ถ้ามีใครสักคนมาบอกว่า “เฮ้ย! ไปเที่ยวทีสิ เดียวออกตังให้คงอารมณ์เหมือนถูกหวย หรือชิงโชคได้รางวัลอะไรสักอย่าง … เที่ยวฟรีเนี้ยนะ

 

:      แต่ผมจะบอกว่า มันมีอาชีพที่ได้แบบนี้  “เป็นประจำ” หรือเราอาจจะเรียกแบบหล่อๆว่า “อาชีพรับจ้างเที่ยว” ก็ไม่ผิดนัก หน้าที่ของพวกเค้าก็คือไปเที่ยว ไปพัก ไปกิน แล้วกลับมาเล่าให้คนอ่านแล้วสนุกอยากไปเที่ยวตาม แค่นั้นเอง

:      ผมคิดว่าอาชีพนี้มันมีมานานแล้วนะ แต่เป็นในลักษณะของนักเขียนในนิตยสาร หรือ พวกที่เขียนหนังสือขาย แต่สัก 3-5 ปีมานี้ในบ้านเราโลกออนไลน์เริ่มบูมเลยเกิดอาชีพใหม่ ที่เรียกว่า “Blogger”  บล็อกเกอร์หรือนักเขียนก็คล้ายกันแต่ต่างกันที่ blogger เป็นคำเรียกของนักเขียนที่เขียนบนโลกออนไลน์ สร้างช่องทางการปล่อยบทความของตัวเอง แต่ถ้าในต่างประเทศน่าจะมีมากกว่า 10 ปีขึ้นไปแล้ว

:      Blogger ถูกแบ่งเป็นหลายสายตามความถนัด ที่ฮิตๆกันก็จะมี

  1. beauty blogger พวกที่เขียนเรื่องสวยๆงามๆ การแต่งหน้า การดูแลผิว
  2. Travel blogger เขียนเรื่องเที่ยว กิน ที่พัก
  3. IT Blogger ก็จะทำรีวิวพวก gadget สินค้าไอทีใหม่ๆ

 

และจริงๆแล้วเนี้ยมันเฉพาะเจาะจงลงไปอีกนะ เช่น Travel blogger ก็อาจจะแยกได้เป็น สายเที่ยว , สายกิน ( food blogger ) , สายที่พัก   โอ้ยเดียวยาว ขอเล่ายาวแค่พอเข้าใจละกัน

 

:      คนที่ผ่านมาอ่าน blog นี้ก็คงแบบ เห้ย อยากทำบ้าง ทำยังไง … ชีวิตดี้ดีทำฟรีก็ยอม ผมจะบอกว่า “มันไม่ง่าย” การที่จะทำให้งานเขียนของตัวเองเป็นที่ยอมรับจนมีคนมาให้สปอนเซอร์เนี้ย ต้องผ่านการเที่ยวเอง จ่ายเอง เขียนแบบไม่มีผลตอบแทนและคนสนับสนุนมากกว่า 1 ปีเป็นขั้นต่ำ และเท่าที่อ่านมา blog ที่ประสบความสำเร็จจะใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 3 ปีขึ้นไป !

 

ลองคิดดูว่าถ้าคุณต้องทำอะไร 3 ปีโดยไม่ได้ผลตอบแทนสักบาท คุณจะทำเพราะอะไร?

… ใช่ งานนี้เป็นงานที่คุณต้องเริ่มจากทำเพราะ “ใจรัก” …

:      จากที่ผมได้คุยมาบล็อกเกอร์ทุกๆคนต่างเริ่มด้วยการรักในสิ่งที่ตัวเองทำ แล้วเขียนออกมา โดยไม่ได้คาดคิดว่ามันจะมาถึงจุดนี้ ผมถึงกับเคยถามตัวเอง “นี่เราเดินมาถึงจุดนี้ได้ยังไงวะ” เอ้าเพลงโปเตโต้มา !   เฮ้ยผิด … เพราะฉะนั้นถ้าคุณคิดจะทำเพราะว่าอยากเที่ยวฟรี คุณหน่ะคิดผิดตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว

_MG_9212CV

Q : “อยากเริ่มเขียนชิลมีคำแนะนำอะไรไหม”

A :  ให้เริ่มเขียนซะตั้งแต่วันนี้ แม้ภาพและสิ่งที่คุณเขียนมันจะห่วยแค่ไหน มันจะเป็นประสบการณ์ให้คุณพัฒนางานของคุณให้ดีขึ้น ลองสังเกตบทความ blogger ที่คุณชอบดูสิแล้วลองถามตัวเอง “ทำไมคุณถึงอยากอ่านผลงานของเค้า” นั้นแหละคำตอบของคุณและเอามาปรับใช้กับงานตัวเองสิ …

Don’t be evil

อันนี้อยากเขียนแนะนำแล้วกัน ถ้าคุณเกิดเป็นที่รู้จักขึ้นมาแล้วสปอนเซอร์มาจ้างให้เขียน แล้วคุณรับเงินมาอวย “คุณกำลังฆ่าตัวตาย” ในคลาสเรียน MBA ผมได้เรียน case study ของ Google พอเว็บเริ่มดัง เค้าก็เริ่มจ้าง marketing เข้ามาเพื่อถามว่า “จะหารายได้เข้ามาได้ยังไง” ทางมาเกตติ้งบอกว่า

“ทำไมเราไม่ให้คนจ่ายเงินขึ้นหน้าแรก เราน่าจะได้เงินเข้าบริษัทมหาศาลเลยนะ”

“Don’t be evil”  ทางทีมวิศวกรผู้ก่อตั้งพูดออกแปลไทยว่า “เห้ย! อย่าขี้โกง” นี่แหละเลยเป็นคำยึดของ Google มาตลอดว่าในฐานะคนจัดอันดับ หรือคนรีวิว “อย่าอวย” ดังนั้นในฐานะที่เราเป็น blogger ถ้าคุณอยากอยู่รอดปลอดภัยในโลกใบนี้คุณต้องยึดหลักเดียวกัน ” Don’t be evil ” เดียวนี้เป็นยุคที่ผู้บริโภครับได้แล้วครับว่าคุณไม่ได้ซื้อสินค้าเอง แต่เค้าอยากอ่าน “Fact” ก่อนจะไปลองด้วยตัวเองและซื้อเท่านั้นเอง

ติดตามการเดินทางของชิวตามไปที่ ::

Instragram :@ChillJourneyTH
Facebook Page : Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Youtube : ChillJourney

Blog แนะนำเคล็ดลับการจองที่พัก อ่านเถอะจะได้ไม่พลาดอีก!