ลองจินตนาการต่อว่าถ้า มีแสงสีเสียง ไปฉายอยู่บนหลังคาของ Sydney Opera house หล่ะมันจะเจ๋งขนาดไหน !!

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ชิลตัดสินใจไป Sydney ในทันทีในช่วงเวลาเทศกาลนี้ และ นั่นก็ก็เป็นเหตุผลทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกกว่า 2 ล้านคน เดินทางเข้ามาชมเทศกาลแห่งแสงไฟ และเสียงดนตรีที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ของเมืองซิดนีย์ หรือชื่องานว่า Vivid Sydney

Vivid_Sydney_MG_7405

Vivid Sydney เกิดจากความชาญฉลาดของประเทศ Australia แม้กระทั่งมหานครที่คนทั่วโลกรู้จักอย่าง ซิดนีย์ ก็มีความเบาบางของนักท่องเที่ยวในช่วง Low season (หน้าหนาว)

เนื่องด้วยสภาพอากาศช่วงหน้าหนาว ลดเหลือ 10-15 องศา และมีช่วงกลางวันสั้นเพียง 9 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น

หนาวๆก็คงไม่มีใครเล่นน้ำทะเลกันใช่ป่ะละ ดังนั้นชายหาดก็จะเงียบมากกกกกกกกกกกก

แต่หากคิดจะมาเดินเล่นชิวๆในเมืองก็มืดไวไปอีก !  ลองนึกสภาพดูซิเมืองจะร้างนักท่องเที่ยวขนาดไหน?

ไหนๆมืดไวและเงียบใช่ไหมงั้น ก็จัดงาน แสง สี เสียง ให้ครึกครื้นกันไปเลยสิ

ไม่ใช่คิดเล่นๆแต่เค้าลงมือทำจริงตั้งแต่ปี 2009 และในปี 2015  มีนักท่องเที่ยวมาร่วมงาน Vivid Sydney มากถึงประมาณ 1.7 ล้านคน !!

Vivid_Sydney_MG_7472

.       งาน Vivid Sydney คือการผสมผสานระหว่าง “แสง” , “เสียง” , “ไอเดีย”  โดยเริ่มจัดตั้งมาตั้งแต่ปี 2009 และงานได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม จึงทำให้มีการจัดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และงานนี้ยังมีบริษัท Intel ที่เรารู้จักกันในนามของผู้ผลิต CPU เป็น major partner ของงานนี้มาถึง 6 ปีแล้วด้วยกัน หลายคนอาจจะมีคำถามเหมือนผมในตอนแรกว่า

“เทคโนโลยีมันมาเกี่ยวข้องกับศิลปะได้อย่างไร?”

.       คืองี้ครับด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆการประมวลผลแรงๆมันทำให้เราสามารถ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆขึ้นได้ด้วยความแรงของการประมวลผลอันรวดเร็ว   ตัวอย่างเช่นถ้าเราต้องการถ่ายภาพด้วยกล้องตัวหนึ่งแล้วประมวลผลยิงไปที่น้ำพุด้านหลังในทันที  ในอดีตอาจจะมีคนคิดอยากทำ แต่ยังทำไม่ได้เพราะ CPU ยังคำนวณได้ไม่เร็วพอ แต่ปัจจุบันนี้ก็ทำได้แล้ว จนมี Spearker คนหนึ่งในงานบอกว่า “เราไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานศิลปะใหม่ๆได้  โดยไม่มีเทคโนโลยีอีกต่อไป”

Vivid_Sydney_MG_7669

 

.       ไฮไลต์ของงานอยู่ที่การฉายโปรเจคเตอร์เป็นเรื่องราวไปยังหลังคาของ Opera house ซึ่งจะฉายเป็นภาพเครื่องไหว สามารถดูเพลินไม่เบื่อได้เป็นชั่วโมง ( จุดชมที่ดีสุดผมคิดว่าคือฝั่งตรงข้าม Sydney opera house ทางด้านซ้ายที่มีทางเดินริมอ่าว )    และนี่คือตัวอย่างบางส่วนที่ผมถ่ายภาพมาให้ชมกันครับVivid_Sydney_MG_7440

 

Vivid_Sydney_MG_7416

 

Vivid_Sydney_MG_7415

 

Vivid_Sydney_MG_7403

 

Vivid_Sydney_MG_7402

ยังอลังไม่พอเพราะในงานยังมีจุดประดับไฟรอบเมืองอีกกว่า 60 จุดทั่วบริเวณอ่าว Sydney !

 

ตัวอย่าง แสงสีที่ The rock
Vivid_Sydney_MG_7461

 

Vivid_Sydney_MG_7450

ยิงไฟเข้า Contemporary of art !

Vivid_Sydney_MG_7485

สแกนใบหน้าด้วยกล้องที่ใช้เทคโนโลยี RealSense™ ของ Intel®  และฉายบนม่านน้ำที่ Darling Harbour

Vivid_Sydney_MG_7506

แสงสีที่เนรมิตร สวนธรรมดาให้มีชีวิตชีวา ยั่งกับในการ์ตูน animation

Vivid_Sydney_MG_7538

 

Vivid_Sydney_MG_7556

สะพาน Habour bridge ในวันที่ประดับไฟ

Vivid_Sydney_MG_7567

ครั้งแรกกับ Drone 100

 

.       ปิดท้ายงานด้วยการแสดง Drone 100 พลุแบบใหม่ ที่ใช้ Drone ติดไฟจำนวน 100 ตัว ที่ถูกควบคุมและประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์และส่งออกไปเต้นระบำในท้องฟ้าประกอบกับวงดนตรีออเคสตร้า อย่างที่ไม่เคยมีจัดแสดงในแถบเอเชียมาก่อน!

picture credit : https://iq.intel.com.au/100-dancing-drones-set-world-record/

Intel-Drone-100-Light-Show-980x653-980x653

 

Intel-Drone-100-Light-Show-Orchestra2-1024x683 (1)

ถ้ายังนึกไม่ออกแนะนำให้ดูคลิปนี้เลยรับรอง ต้องทึ่งแน่ๆ

เอาหล่ะ สำหรับงานปีนี้ไปไม่ทันไม่เป็นไร ปีหน้าอย่าลืมจองคิวไว้หล่ะ ช่วงประมาณ เดือน 5 – 6 ที่ซิดนีย์งานดีๆรอคุณอยู่ครับ เพราะไม่ควรพลาดเทศกาลระดับโลกแบบนี้จริงๆ

ติดตามการเดินทางของชิวตามไปที่ ::

Instragram :@ChillJourneyTH
Facebook Page : Chill Journey :: เที่ยวอย่างชิว
Youtube : ChillJourney

Blog แนะนำเคล็ดลับการจองที่พัก อ่านเถอะจะได้ไม่พลาดอีก!