เช้าวันที่ 3 ของการเดินทาง
. วันนี้เราจะมี day trip ไปที่ อุทยานแห่งชาติ Taroko ที่คนไทยอ่านว่า “ทาโรโก๊ะ” แต่จริงๆแล้วต้องอ่านว่า “ไท่ลู๋เก๋อ” นะครับ (Taroko National Park) ที่นี่ถือได้ว่าเป็นอุทยานแ
. เริ่มต้นวันแต่เช้าตรู่เรามากัน 4 คนดังนั้นจึงจับแท็กซี่จากโรงแรมไปยัง Taipei main station เลยไวกว่าและแพงกว่าค่ารถไฟนิดเดียวเอง เรามาถึงไวกว่ากำหนด 40 นาที เลยซื้อข้าวเช้ากินจากเซเว่นในสถานี เพื่อเอาไปทานเป็นมื้อเช้าบนรถไฟ* อาหารเซเว่นไต้หวันนี่ถือว่าเป็นที่ฝากท้องหลักของทริปเราเลยหล่ะมีทั้งโอเด้ง ทั้งเกี๊ยวซ่า และอาหารกล่องต่างๆซึ่งอร่อยแบบกินไม่เบื่อเลย
หมายเหตุ : เราสามารถทานอาหารบนรถไฟระหว่างเมืองได้เหมือนชิงคังเซ็นที่ญี่ปุ่น ( แต่รถไฟฟ้าห้ามนะครับ )
วันนี้เรานัดกลุ่มเพื่อนอีกกลุ่มที่ตอนแรกผมจะมาด้วยกันแต่พอกรุ๊ปใหญ่ขึ้นเราเลยแยกกัน และไปด้วยกันบางวันที่ออกนอกเมืองเช่นวันนี้ ก็ไลน์หากันว่าอยู่ไหนแล้ว
ชิล : “เมิง มาถึงยังวะ รออยู่ใน Platform แล้วนะกินข้าวรอ ”
เพื่อน : ” เออเพิ่งถึงมันอยู่ตรงไหนวะ Platform ไร ”
ชิล : “Platform xx ตามป้ายในตั๋วอะ แล้วซื้อข้าวเซเว่นมากินด้วย ไม่ก็มาตรง Platform ก็มีเซเว่นขายเหมือนกัน”
เรานั่งกินที่จุดพักรอขึ้นรถไฟสักพักเหลืออีก 10 นาทีก็ได้เวลารถออกจึงลงบรรไดเลื่อนไป แต่…
ไม่มีป้ายขบวนรถไฟของเรา ซวยแล้ว !
ผมวิ่งไปถามกลุ่มวัยรุ่นว่าใช่ตรงนี้รึเปล่า น้องเค้าไม่ค่อยเข้าใจภาษาอังกฤษแต่ก็ พอจะสื่อสารได้ว่าเรามาผิดช่อง ต้องไปฝั่งตรงข้าม ผมวิ่งไปชั้นบนที่เราลงมา ถามกับนายสถานีให้แน่ใจว่าเราต้องไปอีกช่องจริงๆ
พอมั่นใจแล้วก็เรียกพี่ให้ตามมาด้วยความเร่งรีบ กลัวตกรถไฟ พอลงอีกฝั่งหนึ่งก็เจอรถไฟมาจอดพอดีเห้อ โล่งอก
. รถไฟออกตรงเวลาเรานั่งรถไฟที่ไม่ใช่ Hispeed แต่มันก็ดีงามไม่แพ้กันเลย ลองดูสภาพภายในรถสิ มันช่างสะดวกสบายน่านั่งจริงๆ เส้นทางที่ไป Taroko จะผ่านเส้นทางริมทะเลหลายครั้ง นั่งชมวิวบ้างหลับบ้าง 3 ชม.กว่าๆก็มาถึงสถานี “Hualian”
พอออกจากสถานีจะเจอแท็กซี่มารอเต็มไปหมดก็ลองต่อรองราคากันดูครับ อยู่ที่ประมาณ 2500-3000 TWD ต่อ 4-5 คน ซึ่งเราต่อรองกับแท็กซี่มาได้เป็น Toyota wish นั่งได้ 7 คนไปคันเดียวทั้งกลุ่ม เหมามาได้ที่ราคา 3500 TWD รวม Qingshui Cliff ไปด้วย
เพิ่มเติม : ถ้าใครไปคนเดียวมีรถบัสดูได้จาก http://www.taroko.gov.tw/English/?mm=5&sm=3&page=4 ขอบคุณข้อมูลคุณ 石書亭 คนใน FB Page ครับ
จุดแรกที่รถจะพาไปก่อนเพื่อนเลยคือ “Qingshui Cliff” เป็นหน้าผาที่จะชมวิวทะเลได้สวยงาม บรรยากาศสวยทีเดียวแหละ แต่น่าเสียดายที่ตอนเราไปไม่สามารถเดินลงไปได้เค้าปิดทางเดินเพราะน่าจะไม่ปลอดภัยหน่ะ เลยอดชมทะเลใกล้ๆเลย
หลังจากแวะ Qingshui Cliff เสร็จแล้วก็ขึ้นรถแท็กซี่จะพาไปจุดต่อไปคือ ปากทางเข้า Taroko อุทยานทาโรโกะ จะเป็นแนวเขามีลักษณะคล้ายช่องเล็กที่อยู่ระหว่างยอดเขาสูง และ ช่องเขาที่มีหน้าผาสูงชันซึ่งหน้าผานั้นจะเป็นหินอ่อนสลับกับหยกที่เรียงรายไปตามทางหน้าผา
เราแวะถ่ายรูปกับทางเข้าสักพักเสร็จแล้วก็ขึ้นรถต่อไปยังจุดต่อไปคือ Changchun (Eternal Spring) Shrine เป็นน้ำตกสายเล็กๆที่มี trail ให้เราเดินไปประมาณสัก 600 เมตรไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป ตอนนี้เราจะเริ่มเห็นความอลังการของขุนเขาไท่ลู๋เก๋อแล้วหล่ะ เห็นน้ำตกไกลๆตรงโน้นไหมครับเดียวเราจะเดินอ้อมไปกัน
ลองเทียบสเกล กับ คนดูครับ ว่าภูเขาแถวนี้ใหญ่โตขนาดไหน
จากภาพด้านบน พระจะอยู่ทางซ้ายครับ
ถ้าใครยังมีแรง สามารถเดินขึ้นเขาไปต่อได้ครับ แต่ผมไม่ได้เดินละเก็บแรงไว้ที่อื่นดีกว่า
พอผมไหว้พระเสร็จ หันมาก็ไม่เจอเพื่อนผมซะแล้วมันหายไปไหนวะ ผมคิดในใจว่าเพื่อนน่าจะเดินขึ้นเขาไปแน่เลย แต่ผมมองขึ้นไปด้านบนละโคตรสูงขอบายดีกว่า ผมก็เลยเดินกลับมาหาพี่กับแม่ ที่ไม่ได้ไปด้วยกัน
ณ จุดที่แท็กซี่มาจอดพอเดินลงบรรไดลงมานิดหนึ่งจะเจอร้านชา นั่งจิบชาชมบรรยากาศก็คงฟิน
ขอพูดถึงแท็กซี่ที่ไท่ลู๋เก๋อสักหน่อย คือพี่คนขับพูดอังกฤษไม่ได้เลยแต่เราก็ยังพอจะสื่อสารเข้าใจด้วยภาษามือ และเค้าก็ใช้ smartphone แปลจากจีนเป็นอังกฤษให้เราอ่านด้วย รวมทั้งการแวะแต่ละจุดไม่เคยเร่งเลยอยากอยู่นานแค่ไหนก็อยู่ครับ
ดูเส้นทางการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ http://www.taroko.gov.tw/English/?mm=5&sm=2&page=1#up
พอขึ้นรถสักพักคนขับก็ขับพาเข้าไปที่ Swallow grotto ซึ่งก่อนถึงจุดนี้อยู่ดีๆคนขับก็จอดรถ แล้วทำมือบอกว่าไม่ต้องลง เค้าลงไปเอาหมวกมาให้ใส่ครับเพราะมีโอกาสที่หินจะหล่นมาใส่หัวเราได้ ป้องกันไว้ก่อน
คนขับจะปล่อยเราลงให้เดินประมาณ 1 กิโลเมตรมั้งครับ แล้วคนขับจะไปขับรถไปรอรับตรงสิ้นสุดทาง เราก็เดินชมเส้นทางไปเรื่อย เขาทั้งเขาเป็นหินอ่อน สุดอลังการงานสร้าง คือต้องมาชมด้วยตานะที่นี่ ถ่ายรูปไม่ขึ้นครับ
พอสิ้นสุดทางเลื่อน เฮ้ย! สิ้นสุดทางเดินเราก็ไปทานข้าวกันครับ น้าคนขับพาไปตรงคล้ายๆ visitor information (Taroko Terrace) ซึ่งจะเลยจุดไฮไลท์ที่ชื่อว่า Cimu Bridge ไปก่อนครับ
ตรงนี้จะมีร้านข้าวให้เราเลือกประมาณ 3 ร้าน ถูกใจร้านไหนก็เข้าไปเลยครับ เมนูอาหารมีภาษาอังกฤษ ( รสชาติไม่อร่อย แค่พอทานได้ แพงกว่าในไทเป แต่ราคายังรับได้ครับ )
กินเสร็จแล้วแถว Taroko Terrace เนี้ยจะมีเหมือนเขาย่อมๆมีเจดีย์ และ เจ้าแม่กวนอิม ผมกับเพื่อนก็ไปลุยกันสองคนครับปล่อยคนอื่นรอแถวๆเดิมไปก่อน สายลุยเดินกัน
ตรงเจดีย์สามารถเดินขึ้นไปได้อีกประมาณ 5 ชั้นครับ วิวสวยงามอลังการมากกกกกก คุ้มค่าที่เดินมาจริงๆ
( เห็นปลายสะพานทางด้านซ้ายไหมครับ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เราเดินมา ก็ไกลไม่น้อยนะ )
พอเสร็จแล้วก็เดินกลับย้อนไปทางเดิมครับ และก็ขึ้นรถไปจุดไฮไลท์คือ Cimu Bridge ลองดูหินใต้สะพานแดงนะครับ มันจะรูปร่างคล้ายกบ ลองจินตนาการดู
ย้ำอีกครั้งนะครับ หินที่เห็นทั้งหมดคือ “หินอ่อน” รัฐบาลเค้าอนุรักษ์ไว้ครับไม่ให้ทำสัมปทาน
เนื่องจากเราเที่ยวกันแบบ slow life มากแวะแต่ละจุดอย่างนาน คนขับไม่ได้เร่งนะครับแต่เค้าบอกว่าจะมืดแล้วให้ขึ้นรถไปเถอะ ตอนแรกเราก็คิดว่าเค้าจะไปส่งเราที่สถานีครับ แต่คนขับพาไปอีกที่
เราก็งงๆเพราะมาถึงฟ้าก็เริ่มมืดแล้วครับ นับถือในความจริงใจของคนขับจริงๆ ที่นี่มาค้นทีหลังชื่อว่า Chishingtan Beach ครับ
จากนั้นเราก็นั่งรอรถไฟที่สถานี Hualian ที่เราจองไว้รอบประมาณ 1 ทุ่มเพื่อกลับไปไทเปครับ เป็นอันจบ Daytrip Taroko พอกลับไปถึง Taipei main station เราก็ไปกินชีสเค๊กตามที่ได้เขียนไปใน ไปไต้หวันอย่าพลาดไปกินชีสเค๊กร้าน Uncle Tetsu นะรู้ยัง! พออิ่มและฟินก็กลับโรงแรมไปนอนสลบ พรุ่งนี้ต้องออกนอกเมืองอีกแล้วเราจะไป เย่หลิว และ จิ่วเฟิน กันครับ
ถ้าใครไปไทเปแล้วมีเวลาแนะนำให้มาไท่ลู๋เก๋อครับ ของจริงสวยกว่าในภาพเยอะมากๆๆ ต้องมาสัมผัสเอง
ชิล
::
Blog : www.ChillJourney.com
Facebook : facebook.com/ChillJourney
#ChillJourney
Instragram :@ChillJourneyTHติดตามการเดินทางของชิวตามไปที่ ::
Facebook Page : Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Youtube : ChillJourney
Blog แนะนำเคล็ดลับการจองที่พัก อ่านเถอะจะได้ไม่พลาดอีก!