืองนั่นเอง
ต่อกันด้วยวัดที่สอง วัดจองคำ และวัดจองกลาง สองวัดนี้อยู่ติดกันเลย ไม่มีรั้วกั้นด้วย บางทีเราก็สงสัยว่าทำไมต้องแยกเป็นสองวัด ซึ่งจุดเด่นของวัดนี้คือ หลังคาสีเขียวสดนะ
แล้วก็มาถึงวัดสุดท้ายยย และเป็นที่สุดท้ายของวันนี้ด้วย นั่นก็คือ พระธาตุดอยกองมูนั่นเอง จุดเด่นของที่นี่คืออยู่บนเขาสูง ที่สามารถมองเห็นตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้เลย
จากนั้นก็กลับที่พักไปนอนแล้วจ้าา จบไปอีกวันแบบชิลชิล
Day 3
มาถึงวันสุดท้ายของการเดินทางแล้วนะ เช้าวันนี้เราก็ตื่นเช้าอีกเช่นกัน ตอนมาเที่ยวก็จะตื่นเช้าเก่งแบบนี้แหละ คือไม่ใช่ไระเราจะไปรอตักบาตรที่สะพานซูตองเป้กัน
สะพานซูตองเป้เป็นสะพานไม้ไผ่ที่เชื่อมระหว่างสวนธรรมภูสมะกับชุมชนบริเวณนั้น ทุกๆเช้าพระสงฆ์ก็จะเดินเท้าจากสวนธรรมภูสมะออกมาบิณฑบาตร เป็นภาพที่สวยงามมากจริง อยากให้ทุกคนได้ไปเห็น
หลังจากได้ตักบาตรแล้ว เราก็เดินข้ามสะพานซูตองเป้ไปยังสวนธรรมภูสมะที่อยู่ตรงข้าม
จากสะพานซูตองเป้ เราก็ไปต่อกันที่ถ้ำปลากัน
ตอนแรกที่เราได้ยินชื่อ เราคิดว่าจะได้เข้าไปเที่ยวถ้ำ แต่จริงๆแล้วจะเป็นยังไงมาดูกัน
มาถึงทางเข้าแล้วววว เดินเข้าไปอีกหน่อยก็มีปลาสีฟ้า ออกมาต้อนรับเต็มไปหมด อ่อออ ถ้ำปลา คือถ้ำของปลา เป็นบ้านปลาในถ้ำใต้น้ำว่างั้น 555
จากนั้นเราก็ไม่รู้จะไปไหน เลยไปนั่งชิลที่ Cafe ในตัวเมืองกัน ที่ร้าน Coffee Morning
เป็นร้านที่บรรยากาศดีมากจริง ยิ่งช่วงฝนตกอากาศเย็นๆแบบนี้ ไม่ต้องไปพึ่งห้องแอร์เลยก็ได้นะ (แต่ที่ร้านก็มีโซนที่ติดแอร์ไว้ให้บริการสำหรับช่วงอากาศร้อนๆเหมือนกัน)
พอถึงเวลา เราก็เดินทางไปสนามบิน พร้อมบินกลับกรุงเทพฯ แล้วจ้า สบายๆ ไม่ต้องขับรถกลับให้เมื่อย
ทริปแม่ฮ่องสอน 3 วัน 2 คืนของเราก็จะประมาณนี้แหละ รู้สึกเต็มอิ่มกำลังดี ไม่รีบไม่เร่ง แม้จะต้องตื่นเช้าไปเสพหมอกก่อนใครในทุกวันแต่ก็พร้อมใจจะตื่นสุด! เอาล่ะเห็นภาพฟินแบบนี้แล้วไม่ไปไหวเหรอ
ทริปแม่ฮ่องสอน 3 วัน 2 คืนของเราก็จะประมาณนี้แหละ รู้สึกเต็มอิ่มกำลังดี ไม่รีบไม่เร่ง แม้จะต้องตื่นเช้าไปเสพหมอกก่อนใครในทุกวันแต่ก็พร้อมใจจะตื่นสุด! เอาล่ะเห็นภาพฟินแบบนี้แล้วไม่ไปไหวเหรอ