. มีคนถามมาในเพจว่าผมใช้กล้องอะไร ตอนที่ไปเที่ยว Benelux พอตอบว่าใช้มือถือถ่ายก็อึ้งกันเป็บแถว ส่วนตัวก็อึ้งกับคุณภาพกล้องของ Huawei P9 เช่นกันครับ กล้องมือถือเดียวนี้โหดจริงๆ โหดจนผมคิดว่าหมดยุคที่เราจะเล่นกล้อง Digital compact เบสิคทั่วไปอีกแล้ว
. รีวิวเจาะลึกนี้ผมเขียนหลังจากได้ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันตลอด 1 เดือน และ พกไปใช้เที่ยวใช้ถ่ายรูปจริงจังอีก 10 วันเต็มในทริป Belgium – Netherlands ที่ผมเพิ่งไปมา
รูปลักษณ์และภาพรวม
. ก่อนอื่นมาดูรูปลักษณ์กันก่อน สำหรับเครื่องที่ผมได้ยืมมาทดลองใช้จะเป็นรุ่นสีทองครับ ตัวบอดี้เป็นโลหะ ดูหรูมีราคา ผิวสัมผัสเครื่องสามารถจับถ่ายรูปได้อย่างถนัดมือ ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และ ปุ่มเปิดปิดอยู่ทางด้านขวาทั้งหมด ฝั่งซ้ายของเครื่องไม่มีปุ่มอะไรแต่ถาดซิมการ์ดจะอยู่ฝั่งนี้
. เครื่องสามารถใช้งานได้ 2 ซิม แต่ในกรณีที่จะใส่ microsd เพิ่ม จะใช้ได้ซิมเดียวเพราะ microsd จะใส่ช่องเดียวกับซิมการ์ดตัวที่สองครับ (ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง 2ซิม หรือ เพิ่มความจุ)
ด้านหลัง
- มีกล้องจำนวนสองตัว ตัวหนึ่งถ่ายภาพแบบ Monochrome(ขาวดำ) และ อีกตัวจะเป็นกล้องสี ทั้งสองกล้องจะถ่ายภาพพร้อมกันและเครื่องจะประมวลผลเพื่อให้ผลลัพท์ออกมาดีที่สุด โดยที่ทราบกันว่ารุ่นนี้ถือว่าเป็น Co-engineering กับบริษัทกล้องในตำนานอย่าง Leica
- และสีเหลี่ยมตรงกลางนั้นคือ ปุ่มสแกนลายนิ้วมือ ผมเพิ่งเคยใช้ครับ สแกนไว และ แม่นมากครับ
ด้านล่างของตัวเครื่อง
- ช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน5 mm
- ช่องเสียบ USB แบบหัว USB-type C
- ลำโพง
- microphone
สเปค Huewei P9
- ขนาดตัวเครื่อง 145 x 70.9 x 6.95 มิลิเมตร
- น้ำหนัก 144 กรัม
- หน้าจอ 2 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล
- CPU HiSilicon Kirin 955 octa-core ความเร็ว 5GHz ( quad-core 2.5 GHz + quad-core 1.8 GHz)
- RAM 3 กิ๊ก
- หน่วยความจำในตัวเครื่อง 32 กิ๊ก เพิ่มเมมแบบ MicroSD ได้ / ROM: 4GB / 64GB (รองรับ microSD การ์ด)
- ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์0 Marshmallow พร้อมEMUI 4.1
- กล้องหลังแบบคู่ RGB + Monochrome ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อม Auto Focus f/2.4
- แบตเตอรี่ความจุ 3,000 มิลิแอมป์
- ใช้ซิมแบบ นาโนซิม
- ราคา 16,900 บาท
เจาะลึกประเด็นกล้อง
ทุกคนที่สนใจมือถือรุ่นนี้คือเรื่องกล้องแน่นอน เฮ้ย Leica บริษัทกล้องระดับ(แพง)ในตำนาน มาจับมือร่วมทำมือถือเว้ย ในฐานะคนชอบถ่ายรูปคืออยากลองมากๆจะดีจริงไหมทำนองนั้น สรุปสั้นๆความเห็นผมคือ “ดีจริง” คือมันชัด และ เก็บ Dynamic range ได้ดีมากจนทึ่งอะ ว่ากล้องมือถือมันทำได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ ลองอ่านต่อไปแล้วกันผมจะเจาะไปในแต่ละโหมดที่ผมชอบนะ
สำหรับคนที่ไม่อยากปรับอะไร แค่ยกแล้วถ่ายเลย ลองมาดูภาพจากโหมดทั่วไปกันก่อนครับ คือเก็บรายละเอียดได้ดีมากๆ ภาพพวกนี้ผมใช้ Mode auto หมดเลยครับ
โดยปรกติแล้วผมจะชอบถ่ายให้สว่างเพิ่มอีกนิด ( EV+0.5 ) แต่ปัญหาคือสีของฟ้า (Highlight) จะหายไป เพราะมันจะจ้าเกินไป (ตอนที่จะกดถ่ายก็เป็นนะ ส่วนฟ้าหายไปหมดเลย) แต่ผมเข้าใจว่าเป็นเพราะเทคโนโลยี Dual camera ทำให้กล้องอีกตัวไปเก็บแสงอีกช่วงหนึ่งมาให้ พอถ่ายเสร็จส่วนที่เป็นส่วนสว่างในภาพจะถูกดึงกลับมาอัตโนมัติครับ โคตรเจ๋ง
Promode
สำหรับใครที่มีทักษะด้านการถ่ายภาพสูงขึ้นไป สามารถเลือก PRO mode ได้ครับ ก็จะเลือกได้เหมือนกับในกล้องใหญ่เลย สามารถเลือก ISO / WB / Shutter speed แต่ไม่สามารถปรับรูรับแสงได้นะ fix ที่ 2.2 ครับ และในโหมดโปรนี้ก็สามารถเลือกบันทึกภาพเป็นแบบ raw file ได้ด้วยเผื่อใครจะเอาไปแต่งโหดๆต่อในคอม
Monochrome
จุดเด่นรุ่นนี้เลยคือมีกล้องสำหรับถ่ายขาวดำโดยเฉพาะ ซึ่งวิธีใช้ก็เลือกปัดนิ้วเลือกโหมดนี้มาครับ ซึ่งถ้าถ่ายแบบขาวดำ จะสามารถเก็บรายละเอียดความต่างแสง ( Dynamic range ) ได้มากกว่าถ่ายแบบสี
และที่สำคัญ !! โทนสีขาวดำมันสวยมากกกกกก (มีคนบอกว่านี่แหละโทน Leica เลย)
ตัวอย่างภาพ
โหมด Wide Aperture
เป็นโหมดสำหรับคนชอบภาพพวกหน้าชัดหลังเบลอมากๆ หรือเอาไปเล่นในลูกเล่นภาพต่างๆ ในกล้องมีโหมดการจำลองปรับรูรับแสง สามารถปรับต่ำสุดได้ที่ F 0.95 ลองดูตัวอย่างในภาพครับพอเข้าโหมดนี้ก็จะเลือกได้ว่าจะชัดตื้นขนาดไหน
ลองดูตัวอย่าง ภาพนี้ผมตั้งใจจะถ่ายให้ต้นไม้ด้านหน้าเบลอๆเพื่อเป็นแค่ฉากหน้า อยากให้คนโฟกัสไปที่บ้านริมคลองด้านหลังมากกว่า ซึ่งปรกติถ้าในกล้อง DSLR ก็จะต้องปรับรูรับแสงให้กว้างมากๆ แต่มือถือทำไม่ได้ขนาดนั้นครับ(ด้วยขนาด sensor ที่เล็กกว่ามาก) จึงลองใช้โหมดจำลองชัดตื้นครับ พอได้ไอเดียไหม?
Beauty mode
ก่อนคนที่ไม่เข้าใจเรื่องกล้องจะมึนไปกว่านี้ เอาใจสาวกกล้องฟรุ้งฟริ้งกันด้วยบิ้วตี้โหมด สามารถปรับได้ 10 ระดับครับ ซึ่งมันฟรุ้งฟริ้งมากกกก หน้าใสเนียนกิ๊ก ตาเป็นประกาย (ปรกติผมใช้ระดับ 2 ในการถ่ายก็หน้าใสละครับ)
ภาพหลังจากถ่ายบิวตี้ระดับ 5 มีความสาวครับ แหมตาวิ้ง ปากอมชมพู รองพื้นเนียนอะไรเบอร์นั้น
Night mode
กลับมาสู่โลกคนชอบถ่ายภาพต่อ กับโหมดที่ทำให้ผมอึ้งสุดคือ Night mode ครับซึ่งโหมดนี้เอาไว้ถ่ายตอนกลางคืนตามชื่อ แต่มันจะไม่ได้ออกมาน่าเกลียดๆดัน ISO สูงๆแบบกล้องมือถือทั่วไป เพราะโหมดนี้จะเป็นการเปิดหน้ากล้องนานๆ ( long exposure shot ) แต่ผลกระทบที่เราเปิดชัตเตอร์นานๆภาพก็จะสั่นดังนั้น จะใช้โหมดนี้ต้องมีขาตั้งกล้องไปด้วยครับ (ขาตั้งกล้องมือถืออันเล็กๆเบาๆ 100 บาทพอครับไม่ต้องไรขนาดนั้น )
เวลาการถ่ายในโหมดนี้ระบบจะคำนวณทุกอย่างให้เองครับว่าจะเปิดหน้ากล้องกี่วิ เช่น 8 วิ และผมแนะนำให้ ตั้ง timer 2 วิเพิ่มด้วยครับโฟกัสจะได้นิ่งก่อนเริ่มถ่าย (เหมือนกับถ่ายด้วย AV mode กล้อง DSLR ทุกอย่าง)
ตัวอย่างภาพครับ
มาดูหน้าจอ Setting ของกล้องกัน
ผมขอไม่ลงลึกนะ ลองดูกันเองแต่ผมถือว่าพี่แกจัดมาเต็มมากๆ อะไรที่กล้องใหญ่มี อันนี้ก็มี และเผลอๆมีมากกว่าด้วย
ตัวอย่างภาพนี้ ผมเลือกใช้ film mode เป็น vivid ภาพที่ได้ก็จะออกมาสีสันจัดจ้านกว่าปรกติ โดยไม่ต้องไปเร่งสีทีหลังในโปรแกรมครับ
สำหรับโหมดกล้องที่ผมใช้หลักๆก็จะมีเท่านี้หล่ะ ลองดูตัวอย่างภาพอื่นๆต่อนะครับ
สรุปการใช้งาน
. ภาพรวมของเครื่องก็สวยงามดูมีราคา การใช้งานลื่นไหล หน้าจอคมชัดสีสวยงาม สแกนนิ้วเพื่อเปิดเครื่องได้แม่นและไว แบตอึดมากๆสามารถใช้งานได้ทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์จระหว่างวัน เสียงทั้งที่ออกผ่านหูฟัง และ ลำโพงอยู่ในเกณฑ์ดี
. ส่วนของ “กล้อง” ต้องยอมรับว่าเป็นมือถือที่ทำกล้องมาดีมากจริงๆ มากจนผมสามารถใช้ทดแทนการพกกล้องในชีวิตประจำได้แล้ว เพียงพอต่อการที่ผมจะเอาไว้ถ่ายเพื่อเขียนรีวิว หรือ อัพขึ้น Social media ต่างๆได้ทันที ถ้าใครชอบถ่ายรูปช่วงนี้ในช่วงราคา 15,000 – 20,000 บาท คงไม่มีมือถือตัวไหนที่เหมาะสมไป Huawei P9 แล้วหล่ะครับ