รีวิวเที่ยวจอร์เจีย (Georgia) 7 วันไม่มีเพลีย วิวสวยระดับท็อป ตามแผนนี้ได้เลย !!
———
ณ จุดนี้มีแต่คนพูดถึงจอร์เจีย! ครบเครื่อง ตั้งแต่วิวอลังการงานสร้างเทือกเขาคอเคซัส ค่าครองชีพถูกเหมือนอยู่กรุงเทพ และไม่ต้องใช้วีซ่าอีกต่างหาก!! ขอชวนทุกคนไปเที่ยวประเทศฟรีวีซ่าอันดับหนึ่ง !! อยู่ได้ยาวๆ 365 วัน ประเทศที่จะทำให้เวลาในห้วงความคิดของคุณ ค่อยๆ หมุนไปอย่างช้าๆ กับบรรยากาศของธรรมชาติฟีลยุโรป และท้องฟ้าสีครามสด รายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิค พร้อมเผชิญป้อมปราการแบบที่เห็นในหนังย้อนยุค ถ่ายรูปวิวไหนก็สวยดูแพง แต่ค่าใช้จ่ายไม่แพง เที่ยวง่ายเวอร์ในเมืองหลวงจะไปไหนกดเรียกรถ มีแอป BOLT ช่วยคุณได้ ส่วนเมืองเหรอก็เช่ารถขับจบจบไป อาหารเหรอก็พอรับได้ เน้นแป้งเน้นชีสไป ที่เรารักสุดก็คงเป็นค่าที่พัก นี่ถูกแบบถูกกกกกกกกก ถูกและดีมีอยู่จริงต้องจอร์เจีย!
ระยะทางห่างจากบ้านเกิดเมืองนอนข้ามน้ำข้ามทะเล(สาบแคสเปี้ยน) ร่วม 6 พันกว่ากิโลเมตร จะเป็นการดีแนะนำให้ทุกท่านซื้อประกันการเดินทางให้ตัวเองและเพื่อนร่วมทริปไว้ด้วยนะครับอย่าประมาท เจ็บป่วย บาดเจ็บ เสียชีวิต หายห่วงคุ้มครองแบบครบวงจรไปเลย ค่าเบี้ยไม่แพง ประสบเหตุก็รักษาที่นั่นได้เลย ไม่ต้องสำรองจ่าย กับ ทิพยประกันภัย และเช่นเคยจะมาขายของอย่างเดียวไม่ได้ มีส่วนลดมาแจกด้วยจ้า!
เพียงเข้าผ่านลิงค์ https://bit.ly/2UTZLaQ
กรอกโปรโมชั่นโค้ด : ChillJourney ลดเพิ่มอีก 5% (จากราคาที่แสดงบน www.tipinsure.com)
เมื่อซื้อประกันเดินทางต่างประเทศต่อการชำระเงิน 1 ครั้ง หรือ ต่อกรมธรรม์ (อย่างใดอย่างหนึ่ง) รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ ดังนี้
600-1,199 บาท รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ มูลค่า 100 บาท
1,200-1,799 บาท รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ มูลค่า 200 บาท
ตั้งแต่ 1,800 บาท ขึ้นไป รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ มูลค่า 300 บาท
วิธีการเดินทาง
การเดินทางจากประเทศไทยไม่มีสายการบินไหนบินตรงนะครับ มีแต่ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศอื่นเท่านั้นนะครับ มี UAE คาซัคสถาน บาร์เรน ตุรกี เป็นต้น ชอบแวะประเทศไหน เจอโปรสายไหนก็เลือกได้เลยครับ ใช้เวลาเดินทาง 11-12 ชั่วโมง (ไม่รวมเปลี่ยนเครื่อง) และระยะเวลาช้ากว่าบ้านเรา 3 ชั่วโมง อ้อ ลืมบอกไปที่นี่ใช้สกุลเงิน GEL (Georgian Lari) นะครับ ซึ่งแน่นอนล่ะว่าสกุลเงินแปลกๆ แบบนี้ ไม่มีให้แลกจากประเทศไทยไปแน่ จะให้ดีก็แลกเงิน USD หรือ EUR ถือติดตัวมาก่อน พอถึงสนามบินนานาชาติ Tbilisi ค่อยนำมาแลกเป็นเงิน GEL ได้เลย เรทสนามบินก็ถือว่าดีมากนะ หรือจะไปแลกในตัวเมืองก็ลองเดินทางร้านที่เรทดีที่สุดแลกนะครับ
DAY1 : BKK – Tbilisi
อะข้อมูลครบถ้วนเริ่มเที่ยวได้! แนะนำว่ามาถึงวันแรกเราไปเที่ยวไฮไลท์ของมหานคร Tbilisi ทั้ง 3-4 จุดกันก่อนครับ เวลาเหลือเอาไปเดินเล่นในเมือง ช้อปปิ้ง และนอนพักร่างสักนิดครับ หลังจากเดินทางแบบหฤโหดกันมา หลังจากเข้าที่พักที่จับจองกันไว้ การเดินทางไปเที่ยวจุดต่างๆ ของที่นี่ เราแนะนำเน้นเรียกรถ BOLT เดินทางไปกันครับ เพราะหากเรียกแท็กซี่เราก็จะโดนค่าโดยสารแบบที่ฝรั่งมาเที่ยวบ้านเราโดนกันครับ (ฮา) ตลกร้ายชะมัด
BOLT ก็คือแอปพลิเคชั่นสัญชาติเอสโตเนียใช้เรียกรถเหมือน GRAB เหมือน UBER นั่นแหละครับ ก่อนจะออกเที่ยวก็โหลดแอปศึกษาการใช้งานให้เรียบร้อยก็ดีครับจะได้ไม่ฉุกละหุกนัก ที่แรกในเมืองหลวงเราพากันไปที่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ Holy Trinity Cathedral of Tbilisi ครับ
โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ Holy Trinity Cathedral of Tbilisi หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า Sameba แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา Elia เป็นโบสถ์หลักที่ใหญ่ที่สุดในจอร์เจีย และใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของคริสจักรออโธด็อกซ์ โบสถ์แห่งนี้ประกอบไปด้วย มหาวิหารหลัก หอระฆัง ที่พำนักของพระสังฆราช อารามต่างๆ และโรงเรียนสอนศาสนา ประชากรส่วนใหญ่ของจอร์เจียนับถือศาสนาคริสต์นิกายออโทด็อกซ์มาตั้งแต่อดีต ส่งผลให้มีโบสถ์และวิหารสวยๆ มากมายมาจนถึงทุกวันนี้
หลังจากชมความงามสถาปัตยกรรมของโบสถ์ศักสิทธิ์กันไปแล้ว ก็จับรถไปกันต่อที่ Aerial Tramway ที่นี่คือสถานีรถรางลอยฟ้า หรือจะเรียกว่ากระเช้าน่าจะเข้าใจง่ายกว่า ในเมือง Tbilisi เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งชิวทัศนาจรเมืองหลวงจากมุมสูงกันกัน พร้อมชมความงามของแม่น้ำ Mtkvari ที่พาดผ่าน 3 ประเทศ จอร์เจีย ตุรกี และอาเซอร์ไบจาน ความยาว 1.515 กิโลเมตร ได้ด้วย
ปลายทางคือ Narikala Fortress ป้อมปราการอันเป็นแลนมาร์คของเมืองหลวง ซึ่งพอขึ้นไปก็สามารถกวาดสายตาชมทัศนียภาพของเมืองได้อย่างหนำใจสุดลูกหูลูกตา ด้วยความที่ตึกรามบ้านช่องเป็นสถาปัตยกรรมคลาสสิคเวลามองวิวจากบนนี้มันสวยจริงๆ ครับ และเดินย่ำไปอีกประมาณ 500 เมตร สู่ยอดเขา Solo Laki Hill บนนี้เองก็จะมีอนุสรณ์สถาน Mother of Georgia หรืออีกชื่อคือ Kartlis Deda รูปปั้นสตรีขนาดยักษ์ความสูงราว 20 เมตร ที่แฝงไว้ด้วยความนัย สร้างขึ้นเมื่อปี คริสตศักราช 1958 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 1,500 ปี เมือง Tbilisi นั่นเอง
Mother of Georgia
ในมือขวาของเธอจะถือดาบนัยว่าศัตรูผู้ใดเมื่อมาเยือนก็พร้อมที่จะกวัดแกว่งสู้เพื่อป้องกันแผ่นดิน กลับกันมือซ้ายจะถือแก้วไวน์นัยว่าถ้าหากเป็นมิตรละก็ ก็พร้อมที่จะต้อนรับขับสู้อย่างดี ซึ่งไวน์ของจอร์เจียนี่แหละครับ ที่ขึ้นชื่อลือชามาตั้งแต่อดีตกาลทีเดียว ด้วยเป็นประเทศมีการเกษตรกรรมผลไม้เมืองหนาวที่ดีมากแห่งหนึ่ง
ซึ่งถ้าเรามาเที่ยวที่นี่ก็จะพบว่าราคาของไวน์ไม่แพงเลย
ชื่นชมแลนด์มาร์กของเมืองเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทอดน่องไปดูสถาปัตยกรรมร่วมสมัยกันบ้าง
นั่นคือสะพาน The Bridge Of Peace หรือสะพานสันติภาพอีกหนึ่งแลนมาร์คของเมืองหลวง ทอดยาวเหนือแม่น้ำ Mtkvari 150 เมตร มองตอนกลางคืนแล้วจัดไฟได้สวยงามดีทีเดียว แต่เอาจริงๆ ผมว่ามันละม้ายกับตึกในสนามบินนะ สะพานนี้สร้างโดยศาลาว่าการของเมือง Tbilisi ออกแบบโดยสถาปนิดชาวอิตาเลี่ยนเพื่อเชื่อมเมืองเก่ากับใหม่เข้าด้วยกันใครไปก็อย่าลืมถ่ายรูปมาด้วยล่ะ
พลบค่ำถ้าขาเจ้ากรรมยังไม่เมื่อย (อย่าเมื่อยสินี่เรามาเที่ยวนะ !!) เดินข้ามสะพานสันติภาพกลับมาไปยังถนน Rustaveli avenue ถนนเส้นหลักของเมืองหลวงเพื่อเที่ยวชมส่วนราชการต่างๆ แถมมีโรงละคร Georgian national opera theater ศาลาว่าการเมือง และรัฐสภาของประเทศจอร์เจีย ให้นึกอารมณ์ว่าเราเดินจากราชดำเนินไปร้านมนต์นมสดอย่างไรอย่างนั้น และถ้าเริ่มเมื่อยกันแล้วบนถนนเส้นนี้แนะนำไปนั่งพักและเติมน้ำตาลกันหน่อยที่ร้าน Skola Coffee & Wine Bar ร้านสวยกาแฟก็ดีใช้ได้ด้วยปิดท้ายก่อนกลับที่พักพอแล้วสำหรับวันแรก
DAY2 : Tbilisi – Ananuri – Gudauri – Kazbegi
วันนี้เราจะหลีกหนีความเจริญศิวิไลซ์ในเมืองกรุงกัน โดยต้องมีตัวช่วยคือรถเช่านั่นเอง !! อย่าไปกลัวขับรถสิ เราซื้อประกันเดินทางดีๆ มาแล้ว จะกลัวทำไม ลุยโลด !! ขับรถยาวไปๆ จากตรงนี้เราจะขับรถด้วยตัวเองจนวันสุดท้ายแล้วนะครับ การขับรถในจอร์เจียนั้นไม่ยากจนเกินไป มีทางเขาบ้างแต่ถ้าใครขับเก่งอยู่แล้ว มีประสบการณ์เคยขับขึ้นเขาขึ้นดอยบ้านเรามาบ้างแล้วถือว่าสบายมากครับ (ตอนแรกผมเองก็กังวลแต่จริงๆทางไม่ได้โหดขนาดนั้น ถ้าขับในไทยเก่งอยู่แล้วก็ขับได้ชัวร์ ) ท่านใดที่จะเช่ารถขับเองก็อย่าลืมทำใบขับขี่ระหว่างประเทศมาด้วยล่ะ
ข้อมูลรถเช่า เห็นถามมาเยอะ : ชิวใช้ของ https://tbilisiautorent.com/ ครับ แต่ถ้าถามว่าแนะนำไหมก็ไม่ค่อยแนะนำนะ เพราะรถที่ผมได้มาสภาพไม่พร้อมอย่างที่ควรจะเป็น มาถึงก็ยางแบนเลยต้องไปเติมเอง น้ำมันก็มาไม่เต็มถัง รวมทั้งรถมีประกัน แต่มีขับรถไปเฉี่ยวฟุตบาทเบาๆมีรอยนิดหน่อยโดนค่า except ไป 200 GEL ( 2000 บาท )
จากเมืองหลวงเราขับรถขึ้นเหนือไปประมาณ 72 กิโลเมตร สู่แม่น้ำ Araqvi เมือง Ananuri ระหว่างทางจะเจอกับป้อมปราการ Ananuri Fortress Complex ก็แวะเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่กันสักครู่หนึ่งครับ
จากนั้นมุ่งหน้าขึ้นเหนือกันต่อไปยังเมือง Gudauri สู่ Gudauri view point เพื่อเยี่ยมชม Russian Georgian friendship monument อนุสาวรีย์มิตรภาพรัสเซียจอร์เจีย สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่อยู่ระหว่างทางข้ามเทือกเขาคอเคซัส สร้างขึ้นเมื่อปีคริสตศักราช 1983 เนื่องในโอกาสครบรอบ 200 ปี สนธิสัญญาจอร์เจียกับรัสเซีย ไปยืนตรงกลางนี้แล้วถ่ายรูปก็เก๋ไม่หยอกนะครับ ลองดู
เสร็จจากนี้แล้วเราจะขึ้นเหนือต่อไปอีกเพื่อเข้าพักที่เมือง Kazbegi (ปัจจุบันเรียก Stepansminda) เมืองที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 5,047 กิโลเมตร ซึ่งภูเขา Kazbegi ถือเป็นภูเขาที่สูงที่สุดเป็นลำดับ 3 ของประเทศอีกด้วย ที่พักของเราชื่อ Kazbegi 5054 ลองเซิร์ชจองที่ booking.com แล้วกันนะราคาไม่แพงเลย ซึ่งที่พักแห่งนี้มีเพียงแค่สองห้องเท่านั้น ซ้ายกับขวา ถ้าให้เลือก เลือกห้องขวาครับวิวถ่ายรูปจะสวยกว่านิดนึง ที่นี่ดูเหมือนจะ Stand alone แต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันนะครับ ทั้ง Wifi เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น คุณไม่ Alone แน่นอน
เขียนรีวิวเมืองนี้ไว้ละเอียดแล้ว อ่านได้ที่นี้นะ
รีวิว Kazbegi เมืองสวรรค์สุดฮิตของจอร์เจีย และ ที่พักวิวดีและชิคสุดใน Kazbegi !
DAY3 : Kazbegi – Mtskheta – Gori
เริ่มต้นวันที่ 3 เช้านี้เราขอแวะไปที่ Gergeti Trinity Church โบสถ์ชื่อดังแห่งหุบเขาคอเคซัสสักหน่อย หน้าร้อนจะขับรถขึ้นก็ไปได้ ส่วนหน้าหนาวถ้าหิมะไม่ท่วมสูงมากแนะนำให้เดินขึ้นไปครับปลอดภัยกว่าเยอะ หรือถ้าเดินมันยากไปใช้บริการรถ 4×4 พาขึ้นเขาตรงนั้นได้ครับ ลองไปต่อรองดูนะ ส่วนตอนผมไปถนนยังโอเคครับขับรถขึ้นโลด
จากนั้นเรามุ่งลงใต้มายังเมืองหลวงเก่า Mtskheta เมืองแห่งศูนย์กลางศาสนา มีอายุ 3,000 กว่าปี ที่นี่มีโบราณสถานอยู่หลายแห่งด้วยกัน ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง เราก็มาถึง Jvari Monastry โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ตั้งอยู่บนหนาผาบนภูเขาเห็นวิวแม่น้ำสองสายที่ไหลมาบรรจบกัน คือแม่น้ำ Mtkvari และแม่น้ำ Aragv จากด้านหลังของโบสถ์เราจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยนะครับ เพราะสีของน้ำของแม่น้ำทั้งสองนี่คนละสีต่างกันชัดเชนสวยแบบพลังธรรมชาติดีครับ
ไมไกลกันนัก ถ้าข้ามฝั่งแม่น้ำไป แต่เราขับรถมาเราเลยต้องอ้อมไป (ฮา) เราไปต่อกันที่โบสถ์ Svetitskhoveli Cathedral โบสถ์เก่าแก่อายุ 900 ปี ถ้ามาเมืองหลวงเก่านี้ต้องแวะมาชมให้ได้นะครับ ! เค้าว่ากันว่า….เสื้อคลุมที่พระเยซูใส่ก่อนถูกนำไปตรึงกางเขนเนี่ยถูกอ้างว่าอาจอยู่ที่โบสถ์แห่งนี้ครับ !!
จากตรงนี้คืนนี้เราจะไปหลับนอนกันที่เมือง Gori บ้านเกิดของจอมเผด็จการโซเวียต โจเซฟ สตาลิน ที่อยู่ทางทิศตะวันตกออกไปครับ ( ถ้าใครมาตอนที่มืดช้าหน่อย อาจจะแวะเที่ยว Uplistsikhe ได้เลยนะก่อนเข้าไปนอนที่ Gori แต่ด้วยที่ผมเที่ยวเดือน พย. พระอาทิตย์ตกไวมากเลยไม่ทันแสงครับ )
DAY4 : Gori – Kutaisi – Zugdidi
มาเมืองนี้ก็ต้องแวะชมอัตชีวประวัติของ โจเซฟ สตาลิน อดีตผู้นำของสหภาพโซเวียตอันเกรียงไกร Stalin museum พิพิธภัณฑ์สตาลินแห่งนี้ได้รสบรวมเรื่องราว ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของเขาไว้รวบรวมแม้กระทั่งอาคารที่สตาลินเกิดไว้อีกด้วย ใครที่ชอบเรื่องราวของสงครามโลกห้ามพลาดที่นี่ครับ ค่าเข้าชมคนละ 10 GEL เท่านั้นครับ และหากใครจะขึ้นรถไฟที่เป็นทั้งห้องทำงานและห้องนอนของสตาลินก็ต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ 5 GEL ครับ มาถึงทั้งทีแล้วเอาให้ครบครับอย่าไปเขียม
ไฮไลท์อีกอย่างของเมืองนี้ Uplistsikhe (ภาษาถิ่นแปลว่าป้อมปราการของขุนนาง) หรือที่เรียกกันว่าเมืองถ้ำอารมณ์เหมือนกับคัปปาโดเกีย ของตุรกี แต่เราไม่เห็นบอลลูนแฮะ เอ๊ะหรือว่ามีนะ ถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีขุดและเจาะชั้นหินเข้าไปในถ้ำเพื่อใช้เป็นที่อย่อาศัย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยยุคเหล็ก (1206-1150 ปีก่อนคริสตกาล) ถึงปลายยุคกลาง (คริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15) ค่าเข้าชมที่นี่คนละ 7 GEL ใครชอบผจญภัยก็เดินเล่นปีนป่ายโลดโผนได้ตามใจเลยไม่มีใครมาคุม ถือว่าฝึกปีนเขา (Rock climbing)
ไปในตัว
จากนั้น เรายังขับรถไปด้านซ้ายของจอร์เจียต่อไปอีก 3 ชั่วโมง ไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่โบสถ์ Bagrati Cathedral ที่อยู่ในเมือง Kutaisi กันครับ แม้จะจะได้รับความเสียหายอย่างหนักที่ผ่านมาแต่โบสถ์แห่งนี้ก็ได้รับการบูรณะอีกครั้งเมื่อปีคริสตศักราช 1950 เมื่อมาถึงยอดเนินที่ตั้งของโบสถ์หลังคาสีเขียวอ่อนแห่งนี้เราจะเห็นวิวแม่น้ำ Rioni อันสวยงาม รอเย็นย่ำถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินจะงดงามมากครับ เสร็จสรรพเราก็มุ่งซ้ายกันต่อให้เกือบสุดขอบประเทศจะได้ไปเจอกับทะเลดำ แต่ทริปนี้ไม่เจอนะแค่ได้ใกล้เคียง (ฮา) ค่ำนี้เราจะไปนอนกันที่เมือง Zugdidi กันครับ
DAY5 : Mestia – Ushguli
วันนี้เราออกจากที่พักกันเช้าหน่อยเพราะต้องเดินทางไกลขึ้นเหนือไปเมือง Mestia กันครับ ขับรถชมวิวหุบเขาตลอดทางมาประมาณ 3 ชั่วโมง เราเลือกมาที่พักเตรียมตัวไป DAY TRIP หมู่บ้าน Ushguli กัน พอขับรถมาถึงที่พักก็ให้เค้าติดต่อรถไป Ushguli ให้ได้มาราคา 2000 GEL ครับ (ต่อคัน)
ผ่านเส้นทางคดเคี้ยว ลัดเลาะไป ทางดีบ้างไม่ดีบ้างก็มาถึงหมู่บ้าน Ushguli เป็นหมู่บ้านโบราณตั้งอยู่บนยอดเขา Shkhara อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,000 กิโลเมตร เนื่องจากไปยากต้องดูสภาพอากาศและสภาพถนนด้วย เราจึงให้คนท้องถิ่นพาไปครับ ตรงไหนวิวสวยพี่แกก็จอดให้ลงไปถ่ายรูปกันด้วย รู้ใจนักท่องเที่ยวชาวไทยดีจริง ที่หมู่บ้านกลางเทือกเขาแห่งนี้เน้นการเลี้ยงสัตว์และเกษตรกรรม เราก็นั่งดูถ่ายรูปม้ากันไปครับ โลกช่างหมุนช้าจริงๆ และโบสถ์ของหมู่บ้านนี้ก็อยู่ในจุดสวยที่สุดเดินไปชมวิวกันได้
DAY6 : Mestia Tbilisi
ตะลอนขับรถมาจะเกือบทั่วประเทศ เตรียมตัวกลับบ้านเรากันได้แล้วครับ วันนี้เราใช้เวลาขับรถทั้งวัน 8 ชั่วโมงจาก Mestia มุ่งหน้ากลับไปเมืองหลวง Tbilisi กันครับ หรือถ้าใครไม่อยากเสียเวลานั่งเครื่องบินกลับไปเลยก็ได้นะครับ
DAY7 : Tbilisi – BKK
ปิดท้ายทริป 7 วัน เที่ยวธรรมชาติ ภูเขาลำเนาไพรมาซะเยอะ เรามาตะลุยเมืองกรุงกันต่อครับ ย่านที่จะพาไปคือ Fabrika ย่านถนนคนเดินของวัยรุ่น ให้เปรียบบ้านเราก็ตลาดนัดรถไฟรัชดาครับ ออกจะแปลกๆ หน่อย แต่เราแนะนำให้ไปกิน Shio Ramen ของร้านที่นี่ครับ เพราะมันอร่อยมากกกก
ถัดไปขอจิบกาแฟนหน่อย ที่ร้าน Coffee LAB แต่ร้านนี้อยู่ไกลออกไปจากใจกลางเมืองนะ สะดวกสำหรับคนที่เช่ารถขับ แต่ขอบอกว่าร้านนี้คือร้านกาแฟและอาหารเช้าที่สุดสำหรับทริปนี้
จบทริปตะลุย 7 วันในจอร์เจียกันแล้วนะครับ สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจสำหรับนักเที่ยวเลย คือค่าครองชีพที่นี่ถูกครับ อาหารการกินก็ดี ไวน์ถูก และบรรยากาศ วิว ทิวทัศน์ คุณภาพของสรรพสิ่งรอบตัวนี่ดูเลอค่ามากครับ ทริปหน้าไม่รู้จะไปเที่ยวไหนลองพิจารณามาจอร์เจียกันได้ครับ จอร์เจีย ไม่มีเพลีย เที่ยวเหอะ !!