ภาคต่อจาก Part ที่1 เที่ยวญี่ปุ่นสัมผัสหิมะใกล้โตเกียว ข้อมูลการเดินทางอย่างละเอียด ที่ผมพาไปรู้จักกับสกีรีสอร์ทเผื่อสัมผัสหิมะใกล้โตเกียว ด้วยพระเอกอย่าง JR Tokyo wide pass เส้นทางนั่งรถไฟเที่ยวรอบๆโตเกียว 3 ในราคา 10000 เยนเท่านั้น (รายละเอียดเขียนไว้แล้วใน Part 1 ) จากเมือง Yuzawa ผมจะพาไปเที่ยวกันต่อครับ
Brief : จังหวัดนีงะตะ (Niigata Prefecture) นั้นมีลักษณะเป็นทางยาวหันหน้าออกสู่ทะเลญี่ปุ่น ตั้งอยู่กลางเกาะฮอนชูซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในสี่เกาะหลักของญี่ปุ่น(เกาะเดียวกับโตเกียว) นีงะตะมีชื่อเสียงทางด้านการผลิตสาเกญี่ปุ่น เพราะมีทั้งข้าวและน้ำคุณภาพดี สาเกและอาหารทะเลสดๆ ในร้านอาหารที่มีอยู่ทั่วเมือง โดยแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ได้แก่ ชายฝั่งทะเลอันงดงาม วิวทิวทัศน์ของภูเขา การแสดงดอกไม้ไฟในฤดูร้อน สกีในฤดูหนาว และการแช่น้ำพุร้อนตลอดทั้งปี
ถ้าใครสนใจที่เที่ยวอื่นๆในจังหวัดนีงะตะ สามารถดูได้เพิ่มจากเว็บไซต์ :: http://enjoyniigata.com/en/ ครับ
Day2 : Tsubame Sanjo (Niigata Prefecture)
วันที่ 2 เรายังเที่ยวต่ออยู่ในจังหวัดนีงะตะ (จังหวัดที่มีเมือง Yuzawa อยู่นั่นเอง) ผมมาขึ้นรถไฟที่สถานี Echigo Yuzawa โดยวันนี้เราจะนั่งรถไฟสายพิเศษ Genbi Shinkansen ไปยังสถานี Tsubame Sanjo รถไฟสายนี้จะวิ่งเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดพิเศษครับ สามารถดูข้อมูลรถไฟและตารางวิ่งได้ที่เว็บ :: http://www.jreast.co.jp/genbi/en/
GENBI SHINKANSEN นั้นมีความพิเศษคือเป็น “พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่วิ่งได้ ที่เร็วที่สุดในโลก” เริ่มวิ่งให้บริการ ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2016 บนสาย Joetsu Shinkansen ระหว่างสถานี Echigo-Yuzawa ถึงสถานี Niigata
ภายในรถไฟแต่ละขบวน นอกจากจะมีการจัดแสดงงานศิลป์ร่วมสมัยจากศิลปินที่รังสรรค์ขึ้นมาเฉพาะรถไฟขบวนนี้แล้ว ยังมีคาเฟ่ที่เสิร์ฟ Tsubame Coffee และของหวานที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น จากร้าน Romi-unie โดย Igara Shiromi อีกทั้งยังมีห้องสำหรับเด็ก และ วิวจากหน้าต่างรถไฟสวยๆ ตลอดเส้นทาง
แต่ละโบกี้สวยมากและตบแต่งด้วยงานศิลปะที่ไม่เหมือนกันเลยครับ งานดีจริงๆ
อันนี้เป็นงานกระดาษที่เอามาตัดและห้อยไว้กึ่งๆ 3 มิติ สวยมาก
ถึงกับมีมินิคาเฟ่ในรถไฟ สั่งกาแฟมาทานนั่งชมวิวสวยๆข้างทาง
ดีกว่ากาแฟก็ต้องวิวแล้วล่ะเนี้ย สวยจริง 🙂
นั่งเพลินๆชมวิวสวยๆแป๊ปเดียวก็ถึงสถานี Tsubame Sanjo ผมไปต่อยังศาลเจ้า Yahiko (Yahiko Shrine) ศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความรักแล้วยังมีความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องของดวงการงานและการปัดเป่าโชคร้าย อีกทั้งยังมีวิวที่สวยงามเพราะถูกโอบล้อมด้วยภูเขายะฮิโคะ
ข้อมูลเดินทางด้วยตัวเอง ::
- Get off at Tsubame-Sanjo station on Joetsu-Shinkansen
- Change to the local train on Yahiko Line. From Tsubame-Sanjo to Yahiko, about 30 minutes.
- From Yahiko station, about 15 minutes on foot
ศาลเจ้านี้ค่อนข้างใหญ่เลยครับ เดินชมความงามของสวนภายในศาลเจ้าไปเรื่อยๆผมก็พบกับ “การแสดงยิงธนู” ผู้บรรยายบอกว่าผู้สูงอายุพวกนี้ก็จะได้รับการคัดเลือกมาแล้วว่ายิงได้แม่นยำ อะไรทำนองนี้ และในการยิงแต่ละครั้งทุกคนก็จะตั้งใจมากๆ (ระยะยิงไกลประมาณ 50 เมตรน่าจะได้) ถ้ายิงเข้าเป้าเค้าก็จะขานเสียงดัง ดูไปลุ้นไปเลยครับ
เดินเรื่อยๆก็จะเจอที่ชำระล้างร่างกายก่อนเข้าครับ วิธีการชำระก่อนเข้าศาลเจ้าญี่ปุ่น หลักๆก็ให้ตักมา 1 ครั้ง ล้างมือซ้าย ล้างมือขวา เทน้ำใส่มือซ้ายและบ้วนปาก ล้างมือซ้ายอีกครั้ง(ที่โดนปากเรา) และ ยกกระบวยขึ้นเพื่อให้น้ำไหลลงมาตามก้านเพื่อเป็นการล้างกระบวยครับเป็นอันจบ (ผมไปมาหลายครั้งแต่ละคนก็จะมีวิธีต่างๆกันแต่แนวๆนี้ละครับ)
เดินต่อไปอีกนิดครับใกล้เจอศาลแล้วครับ
ถ้าเห็นศาลพร้อมผู้คนต่อคิวเนื่องแน่นแปลว่าถึงแล้วล่ะครับ เดินไปต่อแถวกับเค้าได้เลยครับ
เมื่อถึงหน้าศาลเจ้า ก็ถึงเวลาขอพรให้ทำตามนี้ครับ (แต่ละศาลมีวิธีต่างกันถ้ามีป้ายให้ทำตามนั้น…แต่มาตรฐานทั่วไปประมาณนี้)
1.เมื่อเห็นกล่องไม้ขนาดใหญ่ข้างหน้า (เรียกว่ากล่อง Saisen) ให้โยนเหรียญ 5 เยนลงไป ( นิยมใช้เหรียญ 5 เพราะพ้องเสียงกับคำประมาณ โชคดี ของภาษาญี่ปุ่น ถ้าไม่มีจะใช้เหรียญอื่นๆก็ได้ครับไม่ผิดอะไร )
- 2.จากนั้นดึงเชือกเพื่อสั่นระฆังหรือกระดิ่ง (ถ้าไม่มีให้ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย)
- 3.โค้งคำนับในท่า 90 องศา 2 ครั้ง
- 4. ปรบมือเสียงดัง 2 ครั้งแล้วจึงพนมมืออธิษฐานในใจ
- 5. เมื่อขอพรเสร็จแล้วให้โค้งคำนับอีก 1 ครั้ง เป็นอันเสร็จขั้นตอน
เสร็จภารกิจจากศาลเจ้าก็ได้เวลาทานอะไรอร่อยๆแถวหน้าศาลเจ้ามีเพียบเลยครับ ที่ดังๆก็จะเป็นก้อนบุกในสไตล์โอเด้งแบบนี้แล อากาศหนาวๆได้ทานอะไรร้อนๆ ฟินอยู่
และไม่พลาดซอร์ฟครีม ร้านเจ้าดังถ้าหันหน้าเข้าศาลเจ้าเดินมาทางซ้ายสุดเลยครับจะเจอร้านขายขนมเจ้าดัง และ ในนั้นมีขายซอร์ฟครีมด้วย เนื้อละมุนใช้ได้เลย ( 320 Yen )
จากศาลเจ้าเค้าก็พาผมไปดูที่ร้าน Gyokusendo ดูวิธีการทำเครื่องทองแดงของคนญี่ปุ่นครับ ร้านนี้มีประวัติยาวนาวถึง 200 ปี! เค้าใช้วิธีเคาะด้วยมือทีละชิ้นทีละชิ้น งานละเอียดมากและเค้าใช้ได้กันเป็น 20 – 40 ปีโน้นเลยแบบใช้รุ่นสู่รุ่น แต่ด้วยราคาแล้วก็ถือว่าแรงเลยล่ะครับ … อันละเป็นหมื่นบาทเลย
ต่อที่ Tsubame Sanjo Regional Industries Promotion Center อันนี้อยู่ในตัวเมืองไม่ไกล Tsubamesanjō Station นักครับเป็นศูนย์แสดงสินค้า พวกสินค้าในพื้นที่ ของดีประจำเมือง Tsubamesanjō อะไรทำนองนี้ครับ แต่ทำดีมาก และของก็ดีและน่าใช้ทั้งนั้นเลย (ราคาไม่แพงด้วย)
ถ้าเราซื้อมีดสามารถที่สลักชื่อได้ด้วยครับ (แต่ได้เฉพาะภาษาญี่ปุ่นนะ คือเอาชื่อเราไปเขียนในคำอ่านภาษาญี่ปุ่นอะครับ)
แก้วนี้สวยมากกกกกก เสียตังให้กับแก้วใบนี้กันหลายคน
เช็คอินที่โรงแรมล้างหน้าล้างตาเล็กน้อยแล้วเดินไปทางอาหารค่ำที่ร้าน Kitano suisan Tsubame Sanjo เป็นร้านสไตล์ญี่ปุ่นที่อร่อยมากๆแนะนำ ( พิกัด : 39.46366,140.4797713 ใกล้ๆสถานี Tsubame Sanjo )
หมดวันแล้วเป็นวันที่แอบเหนื่อยอยู่นะ คืนนี้เรานอนกันที่ Hotel New Green Tsubamesanjo ครับ เป็น business hotel ราคากลางๆทำเลดี อุปกรณ์ครบถ้วน ห้องเล็กนิดหนึ่งตามสไตล์โรงแรมญี่ปุ่นแต่ก็ไม่ได้อึดอัด นอนสบายเลยล่ะ 🙂
วันที่ 3 :: Gunma Prefecture
เช้าวันที่ 3 จากโรงแรมเราเดินไปขึ้นรถไฟกันที่สถานี Tsubame Sanjo โดยมีเป้าหมายคือการนั่งรถไฟสายพิเศษ SL ไปยังเมือง Minakami ในจังหวัดกุมะ แต่เราจะต้องนั่งรถไฟแบบปกติก่อนไปยังสถานี Takasaki และต่อรถไฟสาย SL Minakami ต่อไปยังสถานี Minakami ครับ วิธีการจองค่อนข้างยากถ้าสนใจรถไฟขบวนพิเศษแบบโบราณก็เข้าเว็บไซต์นี้ครับเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน กด google translate แปลกันเอง http://www.enjoy-minakami.jp/sl/sl.html )
รู้จักกับจังหวัดกุมะ Gunma Prefecture แบบสั้นๆโดยจังหวัดกุมะนั้นตั้งอยู่ใจกลางของเกาะประเทศญี่ปุ่น ที่นี่มีธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วยภูเขาอาคางิยามะ, ภูเขาฮารุนะซันและภูเขาเมียวงิซัน, ภูเขาอาซามะยามะ และภูเขาทานิงาวะดาเคะ ว่ากันว่าจังหวัดกุนมะมีออนเซ็นมากกว่า 200 แห่งทีเดียวครับ เมืองแหล่งออนเซ็นขึ้นชื่อสี่แห่ง ได้แก่ Minakami, Kusatsu, Ikaho และ Shima รวมตัวกันเป็น 4 เมืองน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงที่ทำให้คนต่างหลงไหลในจังหวัดกุนมะ โดยวันนี้เราจะพาไปชมหนึ่งในเมืองเหล่านั้นคือ Minakami นั่นเอง
พอนั่งไปสักครึ่งทางก็จะมีการแวะจอดนานๆสถานีหนึ่งครับ สามารถลงไปถ่ายรูปได้มีเวลาให้ประมาณ 20 นาทีครับ
บรรยากาศภายในรถครับ ซึ่งคนญี่ปุ่นจะตื่นเต้นและเฝ้ารอการขึ้นขบวนนี้มากเลยนะ เพราะรถแบบนี้เค้ายกเลิกการใช้งานไปนานมากๆๆๆแล้ว ส่วนคนไทยก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กครับสวยนะ บรรยากาศดี แต่ไม่ตื่นเต้นกับบรรยากาศภายในเพราะ…มันคือรถไฟบ้านเรานี่เอง แต่สะอาดและสวยงามกว่า
ถ้ามาก็แนะนำให้ทานอาหารในรถไฟด้วยเลยนะครับ ข้าวกล่องหรือเบนโต๊ะเค้าก็ออกแบบมาสำหรับขบวน SL โดยเฉพาะ ข้าวจะผสมน้ำหมึกปลาหมึกอะครับทำให้มีสีดำๆเหมือนขบวนรถไฟ ญี่ปุ่นนี่ใส่ใจรายละเอียดดีจริงๆ
สำหรับผมที่เป็นคนไทยไม่ค่อยได้เจอหิมะ ตื่นเต้นเป็นพิเศษกับวิวสองข้างทางครับ สวยประทับใจมาก
ถ่ายเสร็จแล้วก็ย้อนกลับมาที่หน้าสถานี Minakami ครับขึ้นรถไปรีสอร์ท Norn Minakami Ski Resort เพื่อสัมผัสหิมะกันต่อ อ่านข้อมูลรีสอร์ทเพิ่มได้ใน Part แรก
เล่นหิมะเสร็จจาก Norn Minakami Ski Resort ไปต่อที่ของดีประจำจังหวัดกุมมะ งานแก้ว ที่ Tsukiyono Vidro Park ไปดูวิถีการทำแก้วกันครับ
ที่นี่มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวสามารถทำแก้วลายของตัวเองได้ วิธีการง่ายๆก็คือเอาสติกเกอร์สีแดง มาแปะทับบนแก้ว (มีสติ๊กเกอร์ตัดแล้วให้หรือจะตัดเองก็ได้) ตามแต่ละคนดีไซน์ของตัวเองเลย จากนั้นเอาไปพ่นทราย (จะมีคนสอนให้ตลอด ทำง่ายมาก)
หน้าหนาวมืดไวครับ คืนนี้เราเข้าโรงแรมไวหน่อยเพราะโรงแรมดีมากจริงๆ Gensen Yu no Yado Sen no Tani
ห้องกว้างขวางมากครับ ในห้องของผมมีทั้งแบบฟูก (ถ้าอยากนอนแบบญี่ปุ่น) และมีทั้งแบบเตียงอยู่ในห้อง ห้องนี้นอนได้สัก 5 คนละมั้งเนี้ย ^^
ก่อนอื่นไปทานอาหารค่ำสไตล์ญี่ปุ่นกันก่อนครับ เค้าเรียกว่า kaiseki (ไคเซกิ) เป็นชุดอาหารที่บริการทีละคอร์ส (อย่าง) อย่างเป็นลำดับตามธรรมเนียมดั้งเดิมของญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงความพิถีพิถันในคัดเลือกวัตถุดิบตามฤดูกาล การปรุงแต่ง และกรรมวิธีที่ใช้ในการปรุง จนกระทั่งการนำเสนออาหาร ซึ่งสามารถเทียบเคียงได้กับอาหารยุโรปชั้นสูงเลยนะ
ซึ่งชิวคอนเฟริมว่าที่นี่คือดีจริงๆเป็น kaiseki ที่ดีสุดอร่อยสุดที่ชิวเคยทานมาเลยครับ แต่ละอย่างอร่อยและพิถีพิถันมากๆ
ยังไม่จบครับเพราะห้องดี อาหารดีแล้วก็ยังมี ออนเซ็นที่ดีมากอีกด้วยครับ มีด้วยกัน 2 ที่แหนะเข้ากันเพลินเลย สบายตัวมาก
ภาพออนเซ็นเอามาจากเว็บโรงแรมนะครับ เพราะไม่สามารถถ่ายรูปได้ครับ credit :: http://www.sarugakyo.co.jp/gallery/
Day4 : Akagi Onuma – Tokyo – Fuji
วันที่ 4 แล้วยังอยู่ที่จังหวัดกุนมะครับ เช้านี้จะพาไปชมสถานที่ที่เค้าเจาะน้ำแข็งแล้วตกปลาวากาซากิในทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็งกัน สำหรับเส้นทางไปนั้นต้องใช้รถเช่านะครับไม่มีรถไฟไปถึงแล้วล่ะ พอนั่งรถไปได้สัก 1/3 ของทางก่อนขึ้นเขา พี่คนขับรถก็จอดเพื่อใส่โซ่ให้กับล้อเพื่อช่วยให้เกาะถนนได้ดีขึ้นครับ
ระหว่างนั้นก็เดินเล่นถ่ายรูปหิมะไปก่อน หิมะแน่นมาก หนาวมากกกก
และแล้วก็มาถึงที่แล้วครับ เราจะมาดูการสาธิตวิธีการเจาะน้ำแข็งเพื่อตกปลากัน และถ้าเพื่อนๆมาเที่ยวในช่วงที่ไม่ใช่หน้าหนาวก็สามารถเดินเล่น trekking เล็กๆน้อยๆในป่าแถบนี้ได้ครับสวยงามมากๆ เช่นกัน
ผมมาฟังการสาธิตเล็กน้อยครับ เริ่มจากเค้าจะกางเต้นก่อนเพื่อนกันหนาว (เต้นพลาสติกทางซ้านของภาพ) จากนั้นเอาเกลียวเหมือนในภาพค่อยๆเจาะลงไปในทะเลสาบ (ที่ตอนนี้กลายเป็นน้ำแข็งเรียบร้อย) พอได้รูแล้วก็หย่อนเบ็ดลงไปแล้วก็นั่งชิวรอไปครับ
ผมไม่ได้มีเวลามากพอที่จะลองตกปลา แต่ได้ไปเดินเล่นในทะเลสาบสัมผัสความหวานสุดขั้ว ^^
ดูแต่ละคนสิครับเดินไปหดตัวไป หนาวแค่ไหนถามใจดู
ใกล้ๆกันจะมีสะพาน Kitsutsuki สะพานสีแดงสด ที่จะพาเราไปยังศาลเจ้า Akagi ครับ ศาลเจ้าอะคะงิ (Akagi-jinja) ในจังหวัดกุมมะมีองค์หญิงอะคะงิสถิตอยู่และเป็นเทพธิดาที่คอยประทานพรให้ตามคำขอของสตรีที่มาสักการะบูชา เป็นศาลเจ้าที่โด่งดัง มีสะพานสีแดงสดใสเป็นสัญลักษณ์
นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบศาลเจ้ายังโอบล้อมด้วยภูเขาและทะเลสาบ เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิจะมีซากุระ ฤดูร้อนภูเขาและพืชพรรณจะกลายเป็นสีเขียวสด ฤดูใบไม้ร่วงก็มีใบไม้เปลี่ยนสี และฤดูหนาวจะเป็นทัศนียภาพแห่งหิมะ นับว่าเป็นสถานที่ที่สามารถชื่นชมความงามของธรรมชาติได้ตลอดทั้งปี
ถึงแล้วครับศาลเจ้า สีแดงตัดกับหิมะ สวยดีจริงๆ
เคารพศาลเจ้าและถ่ายรูปเรียบร้อยก็นั่งรถกลับไปยังสถานี Takasaki ครับจากนั้นนั่งรถไฟกลับ Tokyo ระหว่างกลับเพื่อไม่ให้เสียเวลาก็ทานข้าวบนรถไฟครับ 🙂
สำหรับบล็อกนี้ชิวก็พาไปเที่ยวในจังหวัดนีงะตะ รวมทั้งจังหวัดกุมะ ทั้งสองจังหวัดนั้นมีธรรมชาติที่สวยงาม ผู้คนน่ารักใจดี อาหารอร่อย และออนเซ็นชั้นเยี่ยมทั้งคู่รอให้เพื่อนๆมาสัมผัส ส่วนตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วของทริปนี้ผมจะพาไปที่ๆทุกคนคุ้นเคยคือเมือง Kawaguchiko ไปเจอฟูจิซังในระดับใกล้แค่เอื้อม 🙂